บทที่ 8 บอกข่าวดีและเตรียมงานเลี้ยง 1/2
เหอฮูหยินก็ดีใจไม่น้อยหน้าสามีเช่นกัน “หลานย่าพวกเจ้าเก่งมากจริง ๆ หนึ่งบุ๋นหนึ่งบู๊ ในราชสำนักจะมีผู้ใดเหมือนเราไม่มีอีกแล้ว ท่านแม่สามี ท่านพี่ มีข่าวดีเช่นนี้ต้องจัดงานเลี้ยงฉลองแล้วนะเจ้าคะ”
“ดี ๆ ๆ ชิงหยูเจ้าเริ่มเตรียมเรื่องจัดงานเลี้ยงได้เลยนะ ทุกอย่างในงานต้องใช้แต่ของดีเท่านั้น อย่าให้ผู้ใดมาดูถูกการจัดการงานของตระกูลเราได้” ฮูหยินผู้เฒ่าฟงสนับสนุนลูกสะใภ้เต็มที่กับเรื่องนี้
เยี่ยนหลิงได้ยินเช่นนั้นย่อมไม่อยู่เฉยแน่นอน “ข้าเองก็จะช่วยท่านแม่จัดเตรียมงานเลี้ยงอีกแรงนะเจ้าคะ”
ฟงเฉิงฮ่าวนึกถึงเรื่องที่บุตรชายของตนวิ่งหนี ก็รู้สึกโล่งอกเมื่อทั้งสองไหวตัวได้ทัน “แต่ที่สำคัญคือพวกเจ้าไหวตัวทัน เรื่องที่ถูกตระกูลน้อยใหญ่วิ่งไล่ตาม เพื่อจับไปเป็นบุตรเขยของพวกเขา หากไม่ได้น้องสาวของพวกเจ้าพ่อไม่อยากจะคิด ว่าสภาพของอาเหวินจะเป็นอย่างไรเลยจริง ๆ”
“พวกลูกสองคนฝึกวรยุทธ์กับน้องสาวมาตั้งแต่เด็ก เหตุใดเรื่องนี้ถึงได้รู้สึกตัวช้ากันนักเล่า จำเอาไว้ให้ดีไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม พวกเจ้าต้องมีสติให้มากกว่านี้เข้าใจหรือไม่” เยี่ยนหลิงเอ่ยกำชับกับบุตรชายของตน เพราะไม่อยากให้ทั้งสองขาดสติยามมีเหตุการณ์สำคัญ
สองพี่น้องได้ยินมารดากำชับกับตนเรื่องนี้ ก็รู้สึกว่าตนเองเกิดความผิดพลาดจริง ๆ “ขอบคุณท่านแม่ที่ตักเตือนพวกเราสองคนขอรับ ต่อไปข้ากับอาเหวินจะควบคุมตนเองให้ดีกว่านี้ ถ้าได้พบเซียนเอ๋อร์ข้ากับอาเหวินจะขอบใจนางอีกครั้งขอรับ”
“ท่านแม่กล่าวได้ถูกต้องแล้วขอรับ ข้ากับอาหลินจะจดจำให้ขึ้นใจและปรับปรุงจุดนี้ให้ดีขึ้น ต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้อีกแน่นอนขอรับ” ฟงเหยาเหวินก็เพิ่งรู้ตัวเช่นกัน ว่าตนเองไม่รอบคอบและขาดสติไปจริง ๆ
ทุกคนในตระกูลฟงล้วนทราบดีว่า บุตรหลานฝาแฝดคู่นี้ได้รับการสั่งสอนจากซูอัน เกี่ยวกับวิชาต่อสู้ตั้งแต่วัยเยาว์ การฝึกฝนที่หนักหน่วงขึ้นตามอายุและสภาพร่างกาย จนถึงยามนี้บุรุษหนุ่มในวัยเดียวกันไม่มีผู้ใดเทียบกับทั้งสองได้
เพราะออกจากจวนไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง และไม่มีอะไรตกถึงท้องคนเป็นแม่อย่างเยี่ยนหลิง ถึงได้เอ่ยบอกให้บุตรชายไปรอที่เรือน ก่อนจะให้บ่าวไพร่นำสำรับอาหารไปส่ง
“ในเมื่อรู้ว่าผิดพลาดก็ดี พวกเจ้าออกไปแต่เช้ายามนี้คงหิวกันแล้วกระมัง กลับเรือนไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวเสียก่อน ประเดี๋ยวแม่จะกำชับบ่าวไพร่ยกสำรับตามไปทีหลังนะ”
“ขอบคุณท่านแม่ เช่นนันข้ากับอาเหวินขอตัวก่อนนะขอรับ”
“ไปเถอะ แม่กับพ่อจะอยู่หารือเรื่องจัดงานเลี้ยงอีกหน่อย”
แต่ทั้งสองไม่ลืมเอ่ยขอตัวกับคนอื่น ๆ ที่ยังอยู่ในห้องโถงแห่งนี้ “ท่านย่าทวด ท่านปู่ ท่านย่า ท่านลุง พวกเราสองคนขอตัวก่อนขอรับ”
“ไว้ได้วันที่แน่นอนแล้ว ค่อยนำหนังสือเชิญไปที่จวนตระกูลหยางล่ะ ญาติผู้น้องของเจ้าสองคนจะได้เตรียมตัวล่วงหน้า”
“ขอรับท่านพ่อ”
เมื่อหลานชายฝาแฝดกลับเรือนไปแล้ว คนที่เหลือจึงเริ่มปรึกษาหารือร่วมกันอย่างจริงจังอีกครั้ง เพื่อจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองให้กับจอหงวนคนใหม่ ซึ่งพวกเขาคาดเดาไปในทิศทางเดียวกัน ว่าตำแหน่งที่ฟงเหยาเหวินจะได้รับนั้น คงหนีไม่พ้นอยู่ในกรมตุลาการเป็นแน่
ที่ทุกคนล้วนคาดเดาตำแหน่งในกรมตุลาการ นั่นเป็นเพราะหยางเฟิ่งเซียนต้องการให้ญาติผู้พี่ เข้าไปมีอำนาจด้านกฎหมายของแคว้นเพื่อคารอำนาจตระกูลหาน เนื่องจากที่ผ่านมามีคดีไม่น้อยที่ถูกตัดสินอย่างลวก ๆ
ในส่วนที่สำคัญที่สุดยังคงเกี่ยวกับการค้า หยางเฟิ่งเซียนกับพี่ชายเริ่มผิดสังเกตยามมีขบวนสินค้า ไม่ว่าจะเป็นของตระกูลจินหรือตระกูลอื่น ๆ เดินทางเข้าออกเมืองหลวง มักจะถูกเพ่งเล็งมากกว่าใครเป็นพิเศษ หากไม่คิดวางแผนไว้ล่วงหน้าอาจเกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ทุกเมื่อ