บทที่ 4 ญาติผู้พี่ของข้าสอบได้จอหงวนล่ะ 1/2
หยางไท่หมิงประคองฮูหยินสุดรักสุดหวงกลับเรือน ภายหลังรับมื้อเช้ากับบิดามารดาเสร็จและพูดคุยกันเล็กน้อย การกระทำของหยางไท่หมิงที่มีต่อซูอันตั้งแต่แต่งงาน วันเวลาผ่านมาจนถึงตอนนี้ยังคงทำเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ยามที่กลับมาถึงเรือนของพวกเขาแล้ว ซูอันตัดสินใจพูดคุยกับสามีเพราะนางรู้ว่า ที่ผ่านมาสามีอยากรู้มาตลอดแต่ไม่เคยเอ่ยถามออกมา
“ท่านพี่เจ้าค่ะ...”
“หือ อันอันเรียกพี่มีอันใดจะพูดเช่นนั้นหรือ สิ่งที่เจ้าจะพูดเกี่ยวกับพวกลูก ๆ หรือไม่?”
“เรียกได้ว่ามีส่วนสำคัญที่ลูกทั้งสองของเรา ควรรับรู้กับความสงสัยของท่านพี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาดีกว่าเจ้าค่ะ”
หยางไท่หมิงรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่ฮูหยินสุดรัก อยากจะบอกกับตนและบุตรทั้งสองคือเรื่องอันใด “เช่นนั้นพี่จะให้อู๋ซวนไปตามทั้งคู่ หากรู้ผลการสอบของอาเหวินให้รับกลับจวนโดยเร็ว เพียงเท่านี้ลูก ๆ ย่อมเข้าใจว่าเราสองคนมีเรื่องสำคัญอยากพูดคุยกับพวกลูก ๆ”
“เอาเช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ”
หยางไท่หมิงเดินออกไปด้านนอก เพื่อเรียกอู๋ซวนที่พร้อมรับคำสั่งทุกเวลา ก่อนจะมอบหมายภารกิจให้กับคนสนิท “อู๋ซวนเจ้ารีบไปรายงานนายน้อยทั้งสอง หากเสร็จเรื่องของคุณชายเหยาเหวินแล้ว ให้รีบกลับจวนทันทีข้ากับอันอันรอพูดคุยเรื่องสำคัญ”
“รับทราบขอรับ”
เมื่อเจ้านายกล่าวว่าเป็นเรื่องสำคัญ อู๋ซวนย่อมเร่งฝีเท้าไปบริเวณหน้ากำแพงข้าประตู หน้าศาลาหลวงที่ใช้เป็นสนามสอบเตี้ยนซื่อ เพื่อถ่ายทอดคำพูดของหยางไท่หมิง กับนายน้อยทายาทของจวนอย่างครบถ้วนมิให้ตกหล่นแม้ครึ่งคำ
ทางด้านสองพี่น้องฝาแฝดตระกูลหยาง ที่มาพากันมารอการติดป้ายประกาศผลสอบ โดยได้นัดแนะกับญาติผู้พี่ทั้งสองไว้แล้ว ว่าจะมาพบกันในเวลาใด
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่นำป้ายประกาศรายชื่อ ผู้ที่ผ่านการสอบเตี้ยนซื่อหรือการสอบหน้าพระที่นั่ง ออกมาติดยังข้างกำแพงหน้าศาลาหลวง ทั้งสี่คนช่วยกันตามหาชื่อของฟงเหยาเหวินอย่างรวดเร็ว
พี่น้องสี่คนรวมกันมีดวงตาแปดดวง พวกเขาไม่มองส่วนอื่นของป้ายประกาศให้เสียเวลา เพราะสายตาสี่คู่จับจ้องไปยังบรรทัดแรกสุด และยังเป็นด้านหน้าสุดอย่างพร้อมเพรียงกัน
และชื่อที่ปรากฏอยู่ในอันดับที่หนึ่ง จะเป็นใครไปมิได้นอกจากฟงเหยาเหวิน บุตรชายของรองหัวหน้าองครักษ์หลวง และยังเป็นหลานชายสุดรักของแม่ทัพฟง
หยางเฟิ่งเซียนทั้งตะโกนและกระโดดไปมาอย่างดีใจ เมื่อเห็นว่าญาติผู้พี่คนรองสอบได้อันดับหนึ่ง “เย้ ๆ พี่เหยาเหวินดูสิท่านสอบได้อันดับหนึ่ง พี่ชายของข้าเป็นสอบได้เป็นจอหงวนแล้ว”
“จริงด้วย! อาเหวินเจ้าเก่งมากที่สอบได้อันดับหนึ่ง ครั้งนี้ความฝันของเซียนเอ๋อร์ก็เป็นจริงแล้วนะ” ฟงเสวี่ยหลินตบที่ไหล่น้องชายเบา ๆ และกล่าวอย่างดีใจ
หยางซิวหรงเองก็ไม่ลืมจะแสดงความยินดีกับญาติผู้พี่ แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าตำแหน่งย่อมไม่พ้นมือฟงเหยาเหวิน “ยินดีกับพี่เหยาเหวินที่สอบได้ตำแหน่งจอหงวนขอรับ”
ฟงเหยาเหวินมองไปรอบ ๆ เห็นว่ามีคนเริ่มมองมาที่ตน จึงรู้ว่าคนเหล่านี้กำลังคิดสิ่งใด “ทุกคนข้าว่าพวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถิด หากอยู่ต่ออีกนิดเกรงว่าจะเกิดเหตุชุลมุนกับข้าได้นะ”
สามพี่น้องที่ได้ยินเช่นนั้นจึงมองตามสายตาของฟงเหยาเหวิน และพวกเขาก็เห็นแล้วว่ายามนี้มีสายตาหลายคู่ กำลังจับจ้องไปที่จอหงวนคนใหม่และพร้อมจะวิ่งเข้าทันที
“แย่แล้ว! พวกเรารีบวิ่งเร็วเข้า จากนั้นค่อยหาทางหลบเลี่ยงกันทีหลัง ไปเร็ว!” หยางเฟิ่งเซียนรีบบอกเหล่าพี่ชาย เพราะนางจดจำเส้นทางในเมืองหลวงได้เป็นอย่างดี
“อื้อ ไปกันเถิด”
เนื่องจากรู้ตัวก่อนจึงวิ่งหลบออกมาได้ทัน จากนั้นเพียงหนึ่งลมหายใจเหล่าบิดามารดาที่มีบุตรสาว ก็เริ่มวิ่งตามกลุ่มของสี่พี่น้องแต่ก็ช้าไปแล้ว เมื่อพวกเขาเลี้ยวหายไปตรงทางแยกกลางเมืองหลวง
แต่ทั้งสี่ยังไม่ทันถึงร้านผ้าไหมก็พบกับอู๋ซวน และได้ทราบว่าบิดามารดาต้องการพบ สี่พี่น้องจึงตกลงแยกย้ายกลับจวนของตนเสียตรงนั้น
“อาหรง เซียนเอ๋อร์ พวกเจ้ารีบกลับไปพบท่านน้าเถิด พวกเราแยกกันกลับจวนเสียตรงนี้ ไว้พบกันวันงานเลี้ยงที่จวนของพี่วันหลัง” ฟงเสวี่ยหลินตัดสินใจพูดกับน้อง ๆ โดยไม่มีลังเล
“ขอรับพี่เสวี่ยหลิน /เจ้าค่ะพี่เสวี่ยหลิน”
ระหว่างทางที่เร่งฝีเท้าตามอู๋ซวนกลับจวน สองพี่น้องพยายามคิดว่าบิดามารดาต้องการพูดคุยกับตน เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับอันใดถึงกับส่งอู๋ซวนมาตามพวกตน แต่ความสงสัยย่อมถูกคลี่คลาย เมื่อได้รับฟังเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อจากปากของมารดา