บทที่ 1 สามีสารเลว!
บทที่ 1
สามีสารเลว!
หวนคืนกลับมา
“สามีชั่วเช่นเจ้า เหตุใดข้าต้องพูดจาอ่อนหวาน!”
ฮูหยินหลี่มองสามีดั่งเห็นเขาเป็นหนอนแมลงชั้นต่ำไร้ค่า ในดวงตาไม่หลงเหลือความรักความอาลัยอาวรณ์แม้เพียงกระผีกริ้น
“จะ...เจ้ากล้าพูดจาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”
“หากไม่พอใจก็เขียนหนังสือหย่าให้ข้าได้เลย ข้าพร้อมจะเดินออกไปจากจวนโสโครกแห่งนี้ทุกเสี้ยวลมหายใจ”
น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอื้อนเอ่ย ดวงตาว่างเปล่ามองใบหน้าสามีดั่งเห็นอีกฝ่ายเป็นอากาศธาตุไร้ค่าแก่การจารจำ
“จะ...เจ้า!”
หย่วนเจ๋อชี้นิ้วอันสั่นเทาไปที่ใบหน้าของภรรยา เขาโกรธจนใบหน้าแดงก่ำเมื่อถูกภรรยาด่าว่าเป็นสามีชั่ว อีกทั้งนางยังขู่ให้เขามอบหนังสือหย่า ทั้งที่นางก็รู้ว่าเขาอยากหย่าขาดกับนางแทบทุกลมหายใจแต่ไม่อาจทำได้
เวลานั้นฮูหยินหลี่ฟางหรงหาได้หลบตาสามี เมื่อก่อนการจะมองสบตาเขาตรงๆ นางยังไม่กล้า แต่ตอนนี้นางแทบจะถลึงจนดวงตาถลนออกจากเบ้า เหลือบมองไอ้สวะที่เรียกตนเองว่าสามีด้วยความขยะแขยงเหลือจะทน
“อย่าคิดว่าจะเรียกร้องความสนใจจากข้า ด้วยการยกเรื่องหย่ามาพูด เพียงเจ้าอ้าปากข้าก็รู้แล้วว่าเจ้ากำลังคิดอ่านกระทำสิ่งโง่เขลาเบาปัญญา”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฮูหยินหลี่ก็ถึงกับหัวเราะออกมาอย่างเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน ก่อนจะเบ้ปากน้อยๆ แล้วมองเหยียดอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าโดยไม่มีถ้อยคำใดโต้ตอบ ทว่าท่าทางเหยียดเย้ยเช่นนั้นกลับทำให้ผู้เป็นสามีถึงกับหน้าชาวาบด้วยความรู้สึกอับอาย
ดั่งถูกตอกหน้าว่าเป็นเขาต่างหากที่โง่เขลาเบาปัญญา
จังหวะนั้นสาวใช้ซื่อมู่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าไปขวาง กลัวว่าประมุขหลี่หย่วนเจ๋อจะทำร้ายผู้เป็นนายที่นางรักสุดหัวใจ
“ท่านประมุขได้โปรดอภัยให้ฮูหยินด้วยเถอะนะเจ้าคะ ฮูหยินสลบไสลไม่ได้สติไปกว่าสิบวัน อีกทั้งยังมีไข้สูง สมองอาจเลอะเลือนจากอาการป่วย วอนท่านประมุขได้โปรดเมตตา โปรดเมตตาด้วย...”
ซื่อมู่คุกเข่าลงคำนับเจ้านายหนุ่มจนหน้าผากจดพื้น หวาดกลัวว่าประมุขหลี่จะสั่งลงโทษเจ้านายสาวของตนอีก หากถูกโบยครานี้มีหวังเจ้านายสาวคงเดินทางไปเยือนปรโลกไม่หวนคืนเป็นแน่แท้
“ไอ้สวะตัวผู้ไสหัวไป! ไป!”
ฮูหยินหลี่ตวาดลั่นอีกครา เป็นประมุขหลี่หย่วนเจ๋อที่ถึงกับสะดุ้งเพราะไม่เคยถูกสตรีคนใดตวาดไล่ดั่งสุนัขข้างถนนเช่นนี้มาก่อน ด้วยเขาเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามที่ไม่ว่าสตรีใดก็ใฝ่ฝันอยากครอบครอง มารดารักและทะนุถนอมเพราะเป็นบุตรชายคนเดียว ภรรยาคอยเอาอกเอาใจพะเน้าพะนอ แล้วยังมีญาติผู้น้องแสนน่ารักที่คอยอยู่เคียงข้างเขามาโดยตลอด
การปฏิบัติอย่างรังเกียจ และตวาดดั่งเสือกไสไล่ส่งจึงทำให้ชายหนุ่มถึงกับไปไม่เป็น
“หากเจ้านายของเจ้าหายบ้าเมื่อไหร่ ให้นางไปสำนึกผิดที่หอบรรพชนสามวันสามคืน งดข้าวงดน้ำจนกว่านางจะสำนึก!”
เพล้ง!
สิ้นสุดคำสั่งของประมุขหลี่ แจกันใกล้มือของฮูหยินก็ถูกทุ่มลงพื้นจนแตกกระจาย คนเพิ่งฟื้นไข้ก้มหยิบเศษแจกันแหลมคมชิ้นที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมา ฉายชัดว่าหากสามียังไม่ออกไป นางจะฆ่าเขาให้ตายเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นหน้ากันอีก
“จะ...เจ้าเสียสติไปแล้ว!”
หลี่หย่วนเจ๋อเดินกึ่งวิ่งออกไปจากเรือนนอนของภรรยาอย่างรวดเร็วดั่งคนขลาดเขลา
เพล้ง!
แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อเศษแจกันแหลมคมถูกขว้างมาเฉียดปลายเท้าอย่างหวาดเสียว เศษเล็กเศษน้อยแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ
ใบหน้าของประมุขแห่งสกุลหลี่ถึงกับซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวาดกลัวภรรยาไร้ค่าของตน หมายมั่นว่าคงต้องตามหมอมาช่วยดูแลอาการของนางอย่างละเอียด หากนางเสียสติไปแล้ว เขาจะได้ขังและล่ามนางเอาไว้ในห้องเพื่อไม่ให้นางออกไปทำร้ายใครได้อีก
ทางด้านซื่อมู่นั่งตัวสั่นอยู่ไม่ไกลนัก ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาผู้เป็นเจ้านายสาว ด้วยคอยรับใช้ดูแลมากว่าสิบปี ไม่เคยเห็นเจ้านายสาวโกรธใคร เกลียดใคร หรือแม้แต่โมโหใครสักครั้ง
เจ้านายที่เคยใจเย็นดั่งผืนน้ำในทะเลสาบ กลับกลายเป็นไฟนรกรุ่มร้อนน่าหวาดหวั่นไปได้อย่างไรกัน ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง
ฮูหยินหลี่ทรุดกายลงนั่งพลางอ้าปากหอบหายใจแรง นางยกมือขึ้นกุมศีรษะกวาดตามองไปรอบๆ เรือนนอน ก่อนจะหยุดมองซื่อมู่ที่ยังเยาว์วัย ริ้วรอยที่ควรจะมีบนใบหน้ากลับจางหายไปจนหมดสิ้น
‘ไม่ผิดแน่ ข้าหวนคืนกลับมา’
หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้า ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความขบขันในโชคชะตา
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ซื่อมู่สะดุ้งโหยงทำอะไรไม่ถูก แต่เมื่อหันไปสบตาเจ้านายสาว เห็นว่าอีกฝ่ายกวักมือเรียก นางจึงคลานเข่าเข้าไปหาด้วยความหวาดหวั่น
ทว่า
“ฮะ...ฮูหยิน”
สาวใช้ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อจู่ๆ ก็ถูกเจ้านายสาวดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แน่น รับรู้ได้ถึงไหล่บอบบางที่สั่นเทาคล้ายกำลังหวาดกลัวและสับสน
“ลำบากเจ้าแล้วอามู่”
ราวกับมีก้อนแข็งๆ แล่นมาจุกที่ลำคอ ซื่อมู่ถึงกับน้ำตาซึมเมื่อได้รับอ้อมกอดจากผู้เป็นนาย
‘ทะ...ท่านยังคงเป็นนายหญิงคนเดิมของข้า ท่านไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ท่านแค่ปกป้องตัวเองจากท่านประมุขผู้ชั่วช้า’
ซื่อมู่ตระหนักได้ว่าสตรีผู้นี้คือเจ้านายของตนไม่ผิดแน่ แต่เพราะผ่านความเป็นความตาย ผ่านความบอบช้ำทั้งกายและใจ จึงไม่แปลกที่นายหญิงจะเปลี่ยนแปลงไป
สตรีที่เคยรักและเทิดทูนบุรุษผู้หนึ่งเหนือเกล้า คือสตรีที่เกลียดชังบุรุษผู้นั้นจนหมดหัวใจเช่นกัน
