บทที่ 6 ความลับของมารดา 1/2
หยางไท่หมิงนึกถึงภาพในอดีตก็ขนลุกขึ้นมาอีกครั้ง ภาพการสังหารพระชายาหานยังคงติดตาจนถึงตอนนี้ และเขายังนึกไปถึงเรื่องอาวุธที่ซูอันใช้ในแคว้นหยวนซิง
“อันอัน เจ้าคงไม่ได้หมายความถึงอาวุธ หรือแม้แต่สิ่งที่ใช้พาพี่ไปแคว้นหยวนซิง ล้วนมีเจ้าเสียงนี่เป็นผู้ช่วยจัดหามาให้หรอกกระมัง”
ซูอันกลั้นขำท่าทางของหยางไท่หมิงแทบไม่ไหว เนื่องจากพวกเขาได้ยินเพียงเสียงแต่ไม่เห็นผู้ใด “ท่านพี่เข้าใจได้ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ และสิ่งเหล่านั้นในโลกนี้ไม่สามารถทำขึ้นมาได้ รวมถึงอาวุธลับที่มอบให้กับลูกของเรากับลูกของพี่หญิงด้วย ทั้งหมดเป็นจีจี้ที่ช่วยคิดและหามาให้เจ้าค่ะ”
หยางซิวหรงนึกถึงสิ่งที่มารดามอบให้ตนกับน้องสาว รวมถึงญาติผู้พี่ที่ได้รับพร้อมกันคราวที่สำเร็จการฝึกวรยุทธ์ “ท่านแม่เช่นนั้นอาวุธที่ท่านมอบให้พวกเราสี่คน ล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนบนแผ่นนี้ไม่อาจมีได้ แม้แต่จะทำด้วยการลอกเลียนแบบ อาจทำได้แต่วัสดุที่นำมาใช้ย่อมสู้ของท่านไม่ได้”
[คุณชายเข้าใจเรื่องของอาวุธได้ดีจริง ๆ เจ้าค่ะ สิ่งที่พวกท่านได้รับไปมีความแข็งแรงทนทานมาก จีจี้ย่อมคัดเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุดมาให้นะเจ้าคะ หากมีใครกล้ามาทำร้ายพวกท่าน ก็ใช้มันจัดการให้สมกับที่เป็นลูกของเจ้าแม่มาเฟียด้วยนะ]
“เอ่อ ท่านแม่เจ้าคะ คำว่าเจ้าแม่มาเฟียนี่มันคืออันใดหรือเจ้าคะ?” หยางเฟิ่งเซียนไม่เคยได้ยินคำนี้ของจีจี้มาก่อน
หยางไท่หมิงกับบุตรชายก็เช่นกัน ทุกคนต่างมองไปที่ซูอันเป็นจุดเดียว คล้ายกำลังรอคำอธิบายจากนาง ซูอันจึงต้องอธิบายให้ทั้งสามคนเข้าใจ “คำพูดนี้น่ะหรือ หากแปลให้เข้ากับโลกนี้คงหมายถึงผู้มีอำนาจ ที่แม้แต่ทางการก็ไม่สามารถโค่นล้มได้ จะมีสุนัขรับใช้เป็นข้าราชการที่รับเงินสินบน คอยดูแลเก็บกวาดกลับดำให้เป็นขาวไม่ถูกจับไปดำเนินคดี หรือจะพูดว่าเป็นผู้อยู่เหนือกฎหมายก็ว่าได้
แต่มิใช่ว่าโลกนั้นจะไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้ซื่อสัตย์นะ เพียงแค่บางครั้งคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมีมากกว่า จึงทำงานได้ไม่สะดวกอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งก็คล้ายคลึงกับโลกแห่งนี้ ที่มีขุนนางกังฉินคอยรับเงินสินบน หรือยักยอกเงินงบประมาณอย่างไรล่ะ”
“พี่เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเจ้าถึงต้องเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นหรือกำจัดคนที่คิดทำร้ายเจ้ากับครอบครัว บางคราวความโหดเหี้ยมก็ช่วยให้คนเหล่านั้นฉุกคิด ถึงผลดีผลเสียหากต้องการเป็นศัตรูกับเรา” หยางไท่หมิงนึกถึงความเด็ดขาดของซูอันเมื่อครั้งที่ได้ติดตามนางไปช่วยชาวบ้าน
ซูอันยิ้มรับกับคำพูดของสามีที่รับรู้ในสิ่งที่นางทำมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการสั่งสอนคนหรือการสังหารหมู่ “ใช่เจ้าค่ะท่านพี่ ข้าถึงได้สอนให้ลูก ๆ กับหลานทั้งสอง ฝึกวรยุทธ์และการใช้อาวุธตั้งแต่เด็ก แม้เราจะไม่รังแกผู้ใดแต่มิใช่ว่าคนที่มีใจอิจฉาริษยา จะไม่หาเรื่องเราก่อนเสียเมื่อไหร่”
หยางเฟิ่งเซียนที่เหมือนมารดาอย่างกับแกะ ย่อมมีนิสัยใจคอเช่นเดียวกันโดยไม่ต้องสอน “ลูกก็คิดเหมือนกับท่านแม่เจ้าค่ะ ถ้าเพียงแค่หาเรื่องทะเลาะธรรมดาก็สั่งสอนพอให้หลาบจำ แต่หากถึงขั้นลงไม้ลงมือหมายเอาชีวิต หรือทำลายกิจการผ้าไหมของตระกูลจิน ลูกไม่มีทางปล่อยให้คนพวกนั้นได้มีโอกาสลงมือเป็นครั้งที่สองแน่”
“ท่านแม่ไม่ต้องห่วงข้ากับน้องเล็กจะปกป้องกิจการนี้ และจะขยายการค้าให้ทั่วทุกแคว้นกิจการผ้าไหมของตระกูลจิน จะเจริญรุ่งเรืองต่อไปอีกร้อยปีพันปีแน่นอนขอรับ”
[คุณชายกับคุณหนูหากพวกท่านต้องการอาวุธร้ายแรง หรือยาพิษที่หลากหลายในการกำจัดศัตรู พวกท่านบอกผ่านนายหญิงได้นะเจ้าคะ จีจี้จะเตรียมไว้ให้ครบทุกอย่างเองเจ้าค่ะ]
ซูอันคล้ายจะคิดถึงบางเรื่องขึ้นมาได้นางจึงลองถามกับจีจี้ “จีจี้ ข้าอยากถามถึงสิ่งประดิษฐ์บางอย่าง”
[นายหญิงถามถึงสิ่งประดิษฐ์อันใดหรือเจ้าคะ]
“หากข้าอยากได้วัตถุที่ใช้เป็นมิติเก็บของ มอบให้ลูกทั้งสองคนกับหลานชายของข้า เจ้าสามารถหามาให้ข้าได้หรือไม่จีจี้”
[โธ่เอ้ยยย ลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรนะ นายหญิงหากท่านไม่ถามจีจี้ก็คงลืมไปแล้วจริง ๆ สิ่งที่ท่านอยากได้มีหรือที่จีจี้จะหามาให้ไม่ได้ ว่าแต่คุณชายกับคุณหนูอยากได้หรือไม่เจ้าคะ]
“ข้าอยากได้! /ข้าอยากมีเหมือนท่านแม่!”
[จีจี้ยินดีจัดให้ตามคำขอเจ้าค่ะ แต่ว่าขอเวลาจีจี้สักสองสามวัน เพื่อเตรียมของพิเศษให้กับพวกท่านนะเจ้าคะ]
“ได้สิ ข้ากับน้องเล็กย่อมรอได้”
ซูอันเอ่ยขอบใจจี้หยกวิเศษก่อนจะชักชวนสามีกับบุตรทั้งสอง เข้าไปดูการทำงานของเครื่องจักรด้านในโรงงานทั้งสองแห่ง
“ฝากด้วยนะจีจี้ขอบใจเจ้ามาก เอาล่ะตอนนี้พวกเราเข้าไปดูด้านในโรงงานกันเถิด จะได้รู้ว่าผ้าไหมบางส่วนที่วางขายในร้านมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง หากพวกลูกคิดลวดลายใหม่ ๆ ได้ก็วาดตัวอย่างออกมา และลองให้เครื่องจักรด้านในทดลองทอให้ดูก็แล้วกัน”
หมับ! “พี่ใหญ่เข้าไปดูด้านในกันเถิด ข้าอยากเห็นแล้วว่าเครื่องจักรหน้าตาเป็นอย่างไรเจ้าค่ะ”
“ช้า ๆ สิน้องเล็กไม่ต้องรีบร้อนหรอกน่า อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงอยู่แล้วระวังจะหกล้มจนได้แผลล่ะ” หยางซิวหรงเอ่ยเตือนน้องสาวแต่เท้ากลับขยับตามไป ตั้งแต่ถูกมือบางฉุดดึงแขนกำยำของตนนั่นแล้ว
ซูอันก็จับจูงมือสามีอย่างหยางไท่หมิง เพื่อพาเข้าไปชมต้นตอการผลิตผ้าไหม ที่ส่งเข้าวังหลวงและคนที่มีฐานะร่ำรวย ได้นำไปตัดเป็นเสื้อผ้าสวมใส่ไว้โอ้อวดตามงานเลี้ยงต่าง ๆ เมื่อได้บอกความลับของตนกับสามีและบุตรทั้งสอง ซูอันรู้สึกสบายใจและไม่ต้องแอบนำสิ่งของออกมาลับหลังพวกเขาอีกแล้ว