บทที่ 25 ท่านแม่มีศัตรูคิดขโมยสูตรการทอผ้าไหม 1/1
พี่น้องฝาแฝดสองตระกูลเร่งกลับเข้าเมืองหลวง จุดมุ่งหมายคือจวนตระกูลหยาง ซึ่งพวกเขาต้องนำเรื่องสำคัญที่เพิ่งพานพบ กลับไปหารือกับบิดามารดาเป็นการด่วน
ทั้งสี่คนพร้อมผู้ติดตามผ่านเข้าประตูเมืองในปลายยามเซิน ก่อนที่ทหารจะทำการปิดตูประเมืองอย่างเฉียดฉิว เสียงกีบเท้าม้าหยุดลงที่หน้าจวนฉางหมิง ผู้ติดตามปล่อยให้เจ้านายเดินตัวปลิวเข้าจวน ส่วนตนเองนำม้าไปเก็บให้เรียบร้อยค่อยตามไปทีหลัง
หยางเฟิ่งเซียนไม่พูดพร่ำทำเพลง นางเรียกบ่าวคนหนึ่งมาสอบถามว่ายามนี้บิดามารดาอยู่ทีใด “นี่เจ้าน่ะ รู้หรือไม่ว่าท่านพ่อ ท่านแม่ของข้าอยู่ที่เรือนใหญ่หรืออยู่ที่ห้องตำรา”
“เรียนคุณหนูนายน้อยกับฮูหยินเพิ่งกลับมาถึงเรือนใหญ่ขอรับ”
“อืม ขอบใจมากเจ้าไปทำงานต่อเถิด”
หยางเฟิ่งเซียนหันไปพยักหน้าให้พี่ชายทั้งสาม เมื่อรู้ว่าบิดามารดาหรือน้าสาวกับน้าเขยอยู่ที่ใด จึงเดินไปยังเรือนใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมกันทุกคน และในหัวของแต่ละคนต่างกำลังคิดหาวิธีต่าง ๆ มากมาย ว่าจะจัดการกับคนตระกูลฉีเช่นไรหากเดินทางไปถึงแคว้นหนานหยาง
อู๋ซูเห็นบุตรฝาแฝดของเจ้านายตนเอง เดินเข้ามาพร้อมญาติผู้พี่ด้วยสีหน้าผิดไปจากทุกวัน จึงรีบเปิดประตูเรือนไว้รอและเข้าไปรายงานเจ้านาย ที่เพิ่งกลับมาถึงจวนได้เพียงสองเค่อ
“นายน้อย ฮูหยิน คุณชายกับคุณหนูกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ ด้านหลังยังมีคุณชายฟงทั้งสองติดตามมาด้วย เพียงแต่สีหน้าของทุกคนดูแปลกยิ่งนักขอรับ”
หยางไท่หมิงกับซูอันถึงกับเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกัน เมื่อได้ยินอู๋ซูบอกว่าบุตรหลานของตน กำลังมาพบด้วยสีหน้าแปลกไปกว่าทุกวัน
“เจ้าว่าอันใดนะอู๋ซู ลูก ๆ ของข้ากับหลานชายทำสีหน้าแปลก ๆ งั้นหรือ”
ซูอันมิได้แสดงท่าทีตกใจกับสิ่งที่อู๋ซูพูดมากนัก นางเพียงสงสัยเสียมากกว่าว่าวันนี้เด็ก ๆ ทั้งสี่คน ออกนอกเมืองไปจัดการคู่แค้นจากสองตระกูล แล้วพบเจอเหตุการณ์อันใดที่นั่นหรือไม่
“ท่านพี่อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปเลยเจ้าค่ะ รอพวกเด็ก ๆ มาบอกเล่าให้ฟัง ย่อมรู้สาเหตุของสีหน้าที่อู๋ซู๋เห็นอย่างแน่นอน”
“นั่นสินะ มีเพียงไม่กี่ครั้งที่เด็กทั้งสี่คนจะมีสีหน้าเคร่งเครียด หากมิใช่เรื่องเกี่ยวกับการค้าผ้าไหม คงหนีไม่พ้นเรื่องคนที่อิจฉาริษยา”
สองสามีภรรยานั่งรออยู่ไม่นาน ฝาแฝดทั้งสี่คนก็ก้าวเท้าเข้ามาในเรือนพร้อม ๆ กัน และสีหน้าของพวกเขาก็เป็นอย่างที่อู๋ซูพูดจริง ๆ
“ลูกคารวะท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ /เจ้าค่ะ”
“คารวะท่านน้า ท่านน้าเขยขอรับ /ขอรับ”
“อืม เซียนเอ๋อร์มานั่งข้าง ๆ พ่อนี่มา ส่วนพวกเจ้าสามคนเลือกนั่งกันตามสบายนะ”
หยางเฟิ่งเซียนนั่งลงตรงกลางระหว่างบิดามารดา ด้วยสีหน้าที่ยังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม หยางไท่หมิงยังไม่ทันได้เอ่ยอันใด กลับเป็นซูอันที่เอ่ยถามบุตรสาวออกมาก่อนสามี
“เอาล่ะ พวกเจ้าจะบอกได้หรือยังว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้น แต่ละคนถึงได้ทำสีหน้าโกรธแค้นประหนึ่งอยากสังหารคนเช่นนี้ หรือว่าคนที่พวกเจ้าตามไปจัดการลงมือไม่สำเร็จกระนั้นหรือ”
ปึก! “ท่านแม่เจ้าคะลูกกับพวกพี่ ๆ จะลงมือไม่สำเร็จได้อย่างไร เพียงแต่ภายหลังจากจบเรื่องนั้นแล้ว จะเรียกว่าบังเอิญหรือโชคดีก็ไม่อาจทราบได้ ขณะที่นั่งรอเวลากลับเข้าเมืองหลวง มีคนกลุ่มหนึ่งแวะพักอยู่อีกด้านของป่าทึบ และสิ่งที่คนกลุ่มนี้ได้พูดคุยกัน คือการตามหาท่านแม่เพื่อต้องการสูตรลับการทอผ้าไหมของตระกูลจินเจ้าค่ะ”
หยางซิวหรงที่ใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง แต่ดวงตากลับมิได้นิ่งอย่างใบหน้า “ท่านพ่อมิได้มีเพียงเรื่องสูตรลับการทอผ้าไหมเท่านั้น เรื่องนี้เป็นแค่ฉากบังหน้าของคนที่อยู่เบื้องหลัง พวกเขาหวังใช้สูตรการทอผ้าไหมในการหาเงิน เพื่อใช้ซื้อเสบียงจำนวนมากให้กับกองทัพ จากนั้นจะส่งกองทัพมาบุกยึดแคว้นเป่ยชางขอรับ”
“เจ้าว่าอะไรนะอาหรง ใครคือคนที่ต้องการยึดแคว้นเป่ยชาง มันเป็นใครถึงได้บังอาจต้องการครอบครองทั้งสองอย่างเช่นนี้!”
ฟงเสวี่ยหลินช่วยยืนยันเรื่องที่ญาติผู้น้องบอกกับน้าหญิงของตน “ท่านน้าเขยที่เซียนเอ๋อร์กับอาหรงพูดมาล้วนเป็นเรื่องจริงขอรับ พวกเราจับตัวคนกลุ่มนั้นและเค้นเอาความจริงแล้ว คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องดังกล่าวเป็นตระกูลฉี ผู้นำตระกูลอยู่ในตำแหน่งเสนาบดีกรมขุนนาง ส่วนอีกคนเป็นสนมคนโปรดของฮ่องเต้แคว้นหนานหยางขอรับ”
ปัง! “ฮ่องเต้สุนัขหยวนเจี้ยน! ช่างหูเบาเชื่อคำพูดสตรีเจ้าเล่ห์ไม่ลืมหูลืมตา สูตรลับการทอผ้าไหมก็อยากได้ เห็นแคว้นเป่ยชางราษฎรกินดีอยู่ดีก็อยากครอบครอง เหตุใดแคว้นหวู่ถึงไม่ยึดครองหนานหยางไปเสีย ปล่อยให้พวกมันได้ลืมตาอ้าปาก เพื่อคิดบุกเป่ยชางของพวกเราได้อย่างไร” หยางไท่หมิงที่เคยไปสืบเรื่องของแคว้นหนานหยางที่ชายแดน นึกเสียดาแทนแคว้นหวู่ยิ่งนัก ที่ไม่ยึดหนานหยางเป็นเมืองขึ้นไปเสีย
ฟงเหยาเหวินคิดในมุมมองอย่างคนบัณฑิต “หลานคิดว่าที่แคว้นหวู่ไม่ยึดเอาหนานหยางเป็นเมืองขึ้น เพราะเห็นแก่ราษฎรที่ต้องเดือดร้อนจากศึกสงคราม และคิดว่าฮ่องเต้แห่งหนานหยาง จะคิดได้เรื่องการปกครองบ้านเมืองให้ดีก็เป็นได้ขอรับ”
ซูอันที่นั่งฟังความเห็นของทุกคน ที่พูดถึงเรื่องที่มีตระกูลของตนเข้าไปเกี่ยวข้อง และยังเกี่ยวโยงไปถึงการทำสงครามระหว่างแคว้น เรื่องสงครามนางย่อมปล่อยให้ราชสำนักตัดสินใจ แต่คนที่คิดเข้ามายุ่งกับตระกูลจินของนาง อย่าได้อยู่อย่างมีความสุข
“สันดรนั้นขุดง่ายแต่สันดานชั่วนั้นคงขุดไม่ขึ้นแล้ว คนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อของฉลาดอยู่วันยังค่ำ บุรุษแม้จะคิดว่าตนนั้นฉลาดล้ำ แต่สุดท้ายยังพ่ายแพ้ให้กับมารยาของสตรีอยู่ดี ท่านพี่ท่านกับอาหลินนำเรื่องแคว้นหนานหยาง รีบเข้าวังหลวงไปถวายรายงานต่อฝ่าบาทเถิด แม้ยามนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวทางทหาร แต่ควรมีรับสั่งไปถึงแม่ทัพประจำชายแดน ให้ตรึงกำลังและเฝ้าระวังไว้ย่อมดีกว่าไม่ป้องกันนะเจ้าคะ ส่วนตระกูลฉีของเสนาบดีกรมขุนนาง รวมถึงบุตรสาวที่เป็นถึงกุ้ยเฟยนางนั้น คนแถวนี้คงอยากไปจัดการด้วยตนเองกระมัง แม่พูดถูกหรือไม่เล่าอาหรง เซียนเอ๋อร์”