บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ต่างคนต่างเกลียด

บทที่ 4

ต่างคนต่างเกลียด

ไม่ค้างคาใจ

ม่านลี่เซียนสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครา นางยังคงกลัวโหวหยางหย่งเหวินอยู่ แต่กลัวที่จะต้องไปเป็นอนุภรรยาของขุนนางเฒ่ามากกว่า

อีกทั้งเหตุการณ์ในชาติก่อนก็ทำให้นางได้รู้ว่าหยางโหวมีความเป็นสุภาพบุรุษ เขาไม่เคยทำร้ายสตรี แม้จะเย็นชาแต่ไม่ใช่คนที่ทำให้สตรีต้องร้องไห้ เว้นเพียงแต่ว่าพวกนางจะร้องไห้เพราะไม่ได้รับความรักจากเขา...

ซึ่งนางเตรียมใจที่จะเป็น ‘ภรรยาแสนชัง’ ของเขาเอาไว้แล้ว...

ม่านลี่เซียนมองไปยังหญิงสาวอีกคนที่ยืนใช้พัดโบกไปมาอยู่ใต้ร่มไม้ สตรีผู้นั้นคือคุณหนู ‘เจียงซือเป่า’ บุตรสาวคนที่สามของเสนาบดีกรมคลัง เป็นสตรีที่น่ารักสดใส ร่าเริง และมองโลกในแง่ดี

นางจำได้ว่าชาติก่อนเมื่อถูกพลังปราณปะทะเข้าที่อก คุณหนูผู้นี้ถึงกับร้องไห้ออกมาราวกับเด็กๆ จนสาวใช้ต้องวิ่งวุ่นปลอบโยนอยู่หลายชั่วยาม ด้วยเป็นคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอม การถูกปราณสังหารปะทะเข้าสู่ร่างอย่างหยาบคายย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจไม่น้อย

มองไปอีกทางคุณหนู ‘หลงจิวฮวา’ บุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการกำลังชะเง้อมองไปรอบๆ ราวกับกำลังมองหาใครอยู่ สตรีผู้นี้เป็นผู้ที่เคยพบหยางโหวมาก่อน อีกทั้งยังหลงรักหยางโหวมาโดยตลอดอีกด้วย

และสองคนสุดท้าย คุณหนู ‘หวังเนี่ยนเจิน’ และ คุณหนู ‘หมิงเยว่จวน’ คุณหนูสองท่านนี้ถูกบิดาบังคับมา ไม่ได้มีใจอยากเข้าร่วมเลยสักนิด ทันทีที่ไม่ได้รับเลือกก็ถึงกับดีใจจนร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว

ลี่เซียนหวนคิดอะไรไปเพลินๆ จนเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองมาอย่างชิงชัง เมื่อมองตามไปจึงเห็นว่าเป็นสายตาของหลี่ไฉ่หง อดีตลูกเลี้ยงของนางในชาติก่อนนั่นเอง

“สวะ!”

คุณหนูหลี่จงใจขยับปากแต่ไม่ออกเสียง รู้สึกเกลียดชังสตรีบอบบางในชุดสีฟ้าอ่อนจับใจ ยิ่งเมื่อรู้ว่าสตรีผู้นั้นคือบุตรสาวคนโตของตระกูลม่าน คุณหนูที่ใครต่อใครต่างปรามาสว่าไร้ตัวตนนางก็ยิ่งรู้สึกดูแคลน

ทางด้านม่านลี่เซียนไม่ได้ตกใจกับท่าทางหยาบคายของหลี่ไฉ่หง นางส่งยิ้มพลางก้มศีรษะน้อยๆ ราวกับจะบอกเป็นนัยๆ ว่านางไม่คิดจะแลกด้วยกิริยาหยาบคายเฉกเช่นที่อีกฝ่ายกระทำอย่างแน่นอน

หากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอาจม แล้วเหตุใดข้าต้องลดตัวลงไปเกลือกกลั้ว

ซึ่งนั่นทำให้หลี่ไฉ่หงถึงกับเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงด้วยความเกลียดที่เพิ่มทวีคูณ

‘ไม่ถูกชะตา!’

ยิ่งอีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้ไฉ่หงก็ยิ่งรู้สึกเกลียดจนอยากจะใช้เล็บข่วนลงบนใบหน้างดงามนั่นเสียเหลือเกิน นางหมายมั่นว่าในบรรดาสตรีทั้งเจ็ดนางจะเป็นคนที่งดงามที่สุด แต่แล้วนังคุณหนูไร้ตัวตนนั่นกลับทำให้ความงามของนางหม่นแสง

แม้นางพอจะรู้มาบางว่าม่านลี่เซียนเป็นหญิงงาม แต่นางไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีค่าพอที่จะเป็นคู่แข่ง เพราะสายของนางรายงานว่าม่านลี่เซียนเป็นคนหม่นเทา มักก้มหน้าหลบตา ห่อไหล่จนงองุ้มอยู่เสมอ แต่แล้วเหตุใดวันนี้นังสวะจึงได้เชิดหน้าชูคอเล่า!

ม่านลี่เซียนยังรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายจ้องมองนางมาอย่างเกลียดชัง หญิงสาวจึงยิ่งแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี

‘เกลียดชังข้าเช่นนี้นะดีแล้ว ข้าจะได้ไม่รู้สึกผิดที่เกลียดชังจนอยากจะฆ่าเจ้าเสียเหลือเกิน’

หญิงสาวหยิบพัดออกมาพัดโบกราวกับไม่สนใจ รู้สึกสนุกที่เห็นอีกฝ่ายฮึดฮัดขัดใจ แต่ทำอะไรมากไม่ได้เพราะทุกการกระทำล้วนอยู่ในสายตาของหัวหน้านางกำนัลแห่งวังหลวง

หากมีการทะเลาะเบาะแว้งกันที่นี่ ย่อมต้องส่งผลเสียไปถึงตระกูล และจะกลายเป็นหัวข้อในการนินทาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

“ฮ่องเต่เสด็จแล้ว!”

เหล่าสตรีทั้งเจ็ดรีบขยับเสื้อผ้าและชายกระโปรงก่อนจะยืนต่อแถวเรียงรายอย่างเป็นระเบียบงดงามตามที่หัวหน้านางกำนัลได้ซักซ้อมเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

“ถวายบังคมเพคะ ขอพระองค์จงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”

โอรสสวรรค์ทรุดกายลงนั่งอย่างเป็นกันเองภายในศาลากลางอุทยานที่สะพรั่งไปด้วยหมู่มวลดอกไม้นานาพรรณ ทรงเลือกสถานที่แห่งนี้ด้วยหมายจะให้สหายเพียงหนึ่งเดียวได้ดื่มด่ำไปกับการเลือกชมสตรีงดงามทั้งเจ็ดโดยรายล้อมไปด้วยดอกไม้หลากสีสันที่ส่งกลิ่นหอมยวนเย้าเหล่าหมู่ภมรเพศผู้

ทว่า...

สหายที่เดินมาด้วยกันกลับมีสีหน้าเรียบเฉยปราศจากความรู้สึกใดๆ ดวงตาว่างเปล่าดั่งไร้แวว หลายครั้งฮ่องเต้เองก็เคยคิดสงสัยว่าหยางโหวอาจตาบอดสีเพราะเขาไม่เคยสนใจความงดงามและสีสันสดใสของดอกไม้หรือสตรีเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ภายในหัวสมองของบุรุษผู้ได้รับสมญานามว่า ‘หมาป่าโลหิต’ คงมองเห็นเพียงสีแดงซึ่งเป็นสีของเลือดเสียกระมัง

‘เกิดเป็นบุรุษแต่ไม่ฝักใฝ่ในสตรีนับว่าเสียชาติเกิดแล้ว’

ทรงค่อนขอดสหายในพระทัยด้วยความขบขัน แล้วก็อดคิดถึงคำพูดประโยคหนึ่งของสหายไม่ได้

‘กระหม่อมไม่มีภรรยาสักคนมนุษยชาติก็คงไม่สูญพันธุ์หรอกพ่ะย่ะค่ะ เพราะถึงอย่างไรฝ่าบาทก็มีพระสนมมากมายนับร้อยข้างกายอยู่แล้ว ให้ถือว่ากระหม่อมคือจุดสมดุลก็แล้วกัน...’

‘ช่างพูดจายอกย้อนข้าดีเสียเหลือเกิน ทั่วทั้งแผ่นดินกว้างใหญ่ก็เห็นจะมีแต่เจ้าที่กล้าเหน็บแนมข้าเช่นนี้!’

‘กระหม่อมหาได้ยอกย้อนเหน็บแนม เพียงพูดไปตามความจริงพ่ะย่ะค่ะ’

พระองค์ไม่รู้เลยว่าเหตุใดจึงรักสหายที่ปากเสียผู้นี้นัก อาจเพราะครั้งหนึ่งพระองค์เคยได้เห็นว่าหยางหย่งเหวินผู้นี้เคยแตกสลายมากเพียงใด เด็กชายในตรอกแคบๆ ที่ยากจน แต่กลับยื่นมือมาช่วยเหลือพระองค์ที่โชคร้ายถูกโจรจี้ปล้นขณะแอบหนีออกมาจากวังเพื่อเที่ยวเล่น

นับตั้งแต่นั้นพระองค์ก็มักจะหนีออกจากวังเพื่อเที่ยวเล่นกับสหายที่อาศัยอยู่ในตรอกคับแคบเสมอมาโดยปิดบังฐานะของพระองค์เอาไว้ จนเมื่อพระองค์ได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นองค์ชายรัชทายาทมีอำนาจอยู่ในมือ พระองค์จึงได้ฉุดสหายขึ้นมาจากสถานที่แห่งนั้น

ทั้งสองร่วมรบ ร่วมทำสงคราม ร่วมปราบกบฏ ร่วมเป็นร่วมตาย ในเมื่อตอนนี้พระองค์มีความสุข บ้านเมืองร่มเย็น พระองค์จึงอยากเห็นสหายเพียงหนึ่งเดียวมีความสุขด้วยเช่นกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel