บทที่ 5 ความลับของมารดา 1/1
เพราะอู๋ซวนบอกว่าเป็นเรื่องสำคัญที่บิดามารดาต้องการพบ เมื่อกลับมาถึงจวนสองพี่น้องจึงตรงไปยังเรือนฉืออวิ๋นเก๋อ ซึ่งยามนี้หย่างไท่หมิงพูดคุยกับซูอันเรื่องกิจการผ้าไหมไปพลาง ๆ
หยางซิวหรงกับหยางเฟิ่งเซียนเข้ามาถึงห้องรับรอง ก็ทำความบิดามารดาอย่างรู้มารยาท แม้ใครจะมองว่าทั้งสองถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจ แต่ก็แค่คนส่วนน้อยที่ไม่รู้อะไรเสียมากกว่า
“คารวะท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ /เจ้าค่ะ”
“มากันแล้วหรือรีบเข้ามานั่งเถิด พ่อกับแม่รอพวกเจ้าอยู่นานแล้วนะ” หยางไท่หมิงที่เปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึม เมื่อบุตรทั้งสองมาพบตนที่เรือนอย่างรวดเร็ว
เพื่อมิให้เกิดความเคร่งเครียดจนเกินไป ซูอันจึงถามเรื่องการสอบของฟงเหยาเหวิน “เป็นอย่างไรเซียนเอ๋อร์ ผลการสอบของพี่เหยาเหวินของเจ้าได้อย่างที่ต้องการหรือไม่”
พอได้ยินคำถามของมารดาถึงเรื่องนี้ หยางเฟิ่งเซียนถึงกับคุยโวความเก่งกาจของญาติผู้พี่ “ท่านแม่เจ้าคะพี่เหยาเหวินเก่งกาจมาก เพราะว่าคนที่สอบได้อันดับหนึ่งก็คือพี่เหยาเหวินเจ้าค่ะ”
“โอ๋ว ที่แท้จอหงวนปีนี้ก็เป็นของอาเหวินหรอกหรือนี่” ซูอันไม่แปลกใจหากตำแหน่งนี้จะเป็นหลานชายของนาง เพราะฟงเหยาเหวินชอบอ่านตำราเป็นชีวิตจิตใจ แต่การฝึกซ้อมวรยุทธ์ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน
หยางซิวหรงที่รับฟังแผนการของน้องสาว เรื่องการเป็นขุนนางของญาติผู้พี่ทั้งสองตั้งแต่ทุกคนอายุได้สิบสองหนาว “ครั้งนี้ก็สมใจเซียนเอ๋อร์แล้วขอรับท่านแม่ พี่เสวี่ยหลินเป็นรองแม่ทัพที่อายุน้อยที่สุด ส่วนพี่เหยาเหวินก็สอบได้จอหงวนอีกคน ตำแหน่งขุนนางในราชสำนักที่น้องเล็กวางไว้ ก็สำเร็จสมบูรณ์ไปหนึ่งขั้นแล้วขอรับ”
“อิ อิ ต่อไปในภายหน้ามีพี่เสวี่ยหลินเป็นแม่ทัพ คอยตรวจตราเหล่าพ่อค้าที่เข้าออกแคว้น มิให้มีสิ่งแปลกปลอมที่อาจทำลายกิจการผ้าไหมของแคว้นเรา ส่วนพี่เหยาเหวินก็คอยตรวจสอบขุนนางในราชสำนัก หากมีบางคนรับเงินสินบนจะได้ลากตัวมาลงโทษทันทีเจ้าค่ะ หึ” หยางเฟิ่งเซียนที่ติดตามมารดาทำการค้าแต่เด็ก นางจดจำและสังเกตปัญหานี้ที่มักถูกมองข้ามเอาไว้ ถึงต้องการให้ญาติผู้พี่เป็นขุนนางในราชสำนัก
หยางไท่หมิงแสนจะภูมิใจกับความเจ้าเล่ห์ของบุตรสาว “ฮ่า ๆ ๆ เซียนเอ๋อร์ของพ่อช่างฉลาดวางแผนนัก ยอดเยี่ยมมากสมแล้วที่เป็นลูกของพ่อ”
หยางเฟิ่งเซียนแม้จะชมตัวเอง แต่นางไม่ลืมชื่นชมบิดามารดาของตน และไม่ลืมถามถึงเรื่องที่เรียกมาพบที่เรือนเช่นกัน “เพราะลูกได้ความฉลาดมาจากท่านพ่อกับท่านแม่ ไม่เช่นนั้นคงคิดอะไรเช่นนี้ออกมาไม่ได้แน่ ว่าแต่พวกท่านให้อู๋ซวนไปตามลูกกับพี่ใหญ่มาพบ มีเรื่องสำคัญอันใดอยากจะกำชับหรือเจ้าคะ”
สีหน้าของซูอันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ภายหลังบุตรสาวเอ่ยถามเรื่องที่นางต้องการพบ “อืม อันที่จริงจะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ เพราะแม้แต่ท่านพ่อของพวกเจ้าสองคน ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้นยามนี้พวกลูกต่างเติบโตเป็นผู้ใหญ่ สามารถตัดสินใจทั้งเรื่องการทำงานและชีวิตของตนได้แล้ว แต่บางครั้งอาจมีเรื่องที่ยางจะรับมือ แม่จึงอยากให้คนที่แม่รักได้รับรู้สิ่งนี้เอาไว้ เอาล่ะทุกคนลุกขึ้นมาจับมือกันเอาไว้ จากนั้นหลับตาลงให้สนิทอย่าเพิ่งมีคำถามใด ๆ จนกว่าจะบอกให้ลืมตาได้เท่านั้น เมื่อลืมตาแล้วอยากถามสิ่งใดค่อยถามออกมา”
สามคนพ่อลูกแม้จะรู้สึกแปลก ๆ กับคำพูดของภรรยาและมารดา แต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย “พี่เข้าใจเจ้าอันอัน /เข้าใจแล้วขอรับ /ลูกก็เข้าใจเจ้าค่ะ”
“จีจี้...”
วับ! พรึบ! ทั้งสามคนรู้สึกว่าร่างกายขยับเพียงเล็กน้อย ต่อมาก็มีเสียงดังอยู่รอบ ๆ ทั้งที่ก่อนหน้าภายในห้องรับรองไม่มีเสียงเช่นนี้
ซูอันเห็นสามคนพ่อลูกเริ่มคิ้วขมวด จึงบอกให้ลืมตาตามที่รับปากไว้เมื่อครู่ “ทั้งสามคนลืมตาได้พวกเรามาถึงแล้วล่ะ”
แต่ก่อนที่จะลืมตากลับมีเสียงทักทาย จนสามพ่อลูกกระโดดกอดกันกลม [สวัสดีทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรของจีจี้เจ้าค่ะ]
“อ๊ากก! /เหวอออ! /กรี๊ดดด!”
“สะ สะ เสียงใคร นะ นะ นั่นใครพูดออกมาเดี๋ยวนะ อย่าได้คิดลอบทำร้ายครอบครัวของข้าเด็ดขาด” หยางไท่หมิงได้สติจึงรีบกางแขนปกป้องทั้งซูอันและบุตรทั้งสองทันที
[โอยย อะไรจะเหมือนกันได้ขนาดนี้นะ นายหญิงท่านรีบอธิบายให้ทุกคนเข้าใจสิเจ้าคะ จะให้จีจี้ออกไปได้อย่างไรในเมื่อจีจี้ไม่มีร่างกาย]
“หึ ๆ ๆ ท่านพี่ หรงเอ๋อร์ เซียนเอ๋อร์ ไม่ต้องตกใจกับเสียงที่ได้ยินนั่นหรอก เพราะตอนนี้พวกเราอยู่ในพื้นวิเศษ โดยมีเจ้าของเสียงนั่นเป็นผู้ดูแลทั้งหมดน่ะ”
“หา! พื้นที่วิเศษ”
“ท่านแม่ขอรับ ด้านหลังพวกเรามันคือสิ่งใด ทำไมข้าได้ยินเหมือนเสียงของมันดังอยู่ตลอดเวลาล่ะขอรับ”
แต่หยางเฟิ่งเซียนกลับถามคำถามไม่เหมือนบิดากับพี่ชายสักนิด “ท่านแม่! หรือว่าแท้จริงแล้วท่านคือเทพธิดาจากสวรรค์เจ้าคะ แล้วสิ่งที่พวกเราเห็นอยู่ในยามนี้ ล้วนเป็นสิ่งวิเศษที่ท่านแม่นำติดตัวมาใช่หรือไม่เจ้าคะ”
[ฮ่า ๆ ๆ คุณหนูของจีจี้ช่างฉลาดคิดไม่เหมือนผู้ใดจริง ๆ หากจะบอกว่ามารดาของท่านเป็นเทพธิดาก็มีส่วนถูกกระมัง แต่ความโหดเหี้ยมที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความงาม คนที่ได้เห็นมาก่อนย่อมเป็นบิดาของท่านนะเจ้าคะ]