บท
ตั้งค่า

บทที่ 27 รับสั่งให้ป้องกันทั้งภายในแคว้นและชายแดน

สองพี่น้องตระกูลหยางแยกกลับเรือนของตน เพื่อจัดการเตรียมสัมภาระเท่าที่จำเป็นใส่ในแหวนมิติ ทั้งสองคนรู้สึกสะดวกในการเดินทางกว่าครั้งไหน ๆ สิ่งที่พกติดตัวมีเพียงอาวุธประจำตัวเท่านั้น

ส่วนซูอันไปยังเรือนบิดามารดาของสามี เพื่อบอกเล่าเรื่องที่บุตรชายบุตรสาวได้พบเจอ และเตรียมตัวออกเดินทางไปจัดการคนชั่วยังต่างแคว้น เนื่องจากไม่อยากให้ผู้อาวุโสทั้งสองท่านเป็นกังวลจนเกินไป

หยางหย่งชางและองค์หญิงใหญ่เมื่อได้ทราบเรื่องดังกล่าว ก็รู้สึกมีโทสะไม่ต่างจากบุตรหลานเลยสักนิด และเข้าใจสิ่งที่หลานทั้งสองอยากทำเพื่อตระกูลมารดาด้วยเช่นกัน องค์หญิงใหญ่ถึงกับมีรับสั่งส่งองครักษ์เงา ให้ติดตามคอยดูแลหลานทั้งสองจำนวนสิบคน

ทางด้านฟงเหยาเหวินที่ขี่ม้ากลับถึงจวน ก็รีบวิ่งตามหาบิดาและท่านปู่ของตนไปทั่ว จนกระทั่งได้รู้จากบ่าวไพร่ว่า คนที่ตนตามหายามนี้นั่งเล่นหมากล้อมอยู่ในศาลากลางสวน

แฮ่ก ๆ ๆ “ท่านปู่ ท่านพ่อ เจอพวกท่านเสียที”

“อ้าว เหวินเอ๋อร์กลับมาตั้งแต่เมื่อใด แล้วพี่ชายของลูกล่ะทำไมมิได้กลับมาพร้อมกันหรอกหรือ”

“ท่านพ่อ ท่านปู่ พวกท่านรีบไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิดขอรับ”

ฟงเฉิงฮ่าวยังไม่เข้าใจกับคำพูดของบุตรชายนัก “เดี๋ยว ๆ เหวินเอ๋อร์เจ้าพูดเรื่องอันใดกัน แล้วเหตุใดพ่อกับปู่ของเจ้าต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า จะมีผู้มาเยือนที่จวนของเราเช่นนั้นรึ?”

“นั่นน่ะสิหลานปู่ ดูท่าทางของเจ้าเร่งรีบผิดปกตินะ” แม่ทัพฟงก็ไม่เข้าใจที่หลานชายบอกกับตนเช่นกัน

ฟงเหยาเหวินหายใจเข้าลึก ๆ และแรง ๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะบอกเล่าสิ่งที่น้าเขยได้กำชับตนเอาไว้ “ที่ท่านพ่อกับท่านปู่ต้องรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็เพราะว่าท่านน้าเขยต้องการให้พวกท่านตามเข้าวังหลวงเดี๋ยวนี้ ส่วนอาหลินก็ติดตามท่านน้าเขยไปที่นั่นแล้ว

พวกเขารอท่านพ่อกับท่านปู่ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยกัน เพราะข้ากับอาหลินและญาติผู้น้อง บังเอิญพบเจอคนจากแคว้นหนานหยาง ที่มีแผนการชั่วต้องการสูตรลับวิธีการทอผ้าไหม นอกจากนี้ยังมีแผนการใหญ่อย่างการบุกยึดแคว้นของเรา”

“อะไรนะ! พวกมันคิดการใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวรึ”

“อาฮ่าวทำตามที่เหวินเอ๋อร์บอกเถิด แม้ยังไม่มีข่าวจากชายแดนแต่มีแผนการรับมือไว้ก่อนย่อมดีที่สุด”

“ขอรับท่านพ่อ เหวินเอ๋อร์เจ้าอยู่ที่จวนบอกเล่าเรื่อง ที่มีคนจ้องสูตรลับวิธีการทอผ้าไหมตระกูลจินให้มารดาเจ้ารับรู้ด้วย และอยู่เป็นเพื่อนนางจนกว่าพ่อจะกลับมา”

“อื้อ ข้าทราบแล้วขอรับท่านพ่อ พวกท่านรีบตามไปสมทบกับท่านน้าเขยและอาหลินเถิดขอรับ”

สองพ่อลูกเร่งกลับเรือนไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเข้าวังหลวงตามที่ฟงเหยาเหวินได้บอกกับพวกตน ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ หากปล่อยให้แคว้นหนานหยางลงมือได้สำเร็จ

ฟงเฉิงฮ่าวกับบิดามาถึงหน้าประตูวังหลวง ก็พบว่าสหายของตนและฟงเสวี่ยหลินกำลังรอตนอยู่ โดยสีหน้าของทั้งสองดูเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย ด้านหยางไท่หมิงเมื่อเห็นว่าสหายมาถึงพร้อมกับบิดา เขาทำความเคารพแม่ทัพฟงและรีบไปยังตำหนักทรงงานของฮ่องเต้ ทั้งสี่คนไม่มีการเอื้อนเอ่ยใด ๆ เช่นทุกครั้ง

ฮ่องเต้ทรงประทับตรวจฎีกาอยู่ด้านในตำหนักยังรู้สึกแปลกพระทัยไม่น้อย เมื่อขันทีด้านนอกเข้ามารายงานว่า ขุนนางจากตระกูลหยางและตระกูลฟงมาขอเข้าเฝ้าพร้อมบุตรหลาน

“ให้พวกเขาเข้ามาเถิด เผื่อมีเรื่องสำคัญต้องการรายงานกับเจิ้น”

ทั้งสี่คนเดินเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าพระพักตร์ เพื่อทำความเคารพเช่นที่เคยทำทุกครั้ง มีเพียงสีหน้าที่ไม่เหมือนเดิม เรื่องนี้ยิ่งสร้างความสงสัยให้กับฮ่องเต้เพิ่มอีกหนึ่งเรื่อง

“ถวายบังคมฝ่าบาท ทรงพระเจริญ...”

“ไม่ต้องมากพิธีพวกเจ้าลุกขึ้นมาเถิด แล้วใครก็ได้บอกกับเจิ้นทีสิว่า เหตุใดถึงมาพบเจิ้นพร้อมกันทั้งสี่คนได้เล่า”

คนที่ตอบคำถามได้ดีย่อมเป็นหยางไท่หมิง “ทูลฝ่าบาทเรื่องที่กระหม่อมจะกราบทูลต่อพระองค์ในวันนี้ เป็นเรื่องใหญ่ระหว่างสองแคว้น ซึ่งคนที่นำเรื่องนี้มาบอกกับกระหม่อม ก็คือพระปนัดดาคนโปรดทั้งสองคนของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

ปึก “เรื่องใหญ่เช่นไรอาหมิง แล้วอาหรงกับเซียนเอ๋อร์บาดเจ็บหรือไม่ เจ้ารีบเล่ามาเร็วเข้า” ฮ่องเต้ทรงเป็นห่วงพระปนัดดาคนโปรดทันที เมื่อหลานอีกคนอย่างหยางไท่หมิงรายงานถึงคนที่ไปพบข่าวนี้

“วันนี้บริเวณป่านอกเมืองห่างออกไปหนึ่งร้อยห้าสิบลี้ อาหรงกับเซียนเอ๋อร์และฝาแฝดตระกูลฟง เผอิญได้รับรู้ความลับจากคนของขุนนางแคว้นหนานหยาง โดยใช้เรื่องสูตรลับวิธีการทอผ้าของตระกูลจินบังหน้า แต่ความจริงแล้วต้องการยึดแคว้นเป่ยชางพ่ะย่ะค่ะ” หยางไท่หมิงกราบทูลต่อฮ่องเต้ตามตรง

พรึบ! ปัง! “อาหมิงนี่เป็นเรื่องจริงเช่นนั้นรึ ข่าวนี้เชื่อได้มากน้อยเพียงใด มิใช่ว่าหลานของเจิ้นหูฝาดไปหรอกนะ” ฮ่องเต้ทรงตกพระทัยถึงกับประทับยืน ทำเอาซุยกงกงต้องรีบเข้ามาประคองพระวรกาย

ฟงเสวี่ยหลินก้าวเท้าออกมายืนยันต่อหน้าพระพักตร์ ว่าญาติผู้น้องมิได้หูฝาดกับข่าวที่หยางไท่หมิงเพิ่งทูลรายงาน

“ทูลฝ่าบาทที่ใต้เท้าหยางกราบทูลเป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกับญาติผู้น้องยังจับตัวคนกลุ่มนี้ มาไต่สวนเค้นเอาความจริงด้วยตนเอง เดิมทีพวกเขามีกันทั้งหมดห้าคน แต่หนึ่งในห้าคนนั้นปากสุนัขใช้วาจาไม่เคารพสตรี เอ่อ ญาติผู้น้องที่มีโทสะกับเรื่องทั้งสองจึงทนไม่ไหว ลงมือสังหารทิ้งไปหนึ่งคนพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาทกลุ่มคนที่เหลือกระหม่อมยังนำตัวเข้ามาที่นี่ด้วย เพื่อให้พระองค์ทรงตัดสินโทษเพียงแต่ยามนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด คงเป็นพระวินิจฉัยเรื่องทางการทหาร กระหม่อมจึงเชิญแม่ทัพฟงและบุตรชายมาเข้าเฝ้า จะได้ช่วยวางแผนป้องกันชายแดนร่วมกันพ่ะย่ะค่ะ”

แม่ทัพฟงก็กราบทูลฮ่องเต้ว่าตนกับบุตรชาย เพิ่งทราบเรื่องและเห็นด้วยกับหยางไท่หมิง “ฝ่าบาทกระหม่อมเห็นด้วยกับใต้เท้าหยาง ว่าเราควรมีแผนรับมือไว้ล่วงหน้า ควรส่งกองทัพไปตรึงกำลังยังแถบชายแดน ป้องกันทหารจากแคว้นหนานหยางลอบเข้ามาสืบข่าวพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ทรงทบทวนคำพูดของหยางไท่หมิง รวมกับการแผนการที่แม่ทัพฟงเสนอมานั้น พระองค์ทรงเล็งเห็นแล้วว่าสามารถทำได้รวดเร็ว อย่างน้อยในขั้นแรกควรปกป้องตระกูลจิน ไหนจะมีราษฎรอีกมากมายที่มีหน้าอาชีพทอผ้าอีกด้วย

“ดี เจิ้นเห็นสมควรทำตามที่แม่ทัพฟงเสนอ อาหมิงอย่าลืมส่งคนไปรับบิดามารดาของฮูหยินเจ้าโดยเร็ว ช่วงนี้ให้พวกเขาพักอยู่ในเมืองหลวงไปก่อน รอให้เรื่องสงบค่อยกลับเมืองผู่เถียน หากปล่อยให้พวกเขาอยู่เพียงลำพัง เกรงว่าจะมีคนมาจับไปเป็นตัวประกันเอาได้

ส่วนเจ้ารองแม่ทัพฟงเสวี่ยหลิน จงนำทหารจำนวนห้าหมื่นนาย เร่งออกเดินทางไปยังชายแดนทันที และท่านแม่ทัพฟงเตรียมกองทัพใหญ่ให้พร้อมเอาไว้ หากสถานการณ์ที่ชายแดนเกิดความรุนแรง จะได้นำกำลังทหารไปช่วยรบได้ทัน

และพวกเจ้าสองคนอาหมิง ฟงเฉิงฮ่าว มีหน้าที่ช่วยกันตรวจสอบเหล่าขุนนางในเมืองหลวง ว่ามีขุนนางคนใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ หากพบเจอให้ตามหาหลักฐานมาให้ได้ แล้วเจิ้นจะเป็นผู้ตัดสินโทษด้วยตนเอง ส่วนคนที่หลานรักเจิ้นจับตัวได้นำพวกมันไปประหารซะ!”

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ!!”

“จงอย่าลืมหากมีความคืบหน้าต้องรีบรายงานให้เจิ้นทราบ”
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel