การแสดงเปิดตัวคนงามผู้อ่อนแอ 1.1
การแสดงเปิดตัวคนงามผู้อ่อนแอ
หนิงฉีอยู่อย่างเจียมตัวได้เพียงไม่กี่วัน เด็กชายก็ได้ก่อเรื่องใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง เรื่องงามหน้าที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มาถึงหูของหนิงเยี่ยนในตอนที่เขากำลังพักผ่อนอยู่บนตั่งนอน
อู๋ฮวนที่มีหน้าที่ติดตามคุณชายสิบสามก็ได้วิ่งกลับมาที่คฤหาสน์เพื่อรายงานว่า น้องชายของเขาถูกกล่าวหาว่าผลักเด็กอีกคนตกน้ำ และในยามนี้ เด็กชายกำลังเผชิญหน้ากับผู้ปกครองของเด็กผู้นั้น พร้อมกับบรรดาชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์อยู่
นอกจากนี้เจ้าน้องชายจอมก่อเรื่อง ยังฝากคำเอ่ยแนบท้ายมาให้เขาอีกว่า ‘พี่เจ็ดไม่จำเป็นต้องรีบมา มารดาของต้าหลางผู้นี้ ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเสียที่ไหนกัน’
เมื่อหนิงเยี่ยนได้รับทราบเรื่องแล้ว สองนายบ่าวจึงเดินทางออกจากคฤหาสน์ไปยังสถานที่เกิดเหตุ โดยมีอู๋ฮวนเป็นผู้นำทางในทันที
ยามที่ไปถึงบริเวณที่เกิดเรื่องนั้น ชาวบ้านทั้งหลายกำลังยืนราย¬ล้อมผู้ก่อเหตุ พยาน และ ผู้เสียหายเอาไว้ให้อยู่ตรงกลาง เมื่อเดินเข้าไปใกล้ หนิงเยี่ยนไม่รอช้าที่จะไล่มองไปยังกลุ่มคนตรงหน้า อย่างต้องการที่จะหาตัวน้องชายจอมก่อเรื่องให้เจอในทันที
“คุณชายสิบสามอยู่ตรงนั้นขอรับ” โจวจื่อรั่วที่มองหาเจอ ก่อนรีบชี้ให้เจ้านายของตนดู
คุณชายเจ็ดไล่สายตามมองตามไปยังปลายนิ้วของบ่าวคนสนิท จึง¬ได้เห็นว่าในตอนนี้ น้องชายคนดีของตนกำลังยืนร้องไห้อยู่ท่ามกลางคนมากมาย แม้จะกำลังร้องไห้อยู่ แต่การเป็นการร้องไห้เงียบ ๆ ไม่ได้แหกปากร้องเสียงดังจนน่ารำคาญ เด็กชายใช้ชายเสื้อเช็ดน้ำตาด้วยตนเองอย่างเข้มแข็ง และยังพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองหลุดเสียงสะอื้นออกมา
การแสดงออกของหนิงฉี ช่างชวนให้ผู้พบเห็นเกิดความสงสารและเห็นใจยิ่งนัก
“ท่านป้า ข้าไม่ได้ผลักพี่ต้าหลางตกน้ำจริง ๆ นะขอรับ”
หนิงฉีเอ่ยกับเมิ่งซื่อหญิงวัยกลางคนผู้เป็นมารดาของเด็กที่ตกน้ำด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“หากไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นผู้ใด เป็นเด็กเป็นเล็ก ริอ่านเอ่ยวาจาโกหก ในเมื่อเจ้าไม่มีบิดา อีกทั้งมารดายังไม่มีปัญญาสั่งสอน ผู้อาวุโสอย่างข้าจะถือวิสาสะตีสั่งสอนเจ้าเอง”
กล่าวจบ เมิ่งซื่อก็พุ่งตรงเข้าหาหนิงฉีอย่างดุร้าย หวังกระชากเด็กชายมาตีสั่งสอน แต่เพราะมีชาวบ้านหลายคน ที่ก่อนหน้าถูกท่าทางอันน่าสงสารของเจ้าตัวร้ายล่อลวง จึงได้ก้าวออกมาขวางไม่ให้หญิงนางนั้นเข้าถึงตัวของหนิงฉีได้
“เพราะท่านเห็นว่าข้าไม่มีบิดาคอยปกป้องนี่เอง ท่านถึงได้มาหาเรื่องรังแกข้า ท่านลุงท่านป้าทั้งหลาย ตัวข้าหนิงฉีช่างเกิดมาอาภัพนัก ฮือ¬ออ” หนิงฉีที่หลบอยู่หลังผู้ใหญ่ไม่รอช้า ที่จะเอ่ยประโยคในเชิงตัดพ้อชีวิตออกมา
แต่หากตั้งใจวิเคราะห์ให้ดี จะรู้เลยว่าคำเอ่ยของเด็กน้อย นอกจากจะสามารถดึงความเห็นใจจากผู้อื่นมาไว้ที่ตัวเองได้แล้ว ยังมีเจตนาต้องการยั่วยุฝ่ายตรงข้ามให้โมโหอีกด้วย
เหตุการณ์ที่คนหนึ่งพยายามจะเข้าไปตบตีเด็กชายตัวเล็ก แม้จะถูกผู้อื่นขวางเอาไว้ ก็หาได้สนใจ ยังคงเกิดขึ้นต่อไป แม้จะมีคนเอ่ยห้ามขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถหยุดความอารมณ์ร้ายของสตรีผู้นี้ลง¬ได้เสียที จนกระทั่ง…
“หยุดนะ” หนิงเยี่ยนตะโกนออกไปหลังเห็นว่าถึงเวลาที่ตนสมควรจะออกโรงได้แล้ว
น้ำเสียงอันไพเราะของผู้มาใหม่ ทำให้กลุ่มคนทั้งหมดที่ยืนอยู่หัน¬ไปดู จึงได้เห็นว่าเกอผู้แสนงดงามที่ยากจะได้พบหน้าสักครั้งผู้นั้น ตอนนี้กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาแล้วจริง ๆ
“เจ้ามาก็ดีแล้ว สั่งสอนบุตรชายอย่างไร ถึงได้มารังแกลูกผู้อื่นจน¬บาดเจ็บเช่นนี้ ห้ะ” เมิ่งซื่อที่เรียกสติกลับมาได้ก่อนใครเอ่ยขึ้นอย่างมีโทสะ
หนิงเยี่ยนไม่ตอบคำถาม เขาเลือกที่จะเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างกายของบุตรชายปลอม ๆ ก่อนจับเด็กชายหมุนไปมา เพื่อตรวจหาว่ามีบาดแผลหรือร่องรอยใดเกิดขึ้นหรือไม่ เมื่อสำรวจจนโล่งใจแล้ว จึงค่อยหันมาเผชิญหน้ากับฝ่ายของคู่กรณี
“ขอถามพี่สะใภ้ ท่านอยู่ในเหตุการณ์ตอนเกิดเรื่องหรือไม่”
ก่อนหน้านี้เขาได้ฟังเรื่องราวจากปากของอู๋ฮวนที่อยู่ในเหตุการณ์มาแล้ว จึงพอรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทราบดีอยู่แล้วว่าผู้ใดบ้างที่¬อยู่ในเหตุการณ์นั้น
“ไม่ ข้าไม่ได้อยู่”
“แล้วท่านแน่ใจได้อย่างไร ว่าเป็นฉีเอ๋อร์ของข้า ที่ผลักบุตรชายของท่าน”
“ก็ต้องเป็นเขาอยู่แล้ว หากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นผู้ใดได้อีก” เมิ่งซื่อตอบกลับอย่างมั่นใจ บุตรชายของนางยืนยันเองกับปาก จะผิดไปจากนี้ได้¬อย่างไรกัน
หนิงเยี่ยนเห็นว่าผู้เป็นแม่ยืนกรานแต่จะให้เด็กน้อยของเขาเป็นคน¬ผิด ต่อให้สนทนากันด้วยเหตุผลต่อไป ก็คงจะมีแต่เสียเวลามากขึ้นเท่านั้น ร่างบางถึงหันไปถามบุตรชายของนางแทน
“ต้าหลาง เจ้าเห็นกับตาตัวเองหรือไม่ว่า ฉีเอ๋อร์เป็นผลักเจ้าตกลง¬ไปในแม่น้ำ เจ้าไม่ต้องกลัวนะ ตอบความจริงออกมาก็พอ หากเขาเป็นคนทำ ข้าจะจัดการเขาให้เจ้าอย่างยุติธรรมแน่นอน”
หนิงเยี่ยนเอ่ยกับเด็กที่ตกน้ำซึ่งโตกว่าหนิงฉีอยู่มาก ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่ได้คาดคั้นอะไร ต่างจากก่อนหน้านี้ ที่เมิ่งซื่อถามหาคำตอบเอากับหนิงฉีโดยสิ้นเชิง ด้วยความแตกต่างนี้ ทำให้หลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์อดเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้
“ข้าไม่เห็น” ต้าหลางถูกความอ่อนโยนของผู้ใหญ่ตรงหน้าละลายหัวใจ ทำให้เขาเผลอเอ่ยความจริงออกไปอย่างไม่รู้ตัว
“เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าเจ้ายืนยันกับแม่ว่า เด็กนั่นผลักเจ้าไม่ใช่หรือไร”
“ขะ ข้าไม่รู้ ท่านแม่ พาข้ากลับบ้านเถิด ข้าเจ็บแผลแล้ว”
