บทที่ 8 สาวใช้ที่หายไป
เพียงย่างกรายเดินเข้ามาในร้าน ทุกคนต่างจดจ้องมายังซ่งลี่หนิงเป็นตาเดียว ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักบุตรีคนเล็กของอดีตไท่จื่อไท่ฝูซ่งเหวยหนาน นอกจากหน้าตาที่งดงามหาผู้ใดเปรียบในแคว้นเพ่ยแล้ว นางยังมีคุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งฐานะและชาติตระกูลเป็นที่หมายตาของบุรุษสกุลต่างๆมากมาย
หากแต่พวกเขาต่างพากันผิดหวังไม่น้อย หลังจากที่ส่งแม่สื่อไปทาบทามสู่ขอ กลับโดนประมุขของจวนสกุลซ่งกล่าวคำปฏิเสธกลับมา แม้กระทั่งคุณชายจากสกุลหลิวที่พูดจาโอ้อวดว่าตนได้ถูกทาบทามให้ไปเยือนที่จวนสกุลซ่ง ในยามนี้กลับไม่ยอมเปิดปากเล่าเรื่องที่เขาได้พบกับคุณหนูซ่งลี่หนิงให้ผู้ใดฟังอีก
ข่าวคราวเรื่องที่บุตรีสกุลซ่งกำลังประกาศหาคู่ครองเป็นที่สนใจใคร่รู้ของบรรดาชาวเมือง พวกเขาต่างกำลังจับตาดูว่าสุดท้ายแล้วคุณหนูสูงศักดิ์จะได้ฝากตัวเป็นสะใภ้ของตระกูลใด
ซ่งลี่หนิงไม่ได้สนใจสายตาของบรรดาผู้คนที่มองมา แต่นางกลับกวาดสายตามองหาใครบางคน แต่แล้วไม่นานมีบุรุษร่างสูงออกมาเชิญให้ซ่งลี่หนิงขึ้นไปชั้นบน หญิงสาวหันมาสบสายตากับเยว่ฉิง ก่อนจะมองเลยไปยังผู้คุ้มกันอีกสองคนที่ท่านพ่อซ่งเหวยหนานสั่งให้มาคุ้มกันนางด้วยความอุ่นใจ
หลังจากเกิดเหตุการณ์ในวันนั้น ซ่งเหวยหนานกับจูลี่จินก็ไม่ยอมให้บุตรสาวพูดคุยกับบุรุษโดยไม่มีผู้คุ้มกันอีก เพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์เหมือนในวันที่หลิวเย่าโกวมาเยือน ซึ่งซ่งเหวยหนานยังรู้สึกปวดใจไม่หาย หากทำได้เขาคงจัดการเอาเลือดหัวของชายชั่วผู้นั้นออกแล้ว
ชั้นล่างของร้านกวงฟงเป็นที่สำหรับต้อนรับบรรดาลูกค้าผู้มาเยือน อีกทั้งยังมีโต๊ะวางสำหรับนั่งทานอาหาร ส่วนชั้นสองจะเป็นโต๊ะทานอาหารที่เป็นส่วนตัวขึ้นมากว่าชั้นแรก มีการนำฉากกั้นมาวางกั้นแต่ละโต๊ะอย่างเป็นสัดส่วน และชั้นสุดท้ายหรือชั้นสามจะเป็นที่สำหรับวางครัวในการทำอาหารมาบริการลูกค้า
เฉากงเจ๋อเป็นบุรุษรูปร่างสมบูรณ์ไม่เกินจริง และดูเหมือนว่าเขาจะอ้วนท้วนสมบูรณ์มากกว่าในภาพเหมือนที่ท่านพ่อเอาให้นางดูเสียอีก แก้มสองข้างกลมป่องราวกับผลส้ม ในยามที่เขาขยับกายทำให้ผิวหนังที่เป็นชั้นๆกระเพื่อมไปมาตามแรงขยับ ยามที่เฉากงเจ๋อเห็นร่างบางของซ่งลี่หนิงก้าวเข้ามา เขาก็รีบลุกขึ้นยืนส่งยิ้มหวานให้นางด้วยความยินดี
"คุณหนูซ่งลี่หนิง"
"คุณชายเฉากงเจ๋อ" ซ่งลี่หนิงกล่าวทักทายตอบ ถึงแม้รูปลักษณ์ของเขาจะไม่เป็นที่ถูกตาต้องใจเท่าใดนัก แต่นางไม่ได้เป็นคนยึดติดกับรูปร่างหน้าตามากถึงเพียงนั้น ดูอย่างหมาวไท่จื่อสิ เขาเป็นคนที่มีหน้าตาหล่อเหลาปานเทพเซียน แต่สุดท้ายแล้วเป็นอย่างไรเล่า คนหล่อมักใจร้าย คำๆนี้ไม่เกินจริงนัก เพราะนางเคยประสบพบเจอมาด้วยตัวเองหนหนึ่งแล้ว ดังนั้น ซ่งลี่หนิงจึงคิดว่าหากเฉากงเจ๋อเป็นคนดีมีคุณธรรม นางก็พร้อมให้โอกาสเขาเสมอ
"เชิญนั่งเถิด" เฉากงเจ๋อรีบกุลีกุจอเดินเข้ามาเลื่อนเก้าอี้ให้แขกคนพิเศษ หลังจากที่คนทั้งสองนั่งลง เขาจึงกวักมือเรียกเด็กในร้านเพื่อสั่งอาหาร
"คุณชายเฉาสั่งอาหารมากมายถึงเพียงนี้จะกินหมดหรือเจ้าคะ" หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จ ซ่งลี่หนิงจึงเปิดปากถามขึ้นด้วยความสงสัย หลังจากที่เมื่อครู่นี้เฉากงเจ๋อเอ่ยปากสั่งอาหารมานับสิบอย่าง
"คุณหนูลี่หนิงไม่ต้องเป็นห่วง อาหารร้านนี้เอร็ดอร่อยยิ่งนัก ข้ากินหมดอย่างแน่นอน"
ซ่งลี่หนิงขานรับดังอ้อ เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาอาหารที่สั่งไปให้คราแรกก็ทยอยออกมาวาง ซ่งลี่หนิงนั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ ในขณะที่เฉากงเจ๋อดูจะเจริญอาหารไม่ใช่น้อย อีกทั้งเขายังคีบอาหารมาไว้ให้นางจนพูนเต็มถ้วยจึงต้องออกปากบอกว่าพอแล้ว
"ซู้ดด เอิ๊ก"
เสียงซดน้ำซุปผสานกับเสียงเรอที่ดังออกมาจากคนตรงหน้าทำให้ซ่งลี่หนิงสะดุ้งไปเล็กน้อย นางรีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เฉากงเจ๋อเห็นเช่นนั้นจึงส่งยิ้มกว้างให้นาง ก่อนจะคีบเนื้อปลาวางลงบนถ้วยของนางอีกหน
"คุณหนูลี่หนิง ลองชิมเนื้อปลาผัดสมุนไพรดูสิ" ยามที่เขาพูดทำให้ซ่งลี่หนิงเห็นเศษอาหารที่เขากำลังเคี้ยวอยู่ในปากกระเด็นออกมา อีกทั้งกลิ่นปากจากการที่เขาเรอเมื่อครู่นี้ยังคงคละคลุ้งอยู่กลางอากาศ นางจึงไม่ตอบอะไรนอกจากหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก
"คุณหนูลี่หนิง เป็ดย่างเหลือชิ้นสุดท้ายแล้ว ท่านไม่กินหรือ"
ซ่งลี่หนิงส่ายหน้าไปมาส่งยิ้มบางๆให้กับเขา
"ข้าอิ่มแล้ว เชิญคุณชายเฉาเถิด"
อันที่จริงนางโกหก! อิ่มอะไรกันเล่า นางกินอาหารไปไม่ถึงสองคำ แต่เมื่อได้ยินเสียงเรอของเขา ความอยากอาหารที่มีก็ลดลงไปทันที
"ดียิ่ง! เช่นนั้นข้าจะกินนะ" เขากล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ รีบคีบเนื้อเป็ดชิ้นใหญ่เข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มป่อง ในที่สุดช่วงเวลาแห่งความทรมานของซ่งลี่หนิงก็จบลง ก็ถึงเวลาที่นางกับเขาจะได้พูดคุยทำความรู้จักกันอย่างจริงจังเสียที
"คุณหนูลี่หนิงชอบสีอะไรหรือ"
"ข้าชอบสีชม..."
"ข้าชอบสีเขียว สีชุดที่ท่านใส่มาวันนี้คือสีที่ข้าชอบ แล้วคุณหนูลี่หนิงชอบทานอาหารอะไรหรือ ข้าน่ะชอบทุกอย่างเลย ข้าเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย จนลางทีท่านแม่ของข้าบอกว่าข้าเกิดมาอยู่เพื่อกินไม่ได้กินเพื่ออยู่ ฮ่าๆๆ"
"..." ซ่งลี่หนิงกะพริบตาปริบๆ ครั้นพยายามจะเปิดปากส่งเสียงคุยกับเขา แต่เขาก็พูดจนไม่เหลือช่องไฟให้นางได้พูดบ้างเลย
"ท่านแม่เคยด่าว่าข้าเป็นหมูตอน ไม่จริงเสียหน่อย หมูอะไรจะตัวเล็กขนาดนี้ ข้าคิดว่าข้ายังห่างไกลจากคำว่าหมูยิ่งนัก ส่วนท่านพ่อชอบเคี่ยวเข็ญข้าให้รีบศึกษาหาความรู้เพื่อที่จะได้เจริญรอยตามท่านพ่อ แต่ข้าไม่ชอบเลย ข้ามีความใฝ่ฝันอยากจะเปิดร้านอาหารสักยี่สิบสามสิบแห่งและตระเวนลิ้มลองรสชาติอาหารไปทั่วทั้งแคว้นเพ่ยและต่างเมือง"
ซ่งลี่หนิงรับฟังเขาอย่างเงียบๆด้วยความเบื่อหน่าย ยามนี้เหมือนว่านางกำลังนั่งเป็นที่ระบายให้เขาปรึกษาปัญหาชีวิตเสียมากกว่า มือบางยกขึ้นปิดปากหาวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เฉากงเจ๋อก็ยังคงไม่หยุดพูดเสียที สุดท้ายคนที่นั่งฟังอย่างเงียบๆในคราแรกก็ค่อยๆผล็อยหลับไป
"คุณหนูลี่หนิง!"
ซ่งลี่หนิงสะดุ้งโหยงขึ้นสุดตัว หลังจากรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนไปมา เฉากงเจ๋อเห็นนางตื่นแล้วเขาจึงรีบดึงมือออกจากต้นแขนเรียวเสลา
"ท่านเผลอหลับไปคงจะเหนื่อยสินะ กลับไปพักผ่อนดีหรือไม่"
"ดียิ่ง ดีมากเลยแหละ คุณชายเฉารู้ใจข้านัก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะ" ซ่งลี่หนิงรีบผุดลุกขึ้นโดยไม่ต้องรอให้เขากล่าวซ้ำสอง แต่ก่อนที่นางจะเดินออกไปจากฉากกั้น เฉากงเจ๋อก็รีบเดินเข้ามาขวางหน้าของนางเสียก่อน
"ข้ารู้สึกว่าเราสองคนยังไม่ได้ทำความรู้จักกันมากเท่าใดนัก ข้าหวังว่าครั้งหน้าเราจะได้คุยกันมากกว่านี้นะ"
ซ่งลี่หนิงแค่นเสียงเหอะออกมาเบาๆ ที่นางกับเขาไม่ได้คุยกันก็เป็นเพราะเขาไม่เว้นช่องว่างให้นางได้พูดเลยต่างหากเล่า
"ไม่มีครั้งหน้าแล้ว ไม่เจอแล้ว แค่หนเดียวก็เกินพอแล้ว" หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินจากไป ปล่อยให้เฉากงเจ๋อยกมือขึ้นเกาศีรษะไปมาดังแกกๆด้วยความไม่เข้าใจ
เขาทำอะไรผิดไปงั้นหรือ เหตุใดนางถึงดูหงุดหงิดงุ่นง่านไม่ใคร่พอใจเขาเท่าใดนัก?
ซ่งลี่หนิงเดินออกมาจากร้านกวงฟง ในใจเต็มไปด้วยความหงุดหงิดระคนโมโห บุรุษที่ท่านพ่อซ่งเหวยหนานแนะนำให้นางไม่ได้เรื่องเลยสักคน หากไม่ใช่คนเจ้าชู้บ้ากามก็เป็นพวกเห็นแก่ตัว
"บ้าๆๆ" หญิงสาวเต้นเร่าๆกระทืบเท้าไปมาด้วยความขัดใจ ก่อนจะรีบหยุดชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของเหล่าชาวเมืองที่เดินผ่านไปมากำลังส่งสายตามองนางด้วยความแปลกใจ
"เยว่ฉิงกลับจวนกันเถิด ข้าหิวข้าว แล้วก็อยากกลับไปนอนแช่น้ำอุ่นสบายๆให้คลายโมโหด้วย" ซ่งลี่หนิงเป็นคนรักความสบาย นางอยากนอนแช่น้ำอุ่นให้เยว่ฉิงนวดให้ อีกทั้งเมื่อครู่นี้ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องมากพอที่จะทำให้อิ่ม
"กลับไปให้พ่อบ้านหลีสั่งให้คนครัวเตรียมสำรับให้ข้าด้วยนะ" กล่าวจบซ่งลี่หนิงก็เดินลงบันไดมาจนถึงชั้นหนึ่งพอดี และในตอนนั้นเองที่รู้สึกว่ามีใครบางคนหายไป
"เยว่ฉิงได้ยินที่ข้าบอกหรือไม่" ซ่งลี่หนิงหันมองไปทางด้านหลัง เพราะเรียกเยว่ฉิงไปหลายครั้งแต่กลับไม่ได้ยินเสียงขานรับเลยสักหน กระนั้นก็ไม่เห็นเยว่ฉิงเดินตามมา หญิงสาวจึงขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ ทั้งๆที่เมื่อครู่นี้เยว่ฉิงกำลังเดินตามกันมาอยู่แท้ๆ
"เผิงอัน จิ่งเทียน พวกเจ้าเห็นเยว่ฉิงหรือไม่" นางหันไปมาถามผู้คุ้มกันทั้งสองคน หากแต่พวกเขากลับส่ายศีรษะไปมาพร้อมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
"ไม่เห็นขอรับ"
ซ่งลี่หนิงนิ่งไปเล็กน้อย หากยังไม่ได้กล่าววาจาใดต่อก็เห็นเด็กชายคนหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาหา เผิงอันกับจิ่งเทียนรีบปรี่เข้าไปขวางก่อนที่เด็กน้อยจะวิ่งเข้ามาถึงตัวเจ้านายสาว
"มีคนฝากให้ข้านำจดหมายมาให้คุณหนูขอรับ"
เรียวคิ้วย่นเข้าหากันหนักกว่าเดิม ซ่งลี่หนิงโบกมือให้เผิงอันกับจิ่งเทียนถอยไปทางด้านหลัง ส่วนนางเดินมารับแผ่นกระดาษจากมือเด็กน้อย
'สาวใช้ของเจ้าอยู่กับข้า หากอยากได้คืนให้มารับที่จวนพักผ่อนของข้าที่เขตชานเมือง หมาวอี้เข่ย'
ซ่งลี่หนิงกำแผ่นกระดาษในมือจนยับยู่ยี่ด้วยความโมโห หมาวไท่จื่อคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่ ไยถึงได้บีบบังคับนางด้วยวิธีการเช่นนี้ด้วย
คนชั่ว! ตามรังควานราวีนางไม่เลิก เขาตั้งใจลักพาตัวสาวใช้ของนางไปชัดๆเลย!
