บทที่ 28 พบเจอขุนนางมีพิรุธในวันรับตำแหน่ง 1/1
เมื่อฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งด้วยพระองค์เองเช่นนี้ หยางไท่หมิงและฟงเฉิงเฮ่าย่อมทำตามพระบัญชา “พวกกระหม่อมจะรีบลงมือโดยเร็วและจะถวายรายงานต่อพระองค์ทันที เมื่อสืบหาข้อมูลได้ชัดเจนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเจ้ากลับไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเถิด เจิ้นยังมีฎีกาค้างอยู่อีกมากต้องตรวจให้แล้วเสร็จ”
“พวกกระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งสี่คนแยกย้ายกันหลังพ้นประตูวังหลวง สิ่งที่หยางไท่หมิงกับฟงเฉิงฮ่าวต้องทำนั้นไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย พวกเขาจำเป็นต้องตรวจสอบขุนนางแต่ละคนอย่างละเอียด เพียงแค่สิ่งแรกที่ต้องทำคือการส่งอู๋ซู เดินทางไปรับพ่อตาแม่ยายที่เมืองผู่เถียนเสียก่อน
ด้านฟงเสวี่ยหลินติดตามปู่ของตนไปยังค่ายทหาร เพื่อเตรียมกำลังทหารจำนวนห้าหมื่นนายโดยเร็ว เนื่องจากต้องออกเดินทางทันทีตามรับสั่งของฮ่องเต้
แต่เขากับทหารจำนวนนี้อาจออกเดินทางได้เร็วที่สุดก็อีกสองวัน เพราะสิ่งที่สำคัญอีกอย่างที่ต้องเตรียมไปด้วย นั่นก็คือเสบียงอาหารจำนวนไม่น้อย พวกเขาจะไปแบ่งเสบียงจากทหารชายแดนได้อย่างไร
ทั้งสองตระกูลเมื่อมีภารกิจที่ต้องทำ แม้ว่าจะต่างหน้าที่แต่มีส่วนเชื่อมโยงถึงกัน เนื่องจากสาเหตุของเรื่องดังกล่าว เกิดขึ้นเพราะความโลภและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน มิได้มีความคิดเห็นอกเห็นใจเหล่าราษฎร ว่าจะได้รับความเดือดหากเกิดสงครามขึ้นจริง ๆ
เยี่ยนหลิงที่รู้จากปากบุตรชายว่า หลานทั้งสองของตนจะเดินทางไกล เพราะมีคนเลวต้องการสิ่งที่สำคัญที่สุดของตระกูลจิน จึงคิดจะไปจัดการคนเหล่านั้นให้สิ้นซาก นางได้นำเสื้อคลุมที่ตัดเย็บด้วยตนเอง นำไปให้หลานทั้งสองก่อนออกเดินทาง
ก่อนถึงเวลาออกเดินทางไปแคว้นหนานหยาง ด้วยไม่อยากรบกวนท่านปู่ท่านย่าต้องตื่นแต่เช้ามืด เพียงเพื่อมาส่งพวกตนสองพี่น้องจึงไปกล่าวลา ก่อนที่ผู้อาวุโสจะพักผ่อนในคืนที่ผ่านมา เมื่อถึงปลายยามอิ๋นจึงมีเพียงหยางไท่หมิงกับซูอัน ที่มาเพื่อส่งบุตรทั้งสองคนออกเดินทาง
นอกจากจะมีองครักษ์เงาจากองค์หญิงใหญ่ และผู้ติดตามประจำตัวของสองพี่น้องแล้ว ครั้งนี้หยางไท่หมิงยังให้ซือหยางและจางเหยียน คอยติดตามไปช่วยบุตรชายบุตรสาวเพิ่มอีกสองคน เนื่องจากไม่ต้องการให้เป็นที่สะดุดตา หยางเฟิ่งเซียนจึงไม่ต้องการให้มีคนติดตามมากจนเกินไป
“ระหว่างเดินทางจงระมัดระวังให้ดี อย่าได้วางใจว่าไม่มีคนของศัตรูคอยสืบข่าวตามเมืองต่าง ๆ หากเกิดความสงสัยไม่ว่าเรื่องใดอย่าได้ปล่อยผ่านเด็ดขาด สิ่งที่แม่เคยสอนพวกเจ้าอย่าได้หลงลืม
ในส่วนของอาวุธที่ได้รับไปทั้งหมด ไว้แม่จะให้จีจี้เพิ่มยาต่าง ๆ ที่สามารถช่วยพวกเจ้าทำลายหลักฐานเข้าไปในแหวนมิติ จงใช้อย่างมีสติอย่าใช้มันพร่ำเพรื่อเข้าใจหรือไม่” ซูอันเอ่ยกำชับถึงสิ่งสำคัญกับบุตรทั้งสองอีกครั้ง ก่อนพวกเขาจะออกเดินทาง
หยางไท่หมิงที่เป็นห่วงบุตรทั้งสอง โดยเฉพาะบุตรสาวอย่างหยางเฟิ่งเซียน ที่งดงามปานเทพธิดาแต่นางไม่ยอมใส่ผ้าคลุมผ้า แม้อยากเอ่ยกำชับเรื่องนี้แต่เขาเกรงว่าบุตรสาวอาจโมโหเอาได้
“พวกลูกย่อมรู้ดีว่าพ่อและแม่เป็นห่วงพวกเจ้ามาก ถึงแม้พวกลูกจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม พวกเจ้าสองพี่น้องต้องดูแลกันและกันให้ดี ถ้าอีกฝ่ายมีกำลังมากกว่าไม่อาจทำภารกิจสำเร็จได้ จงรีบขอความช่วยเหลือจากญาติผู้พี่ของเจ้า อาหลินจะประจำการอยู่ที่ชายแดน ป้องกันแคว้นหนานหยางส่งคนเข้ามาสืบเรื่องทหารของกองทัพ”
หยางซิวหรงเข้าใจในสิ่งที่บิดาแฝงไว้ในคำพูดเหล่านี้ “ท่านพ่อวางใจเถิดลูกกับน้องเล็กจะทำการอย่างรอบคอบ ไม่ประมาทฝ่ายศัตรูของเราเด็ดขาดขอรับ”
“ท่านพ่ออยู่ทางนี้ก็ต้องระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ ลูกกับพี่ใหญ่จะมีสติให้มากในการทำภารกิจ แล้วจะรีบกลับมาหาพวกท่านเจ้าค่ะ” หยางเฟิ่งเซียนรับปากบิดาด้วยสายตาแน่วแน่ แต่ไม่ลืมแสดงความห่วงใยบิดาด้วยเช่นกัน
ซูอันเกรงว่าสามีจะพูดอะไรขึ้นมาอีก นางจึงต้องรีบบอกให้ขบวนเล็ก ๆ รีบออกเดินทาง “นี่ก็ใกล้ได้เวลาประตูเมืองจะเปิดแล้ว พวกเจ้าขึ้นม้าไปเตรียมตัวเถิดระยะทางมิใช่ใกล้ ๆ ยังต้องใช้เวลาในการเดินทางอีกหลายวัน”
“ขอรับท่านแม่ /เจ้าค่ะท่านแม่”
เมื่อยืนส่งบุตรสองออกเดินทางจนสุดสายตา ซูอันจึงหันกลับมาหาสามีเรื่องที่ตนต้องไปรับบิดามารดา “ท่านพี่อีกหนึ่งชั่วยามข้าก็ต้องไปรับท่านพ่อท่านแม่เช่นกัน ที่ต้องเดินทางในวันนี้เพราะข้าคิดว่า หากไปถึงเมืองผู่เถียนได้เร็วอาจเจอคนของตระกูลฉี ที่ส่งมาเฝ้าดูรอบ ๆ จวนรวมถึงไปสอดแนมชาวบ้าน เพื่อดูวิธีการทอผ้าไหมของพวกเราก็เป็นได้เจ้าค่ะ”
“อืม พี่เข้าใจสิ่งที่อันอันคิดเพราะพี่เองก็คิดคล้ายกับเจ้า พวกมันต้องการวิธีทอผ้าไหมถึงเพียงนั้น ย่อมส่งคนมาไม่น้อยอย่างแน่นอน อย่างไรเจ้าเองก็ต้องระวังตัว หากไม่จำเป็นอย่าได้ลงมือเองให้อวี้เหลียนหรือคนอื่น ๆ ลงมือแทนเจ้านะ”
“เจ้าค่ะท่านพี่ พวกเรากลับเข้าไปเตรียมตัวกันเถิด”
หยางไท่หมิงรู้ดีว่าฮูหยินของตนเก่งกาจเพียงใด การสังหารคนอย่างไร้ความปรานีเขาก็เห็นกับตามาแล้ว แต่ที่เขากำชับเช่นนั้นกับซูอัน เพียงเพราะมิได้เดินทางไปกับนาง จึงอยากให้องครักษ์ข้างกายลงมือแทนนางเสียบ้างเท่านั้น
และซูอันก็ออกเดินทางในเวลาเดียวกับสามี ที่ต้องเข้าร่วมประชุมยังท้องพระโรง ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ฮ่องเต้จะทรงแต่งตั้งตำแหน่งขุนนาง แก่บัณฑิตที่สอบผ่านหน้าพระที่นั่งได้สามอันดับแรก