บทที่ 3 สักวันข้าจะต้องแก้แค้นให้ได้
บทที่ 3
สักวันข้าจะต้องแก้แค้นให้ได้
ข้าต้องทำให้ได้!
เป็นทุกๆ วันที่แสนวุ่นวายกว่าม่านลี่เซียนจะได้อยู่ในห้องเพียงลำพังก็ตะวันตกดินไปหลายชั่วยามแล้ว นางถูกขัดถูผิวกาย บำรุงเส้นผมทุกเส้นอย่างทะนุถนอม และได้สวมใส่เสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างประณีต กินอาหารเลิศรสที่มีประโยชน์ นอนบนฟูกนุ่ม และซุกตัวหลับในผ้าห่มแสนอุ่น
ตลอดสิบห้าวันนี้จะมีอาจารย์มาสอนเรื่องมารยาท และการใช้ชีวิตอย่างหญิงสาวชนชั้นสูงเพื่อไม่ให้นางแสดงกิริยาต่ำต้อยจนเป็นที่เสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูล
ซึ่งระหว่างนี้ม่านลี่เซียนตื่นแต่เช้าตรู่แล้วออกวิ่ง วิ่งจนสุดแรงเพื่อให้ขาที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น เมื่ออยู่เพียงลำพังในห้องนางก็จะย่อขาลงทำราวกับนั่งเก้าอี้ลม จากนั้นจึงค่อยๆ ใช้ของหนักวางลงบนหน้าขาเพื่อฝืนร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น
บางวันนางก็จะวิ่งขึ้นลงบันไดหอตำราสูงชัน วิ่งขึ้น วิ่งลงอยู่เช่นนั้นจนกว่าจะหมดแรงล้มพับไป
ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางทำไม่ได้รับความสนใจจากคนในตระกูลหรือสาวใช้นัก อีกทั้งยังได้ยินเสียงซุบซิบนินทาว่านาง ‘เป็นบ้า’ เพราะเสียใจที่ต้องไปเข้ารับคัดเลือกเป็นภรรยาของหมาป่าโลหิต
“เฮ้อ...”
ลี่เซียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองตนเองในกระจกเงานิ่งนาน ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นสัมผัสแก้มตัวเองอย่างแผ่วเบา
‘ข้ายังงดงามและเยาว์วัย’
ม่านลี่เซียนจำได้ดีว่าชีวิตแต่งงานเพียงสิบปี ทำให้ร่างกายของนางทรุดโทรมลงมากเพียงใด ดวงตาที่โศกเศร้าอยู่แล้วถึงกับหมองหม่นดั่งคนหมดอาลัยตายอยาก ใบหน้าที่เรียบเนียนเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความเครียดจนดูแก่กว่าวัย
โดยเฉพาะริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา ฉายชัดว่านางต้องจมอยู่กับหยาดน้ำตาทุกคืนวัน
ทว่าเวลานี้ดวงตาของนางกระจ่างแวววาว เต็มไปด้วยความเคียดแค้น ความชิงชัง หญิงสาวก้มมองมือเล็กๆ บอบบางของตนเอง
‘สองมือของข้าจะสามารถแก้แค้นได้หรือไม่ ข้ากระหายที่จะทำให้พวกมันทุกคนพบแต่ความวิบัติฉิบหาย ข้าอยากให้พวกมันได้ลิ้มรสของความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวด!’
ม่านลี่เซียนหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความคับแค้นใจ นางเป็นเพียงสตรีที่ไม่มีอำนาจ ไม่มีความรู้ ไม่มีเส้นสายใดๆแล้วเช่นนี้นางจะแก้แค้นคนเหล่านั้นได้อย่างไรเล่า!
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ราวกับพยายามปัดความวิตกกังวลทิ้งออกไปจากสมองและหัวใจ
‘ทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน...’
นางบอกตัวเองเพื่อข่มไม่ให้ความคับแค้นใจฟุ้งซ่าน เวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางต้องได้รับเลือกเป็นภรรยาหยางโหว ไม่เช่นนั้นนางจะถูกส่งตัวไปเป็นอนุภรรยาของเสนาบดีเฒ่าวิตถาร
แล้วเมื่อถึงวันนั้นอำนาจในฐานะ ‘ฮูหยินแห่งจวนโหว’ ย่อมนำพาการแก้แค้นที่แสนหอมหวานมาอยู่ในมือของนางอย่างแน่นอน
สตรีทั้งเจ็ดมารวมตัวกันเพื่อรอเวลาเข้าเฝ้าโอรสสวรรค์ และรอที่จะได้รับการคัดเลือกเป็น ‘ภรรยาพระราชทาน’ ของโหวหยางหย่งเหวิน
ชาติก่อนม่านลี่เซียนแทบไม่เงยหน้า นางก้มต่ำราวกับติดเป็นนิสัย จึงไม่เห็นเลยว่าสตรีคนอื่นๆ มีรูปร่างหน้าตาอย่างไรบ้าง
แน่นอนว่านางย่อมต้องจำสตรีที่อยู่ตรงหน้านางได้ ‘คุณหนูหลี่ไฉ่หง’ บุตรสาวคนเล็กของเสนาบดีกรมธรรมการ ซึ่งเป็นสามีเฒ่าของนางในชาติก่อน
ทันทีที่นางเข้าจวนเพื่อเป็นอนุภรรยา นอกจากต้องรองรับอารมณ์รุนแรงของสามีแล้ว นางยังต้องจมอยู่กับการดูถูกเหยียดหยามจากหลี่ไฉ่หงอีกด้วย
หลี่ไฉ่หงนั้นเป็นหญิงงาม มีกิริยาอ่อนหวานเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ และนางยังเป็นตัวเต็งที่ใครต่อใครคาดว่าจะได้รับเลือกให้เป็นภรรยาของหยางโหว
ส่วนอีกคนที่กำลังนั่งอยู่ก็คือ ‘ไท่จูเจียว’ ญาติผู้พี่ฝ่ายมารดาของนาง แม้เป็นญาติแต่ไม่เคยพูดคุยทำความสนิทสนม นั่นเพราะมารดาไม่เคยนับนางเป็นลูก นางจึงไม่เคยได้พูดคุยหรือพบปะกับญาติฝ่ายมารดาเลยแม้แต่คนเดียว
ไท่จูเจียวนั้นเป็นหญิงรูปร่างสูงปราดเปรียว ผิวสีแทนอย่างคนที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง นั่นเพราะมีงานอดิเรกขี่ม้าและยิงธนู ซึ่งใครต่อใครมองว่าไท่จูเจียวไม่มีสิทธิ์ได้เป็นภรรยาหยางโหว เพราะมีลักษณะของสตรีที่บุรุษไม่พึงปรารถนาสักเท่าใด
แต่ใครเลยจะรู้เล่าว่าไท่จูเจียวผู้นี้แหละที่หยางโหวเลือกเป็นภรรยา นั่นเพราะเขาแผ่ปราณสังหารใส่สตรีทั้งเจ็ดคน สตรีคนใดล้มลงเป็นคนสุดท้าย ก็จะเลือกสตรีผู้นั้นเป็นภรรยา
โดยโหวหยางหย่งเหวินได้ให้เหตุผลว่าเขาไม่คิดจะรับสตรีที่กลัวเขาจนไม่กล้าสบตา กลัวจนตัวสั่นไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยวาจา และสตรีที่บอบบางจนทนรับปราณสังหารไม่ไหวไปเป็นภรรยา
บ้ามาก...
เป็นวิธีที่บ้าดีเดือดจนฮ่องเต้ถึงกับยกพระหัตถ์กุมพระเศียร วันนั้นม่านลี่เซียนคือคนที่ล้มลงไปเป็นคนแรก ด้วยหวาดกลัวสายตาของหยางโหวจึงทำให้นางมัวแต่ก้มหน้าตัวสั่น อีกทั้งมีร่างกายอ่อนแอด้วยขาดสารอาหารมาเป็นเวลานาน เมื่อถูกปราณสังหารปะทะร่างนางจึงล้มลงไปพร้อมๆ กับเรือนกายที่สั่นเทาจนแทบสิ้นสติ
ก็จะไม่ให้นางกลัวเขาได้อย่างไรกัน นางเป็นเพียงสตรีที่เติบโตอยู่หลังจวน ไม่เคยพบปะใครนอกจากคนในจวน ไม่เคยออกไปสู่โลกกว้าง ไม่เคยแม้แต่จะไปเดินเที่ยวเล่นในตลาด แล้วการที่บุรุษตัวสูงใหญ่จนต้องแหงนคอมอง ใบหน้าดุดันเต็มไปด้วยจิตสังหาร ดวงตาคมกร้าวราวกับพร้อมจะสังหารทุกสรรพชีวิตเบื้องหน้า จึงทำให้นางกลัวจนแทบลืมหายใจเลยทีเดียว
