บท
ตั้งค่า

บทที่ 24 การเค้นความจริงของหยางเฟิ่งเซียน 1/2

หยางซิวหรงก็คิดเห็นเช่นเดียวกับฟงเสวี่ยหลิน “หลี่เจิน จ้าวหยู ให้โม่หานกับโม่เหยาช่วยเอาคนพวกนี้ไปพบคุณหนู ขืนชักช้านางอาจสังหารใครสังคนเพื่อระบายอารมณ์ก็เป็นได้”

“ขอรับคุณชาย /ขอรับคุณชายหยาง”

หยางเฟิ่งเซียนที่นั่งรออยู่จนเบื่อ นางกำลังจะไปตามเหล่าพี่ชาย แต่พวกเขากลับมาพร้อมบุคคลต้องสงสัยเสียก่อน จึงต้องถอยกลับไปนั่งเก้าอี้ผ้าที่จีจี้ใส่ไว้ให้มิติเช่นเดิม “หึ หากพวกท่านกลับมาช้ากว่านี้อีกแค่นิดเดียว ข้าจะเดินไปตามด้วยตนเองแล้วนะเจ้าคะ หรือที่ชักช้าเป็นเพราะคนกลุ่มนี้ฝืมือร้ายกาจหรือไม่เจ้าคะ”

หยางซิวหรงรีบเข้าไปปลอบน้องสาว เพื่อให้นางคลายโทสะก่อนจะทำการไต่สวนเค้นเอาความลับ “น้องเล็กอย่าได้โมโหไปเลยนะ พวกพี่ย่อมลงมือสุดความสามารถ แต่เราย่อมไม่ประมาทคู่ต่อสู้ใช่หรือไม่เล่า”

พวกหวนเจิงที่ถูกบังคับให้นั่งคุกเข่าอย่างไม่เต็มใจ ภายหลังได้ยินว่ามีสตรีอยู่ที่แห่งนี้และเสียงของนางยังไพเราะ จึงอยากเห็นว่าใบหน้าของสตรีผู้นี้จะงดงามหรือไม่

เพียงแค่คนทั้งห้าเงยหน้าขึ้นมองสตรีตรงหน้าพร้อม ๆ กัน กลับต้องตะลึงกับความงดงาม แต่หยางเฟิ่งเซียนมิได้มีเพียงความงดงาม ท่าทางที่นั่งเหยียดหลังตรงอยู่บนเก้าอี้ สง่างามดั่งนางพญาหงส์ที่มีอำนาจก็มิปาน

หวนเจิงคิดว่าหยางเฟิ่งเซียนคงเป็นคุณหนูเอาแต่ใจทั่วไป ที่มีนิสัยร้ายกาจแต่สิ่งที่เขาคิดกลับผิดมหันต์ เพราะคำพูดที่เปล่งออกมาช่างเย็นชาจนขนหัวลุก

“เจ้าคงเป็นหัวหน้าของคนพวกนี้กระมัง ข้าให้เวลาเจ้าพูดเรื่องสูตรการทอผ้าไหมเพียงหนึ่งจิบชา จงสารภาพมาให้หมดว่าเป็นผู้ใด ที่ต้องการสูตรลับนี้จากตระกูลจิน หากครบหนึ่งจิบชายังไม่ยอมพูด ข้าจะสังหารลูกน้องของเจ้าทีละคน เริ่มได้”

แต่ยังคงเป็นกัวเฉินที่พูดจาได้น่าหมั่นไส้ และมันยิ่งทำให้หยางเฟิ่งเซียนรำคาญจนไม่อยากฟัง “หัวหน้าท่านคงไม่คิดจะสารภาพจริง ๆ หรอกนะ ก็แค่คุณหนูในห้องหอเอาแต่ใจ นางก็แค่พูดจาข่มขู่ท่านเท่านั้น มิได้คิดจะลงมือทำอย่างที่นางพะ...”

วืดด! หมับ! อัก! “อ่อก ชะ ชะ ช่วย...” ฉึก! ตุบ

หยางเฟิ่งเซียนใช้แส้หนังอย่างดี มีใบมีดปลายแหลมอยู่โดยรอบ ตวัดออกไปเกี่ยวที่คอของกัวเฉินอย่างแม่นยำ ก่อนจะกระชากกลับมาอย่างแรงและใช้เท้าเหยียบไว้ พร้อมดึงแส้ให้รัดคอกัวเฉินแน่นขึ้น จนอีกฝ่ายขาดอากาศหายใจตายตาไม่หลับทันที

“หากข้ามีลูกน้องปากสุนัขเช่นนี้ คงไม่รับเข้ามาทำงานสำคัญ ๆ เป็นแน่ แม้ข้าจะเป็นคุณหนูในห้องหอก็จริง แต่คุณหนูเช่นข้าไม่เหมือนผู้ใดเข้าใจเสียใหม่ เหลือเวลาอีกไม่มากแล้วหากยังไม่สารภาพ ศพรายต่อไปย่อมตามมาเร็ว ๆ นี้”

คนที่เหลือในกลุ่มของหวนเจิงถึงกับตะลึง ภายหลังได้เห็นกับตาว่าสตรีที่งดงามล่มเมืองผู้นี้ ช่างมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตฆ่าคนตาไม่กระพริบ หวนเจิงที่กำลังชั่งใจว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด จู่ ๆ ฉายเถาเกิดขี้ขลาดกลัวตายขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เขารีบขยับเข่าเข้าไปหาหยางเฟิ่งเซียน เพื่อเป็นคนสารภาพทุกอย่างที่รับคำสั่งมา

“ข้าพูด ๆ คุณหนูขอท่านเมตตาอย่าได้สังหารข้าเลย ข้าจะบอกท่านทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ขอรับ”

“ข้ารอฟังอยู่...”

“ปะ ปะ เป็นคำสั่งของใต้เท้าฉีเสนาบดีกรุมขุนนาง และพระสนมฉีกุ้ยเฟยผู้เป็นบุตรสาว ซึ่งฉีกุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ตระกูลมารดาของฉีกุ้ยเฟยก็มีโรงทอผ้าขนาดใหญ่ แต่กิจการซบเซารายได้ลดน้อยลงไปมาก เนื่องจากผู้คนหันไปสนใจผ้าไหมจากแคว้นเป่ยชาง ที่มีสีสันสดใสใช้ได้นานหลายปี

ที่ผ่านมาแคว้นเป่ยชางเจริญรุ่งเรือง และราษฎรมีความเป็นอยู่ที่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฉีกุ้ยเฟยจึงคอยพูดยุยงฮ่องเต้ให้ยึดแคว้นเป่ยชาง แต่ก่อนจะทำเช่นนั้นได้จำเป็นต้องใช้เงินทองจำนวนมาก เพื่อซื้อเสบียงมากักตุนให้กับกองทัพเสียก่อน นั่นจึงเป็นที่มาของภารกิจมาตามหาสูตรลับของตระกูลจินขอรับ”

“ฉายเถา! เจ้าขี้ขลาดตาขาว”

“ก็ข้ายังไม่อยากตายถ้าท่านอยากตายก็ตายไปคนเดียวสิ!”

สี่พี่น้องถึงกับกำมือแน่นและพยายามระงับความโกรธของตน ภายหลังได้รับรู้สิ่งที่ผู้อยู่เบื้องหลังต้องการจากตระกูลมารดา

หยางซิวหรงเอ่ยกับเหล่าพี่น้อง ว่าควรทำสิ่งใดต่อไปหลังจากนี้ “ไม่คิดว่าผู้สูงศักดิ์ของแคว้นหนานหยาง จะมีความต้องการยิ่งใหญ่อย่างการครอบครองแคว้นเป่ยชาง เรื่องนี้คงต้องรีบไปพบท่านพ่อท่านแม่แล้วล่ะน้องเล็ก”

“หึ คนในแคว้นไม่มีความสามารถ ก็คิดจะใช้กำลังมาข่มเหงให้ได้มาในสิ่งที่มิใช่ของตน ฮ่องเต้สุนัขนั่นก็ช่างหูเบายิ่งนัก ก็ดี ในเมื่อพวกเจ้ากล้าหาเรื่องตระกูลจินข้ามแคว้นเช่นนี้ จงรอข้าอยู่ที่นั่นใช้ชีวิตที่เหลือให้ดี ก่อนตายข้าจะให้พวกเจ้าได้พบนรกบนดินทุกคน!” หยางเฟิ่งเซียนย่อมเห็นด้วยที่จะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับบิดามารดา แต่หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรไม่มีผู้ใดคาดเดาได้

ฟงเสวี่ยหลินเห็นว่าเวลาจะเข้ายามอู่แล้ว มีคนมาเพิ่มเกรงจะกลับไม่ทันประตูเมืองปิดเอาได้ “เช่นนั้นพวกเรารีบกลับเข้าเมืองกันเถิด จะได้เอาเจ้าพวกนี้ไปมอบให้ท่านน้าซูอันด้วย แล้วพวกเราค่อยแบ่งหน้าที่กันอีกครั้ง”

“แล้วพวกเราจะพาคนพวกนี้กลับไปอย่างไรดี หากพาขึ้นหลังม้าไปย่อมเป็นที่สงสัยของผู้คนที่พบเห็น และเรื่องที่พวกเราได้รับรู้จะต้องเป็นที่สนใจของคนหลายกลุ่มแน่ ๆ” ฟงเหยาเหวินเอ่ยถามวิธีการเอาตัวเชลยกลับเข้าเมืองหลวง

แต่ยังคงเป็นหยางหยางเฟิ่งเซียนคนเดิม ที่เสนอทางออกให้กับเหล่าพี่ชายทั้งสามของตน “ตีให้สลบทุกคน จากนั้นใช้สิ่งที่ท่านแม่ให้มาเก็บซ่อนพวกเขาเอาไว้ เมื่อกลับไปถึงจวนค่อยนำตัวออกมาอีกครั้งเจ้าค่ะ”

“ดี! /เซียนเอ๋อร์ฉลาดที่สุด! /เป็นแผนที่ดี!”

สิ้นเสียงการบอกวิธีแก้ปัญหาของหยางเฟิ่งเซียน ร่างของเชลยทั้งสี่คนก็ล้มพับลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว และเป็นหยางซิวหรงที่ใช้เก็บร่างที่หมดสติเข้าไปในแหวนมิติ

ผู้ติดตามของสี่พี่น้องย่อมรู้มานานแล้ว่า มารดาของสองพี่น้องตระกูลหยางมีบางอย่างที่พิเศษ ตั้งแต่วิธีการฝึกหน่วยคุ้มกันของตระกูลจินแล้ว ดังนั้นเรื่องที่เห็นในวันนี้จึงมิได้ทำให้พวกเขาตกใจแต่อย่างใด

และแล้วเสียงกีบเท้าของม้าศึกทั้งแปดตัว ก็วิ่งด้วยความเร็วกว่าเดิมหนึ่งเท่าตัว เนื่องจากเรื่องสำคัญไม่อาจเสียเวลาไปมากกว่านี้ได้ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าหยางเฟิ่งเซียน ย่อมขออนุญาตกับมารดาเป็นผู้ลงมือด้วยตนเอง
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel