
บทย่อ
บุตรสาวพ่อค้าหวนคืนกลับมาเพื่อเก็บดอกเบี้ยแห่งความแค้นอย่างสาสม! เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยสามีใหม่หุ่นเชิด แต่ไฉนเลยสามีใหม่ถึงเจ้าเล่ห์ช่างเอาอกเอาใจ(ช่างเอา)นักเล่า! อีกทั้งตัวตนของเขาหาใช่คุณชายตกอับ!
บทนำ แววตาที่เปลี่ยนไป
บทนำ
แววตาที่เปลี่ยนไป
ภรรยาแพศยา
ร่างกายร้อนผ่าวดั่งถูกไฟร้อนลามไล้ไปทั่วร่าง ดวงตาหนักอึ้งจนไม่อาจเปิดเปลือกตาให้ลืมขึ้นได้ ร่างบอบบางนอนคว่ำกระสับกระส่ายดั่งกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่แน่ใจว่าตนเองอยู่ในห้วงแห่งความฝันยาวนาน หรือคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตายกันแน่
ด้วยฮูหยินหลี่ ‘ฟางหรง’ ถูกสามีสั่งโบยสิบไม้ท่ามกลางสายฝน ร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิมไม่อาจทานรับความเจ็บปวดจึงล้มเจ็บจับไข้สูง โดยมีสาวใช้คอยดูแลอยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยความกังวลใจ
ร่างบางที่กระสับกระส่ายดูเหมือนจะสงบลง นอนนิ่งราวกับคนตาย ใบหน้าซีดเซียว เนื้อตัวซีดขาวดั่งไร้เลือดฝาด กระนั้นกลับยังมีลมหายใจหล่อเลี้ยงร่างกายบอบช้ำเอาไว้อย่างน่าเวทนา
กว่าเจ็ดราตรีผันผ่าน ‘ซื่อมู่’ สาวใช้คอยปลุกเจ้านายขึ้นมาดื่มยา พร้อมทั้งบรรจงทาสมุนไพรลงบนแผ่นหลังวันละสามเวลา ทุกครั้งที่ปลุกเจ้านายสาว เจ้านายจะมึนงงหลับตาจนคอพับคออ่อน จำต้องประคองลำคอและใบหน้าให้ตั้งตรง จากนั้นจึงใช้ไผ่แคระขนาดเล็กภายในมีปล้องยาว ดูดยาขึ้นมาแล้วป้อนทีละน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้คนป่วยสำลัก
“คนตระกูลนี้ช่างใจดำเหลือเกิน ทำกับคุณหนูของข้าได้ถึงเพียงนี้ ทั้งที่คุณหนูของข้าเป็นฝ่ายถูกรังแกมาโดยตลอดแท้ๆ เชียว ช่างน่าเจ็บใจนัก!”
ซื่อมู่เอ่ยออกมาด้วยความคับแค้นใจขณะประคองเจ้านายสาวให้นอนลง กว่าเจ็ดวันนี้ฮูหยินฟางหรงกึ่งหลับกึ่งตื่นไม่รู้สึกตัว แม้จับให้ลุกนั่งก็นั่งดั่งไร้ชีวิต แม้จับให้นอนก็นอนดั่งไร้วิญญาณ ไม่ลืมตาไม่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดแม้เพียงครึ่งคำ มีเพียงเสียงร้องครวญจากการเจ็บปวดดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก
จนล่วงเข้าวันที่สิบจู่ๆ ฮูหยินหลี่ที่ควรจะอาการดีขึ้น เพราะแผลที่แผ่นหลังหายจนเริ่มตกสะเก็ดแล้ว ไข้ก็ลดลงแล้ว ทว่าจู่ๆ กลับหยุดหายใจกะทันหัน
ซื่อมู่วิ่งร้องไห้โฮไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าและพ่อบ้านขอให้ส่งหมอมาช่วยรักษา ซึ่งเวลานั้นประมุขหลี่ผู้เป็นสามีของฮูหยินหลี่ฟางหรงก็นั่งอยู่ด้วย
หลี่หย่วนเจ๋อได้ยินสาวใช้ฟูมฟายเช่นนั้นจึงรีบเร่งมาที่เรือนนอนของภรรยา ด้วยไม่คิดว่าการสั่งโบยเพียงสิบไม้จะทำให้ภรรยาถึงกับล้มหายตายจาก
แต่นั่นแหละ...
นี่คือสิ่งที่ภรรยาแพศยาอย่างนางสมควรได้รับแล้วมิใช่หรือ นางเป็นสตรีขี้อิจฉาริษยา ใจคอคับแคบดำมืด ต่อหน้าแสร้งทำมารยาน่าสงสารแต่ลับหลังกลับคอยกลั่นแกล้ง ‘เหลียงชีเหนี่ยว’ ญาติผู้น้องของเขา ล่าสุดทำให้เหนี่ยวเอ๋อร์จมน้ำจนเกือบตาย
โบยสิบไม้นับว่าน้อยไปด้วยซ้ำ เพราะอันที่จริงเขาสั่งโบยยี่สิบไม้ แต่นางกลับสลบไปเสียก่อน จึงจำต้องหยุดไว้แต่เพียงเท่านั้น
ทว่าเมื่อก้าวไปถึงเรือนนอนด้วยความร้อนใจ กลับพบว่าภรรยานั่งนิ่งอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่หลงเหลือร่องรอยของความเจ็บป่วยเลยแม้แต่น้อย
“ฮะ...ฮูหยิน”
ซื่อมู่เห็นผู้เป็นนายลุกขึ้นนั่งก็ดีใจจนฉีกยิ้มกว้าง แม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้านายสาวจึงฟื้นคืน เพราะนางได้ตรวจดูลมหายใจและชีพจร พบว่าเจ้านายสาวได้ตายไปแล้วแท้ๆ
“ฟางหรง! นี่เจ้าเรียกร้องความสนใจจากข้า ถึงขนาดต้องให้สาวใช้ไปโกหกว่าสิ้นลมหายใจเชียวหรือ! เจ้ามันหน้าไม่อาย! แพศยา!”
หย่วนเจ๋อโกรธจนแทบหูดับ ปราดเข้าไปกระชากร่างบอบบางของภรรยาให้ลุกขึ้น แรงมือบีบที่แขนแน่นจนเป็นรอยแดง หมายใจว่าคงจะเห็นภรรยาบีบน้ำตาร่วงเผาะๆ ส่งเสียงหวานขอโทษและอ้อนวอนเฉกเช่นที่เคยเป็นมาเสมอ
ทว่าดวงตาที่นางทอดมองเขากลับนิ่งเฉย ดวงตาดั่งสลักด้วยน้ำแข็งเหลือบมองเขาตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าอย่างดูแคลนอยู่ในที
“นี่นะหรือสวะตัวผู้ที่ข้าเคยรัก เคยเทิดทูนบูชา ช่างน่าขยะแขยงสิ้นดี!”
ฮูหยินหลี่สบถคำด่าห้วนพลางสะบัดมือออกจากการจับกุม แล้วใช้มืออีกข้างควักผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดบริเวณที่สามีแตะต้องราวกับรังเกียจ
ซึ่งอาการเช่นนั้นทำให้ผู้เป็นสามีถึงกับหน้าชาวาบ เขาจำต้องแต่งงานกับนางผู้เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของพ่อค้าฮวาผู้ร่ำรวยเพื่อประคองฐานะของตระกูลขุนนางที่มีเพียงชื่อแต่ไร้ทรัพย์สินมาสามปีแล้ว
เป็นสามีภรรยากันแต่เพียงในนาม ไม่เคยข้องแวะหลับนอนหรือแม้แต่จะสัมผัสเนื้อตัวด้วยความปรารถนา ทว่าเป็นนางที่คอยเดินตามเขา คอยเอาอกเอาใจเขา วอนขอความรักจากเขา และที่สำคัญขอให้เขามอบบุตรให้นางอย่างน่าสมเพช
ความรักของฮูหยินหลี่ที่มีต่อเขานั้นใครในจวนสกุลหลี่ต่างก็รู้กันทั่ว นางยอมแม้กระทั่งคุกเข่าคลานมาหมอบแทบเท้าเขา ขอเพียงให้เขาเมตตานางบ้างแม้เสี้ยวลมหายใจ
แต่ไม่ว่านางจะทำเช่นไร เขาก็ไม่รักนาง
นั่นเพราะแม้ฟางหรงจะเป็นหญิงงาม แต่กลับเป็นเพียงหญิงแพศยาชั้นต่ำที่ถือกำเนิดจากพ่อค้าหาใช่บุตรขุนนางชั้นสูง เขาจึงไม่คิดจะแตะต้องหลับนอนให้แปดเปื้อน
แต่แล้วจู่ๆ สตรีที่ทั้งรักและเทิดทูนเขาเหนือชีวิต กลับเรียกเขาว่า ‘สวะตัวผู้’ อีกทั้งยังพูดว่า ‘ขยะแขยง’ เขาอีกด้วย นี่เขาหูฝาดไปงั้นหรือ
“ไสหัวออกไป!”
ราวกับมีเสียงวิ้งดังก้องอยู่ในหูของหย่วนเจ๋อ ถ้อยคำหยาบกระด้างปราศจากความอ่อนหวานของภรรยาทำให้ชายหนุ่มถึงกับทำอะไรไม่ถูก กว่าจะตั้งตัวได้ก็ตอนที่ถูกภรรยาตวาดไล่ซ้ำสอง
“ข้าบอกให้เจ้าไสหัวออกไปให้พ้นหน้าข้า!”
“จะ...เจ้า! บังอาจพูดจากับสามีเช่นนี้ เสียสติไปแล้วหรือ!”
หลี่หย่วนเจ๋อโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ จ้องมองภรรยาสาวดั่งคนแปลกหน้า ทั้งๆ ที่นางมีใบหน้าเดิม รูปร่างเดิม แต่บรรยากาศรอบตัวกลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
โดยเฉพาะสายตาที่มองเขาดั่งเกลียดชัง หาใช่สายตาที่เคยมองเขาอย่างเทิดทูนหลงใหล