บทที่ 7 บอกข่าวดีและเตรียมงานเลี้ยง 1/1
ที่จวนตระกูลหยางสองพี่น้องฝาแฝด กำลังสนุกสนานกับสิ่งแปลกใหม่ในมิติของมารดา ทั้งยังทดลองวาดลวดลายง่าย ๆ เพื่อให้เครื่องจักรในโรงงานทำออกมา ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทั้งสองคนอย่างมาก
เพียงแต่ยังมีสิ่งที่เฝ้ารอคอยที่จะได้รับจากมารดา นั่นก็คือสิ่งของที่จะใช้เป็นมิติเก็บของให้กับพวกตนสองพี่น้อง ซึ่งทั้งสองต้องรอว่าผู้ช่วยของมารดาจะทำได้หรือไม่
ส่วนทางด้านจวนตระกูลฟงของฝาแฝดอีกหนึ่งคู่ กำลังเฝ้ารอหลานชายทั้งสองกลับมา หากเป็นจวนอื่นย่อมส่งบ่าวไพร่ไปดูผลการสอบ แต่สองพี่น้องกลับต้องการไปดูด้วยตนเอง
แม่ทัพฟงที่เริ่มจะเวียนศีรษะขึ้นทุกขณะ เมื่อบุตรชายอย่างฟงเฉิงฮ่าวเดินไปเดินมาไม่หยุด เนื่องจากตื่นเต้นกับผลการสอบของบุตรชายคนนี้ ภายหลังดีใจไปเมื่อหลายเดือนก่อนเรื่องของฟงเสวี่ยหลิน ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองแม่ทัพ
“ฮ่าวเอ๋อร์เจ้านั่งลงเถิด เดินไปเดินมาพ่อเวียนหัวไปหมดแล้วนะ”
“โธ่ ท่านพ่อก็ข้าตื่นเต้นจนนั่งเฉย ๆ ไม่ได้นี่นา จึงต้องระบายออกด้วยการเดินไปเดินมาเช่นนี้นะขอรับ”
“เฮ้อ เจ้าลูกคนนี้นี่จริง ๆ เลย”
เยี่ยนหลิงที่คิดเช่นเดียวกับพ่อสามี จึงเรียกสามีกลับไปนั่งด้วยน้ำเสียงดุ ๆ อย่างที่เคยทำ “ท่านพี่กลับมานั่งเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ มิได้มีเพียงท่านผู้เดียวที่ตื่นเต้นกับผลการสอบ ทุกคนในโถงรับรองต่างก็รู้สึกคล้ายกันทั้งนั้น”
ฟงเฉิงฮ่าวได้ยินเสียงจริงจังของภรรยา ถึงกับหยุดคำพูดที่จะเอ่ยออกมาเอาไว้ และยอมกลับไปนั่งที่เก้าอี้แต่โดยดี “ตะ...แต่นั่งรอก็ดีเหมือนกันนะพี่เริ่มจะปวดขาแล้วเหมือนกัน”
ทุกคนถึงกับส่ายหน้าไปมาพร้อมกัน เมื่อเห็นท่าทางเกรงใจภรรยาของฟงเฉิงฮ่าว นอกจากเยี่ยนหลิงก็ไม่มีใครข่มขู่เขาได้ ภายหลังฟงเฉิงฮ่าวกลับไปนั่งได้ไม่นาน บุรุษหนุ่มที่หน้าตาเหมือนกันสองคนก็ก้าวเข้ามาพร้อม ๆ กัน
แฮ่ก ๆ ๆ “เฮ้อ ในที่สุดก็ปลอดภัยจากคนพวกนั้นเสียที ข้าไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้นะอาหลิน”
ฟู่ “นั่นน่ะสิถ้าข้าไม่เห็นกับตาวันนี้ คงคิดว่าข่าวลือที่ผู้คนเล่าต่อกันมาเป็นแค่เรื่องโกหกแน่ ๆ”
แต่สองพี่น้องต้องตกสะดุ้งตัวโยนอีกครั้ง เมื่อเสียงของบิดามาพร้อมแรงฝ่ามือที่ตบลงบนบ่าของตน “อาหลิน! อาเหวิน! พวกเจ้าวิ่งหนีอันใดมาถึงได้เหนื่อยหอบเช่นนี้ หรือมีใครคิดลอบทำร้ายพวกเจ้ารึ”
เฮือก!! “ท่านพ่อ! /ท่านพ่อ!”
แม่ทัพฟงเป็นอีกคนที่ถามเอาความกับหลานทั้งสอง “ว่าอย่างไรหลานตามีคนคิดทำร้ายพวกเจ้าหรือไม่ ท่าทางเช่นนี้วิ่งมาไกลมิใช่เล่นเลยนะ”
ฟงเสวี่ยหลินเห็นถึงความกังวลจากสายตาของทุกคน เขาจำต้องรีบอธิบายโดยเร็วก่อนจะมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น “ท่านปู่ ท่านพ่อ ข้ากับอาเหวินมิได้มีอันตรายอันใดขอรับ ที่พวกเราวิ่งหนีกลับจวนนั่นเป็นเพราะว่า ผลการสอบของอาเหวินต่างหากขอรับ”
“ใช่ขอรับ เพราะข้าสอบได้อันดับหนึ่งของระดับเตี้ยนซื่อ จึงมีหลายตระกูลอยากจับข้าไปเป็นลูกเขย ยังดีที่เซียนเอ๋อร์สังเกตเห็นท่าทีของพวกเขาเสียก่อน พวกเราทั้งสี่คนถึงได้รีบวิ่งหนีและแยกย้ายกันกลับจวนขอรับ” ฟงเหยาเหวินรีบบอกสาเหตุที่แท้จริงเพิ่มเติมจากคำของแฝดพี่
คนที่ยังนั่งอยู่ก่อนหน้านี้ต่างลุกขึ้นยืน แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าฟงก็ไม่เว้น เมื่อได้ยินว่าบุตรหลานของตนสอบได้อันดับหนึ่ง
“อาเหวินสอบได้อันดับหนึ่ง! /ลูกข้าได้เป็นจอหงวน!”
“ใช่ขอรับ ข้าคือจอหงวนคนใหม่ของการสอบครั้งนี้เอง”
ฮูหยินผู้เฒ่าฟงถึงกับน้ำตารื้นเมื่อได้ยินข่าวดี “ท่านพี่ท่านเห็นหรือไม่ ทายาทตระกูลฟงของเราล้วนเก่งกาจทุกคน”
แม่ทัพฟงก็ดีใจกับหลานชายคนนี้ แม้ก่อนหน้าจะดีใจกับฟงเสวี่ยหลินที่ได้เป็นรองแม่ทัพ แต่ยิ่งภูมิใจที่ตระกูลฟงของตนในยามนี้ กลับมีขุนนางบุ๋นในราชสำนักมาเพิ่มอีกหนึ่งคน
“ฮ่า ๆ ๆ ขอบคุณบรรพบุรุษตระกูลฟงและขอบคุณสวรรค์ ที่ให้ตระกูลฟงของเรามีบุตรหลานที่ฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ ต่อไปภายหน้าตระกูลของเราจะยิ่งมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองอีกนับร้อยปี”