บทที่ 19 บทลงโทษของสองตระกูล 1/1
ภายหลังทั้งใต้เท้าเซิ่งและใต้เท้าหลีกลับไปถึงจวน ก็ได้รับรู้สาเหตุที่ฮูหยินของพวกตนให้คนไปตามกลับมา บุตรสาวที่ตนอุตส่าห์คาดหวังเอาไว้ว่า จะส่งพวกนางเข้าตำหนักของเหล่าองค์ชาย ยามนี้กลับเกิดเรื่องเสื่อมเสียมิใช่หญิงสาวบริสุทธิ์อีกแล้ว
เพียะ! “เจ้าบอกมาเดี๋ยวนี้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่นั่นคือจวนท่านแม่ทัพใหญ่ที่ฮ่องเต้ทรงไว้วางพระทัย งานเลี้ยงครั้งนี้เป็นงานสำคัญแต่เจ้ากลับกล้าสร้างปัญหาให้ข้าเสียได้”
เซิ่งฟางเอินที่ได้สติกลับคืนมาแล้ว หลังจากเห็นว่าตนเองตกอยู่ในสภาพใด ก็ยิ่งทำให้ความโกรธเกลียดที่มีต่อหยางเฟิ่งเซียนระอุขึ้นอีกครั้ง “กรี๊ดดด!! ทำไม ๆ เรื่องนี้ต้องเกิดกับข้า ในห้องนั้นควรเป็นนางจิ้งจอกหยางเฟิ่งเซียนสิ ข้าอยากให้มันอับอายผู้คนไปทั่วเมืองหลวง”
สองสามีภรรยาเมื่อได้ยินสิ่งที่ออกมาจากปากของบุตรสาว ก็ยิ่งกว่าตกใจเพราะที่พวกเขากำลังรู้สึกในยามนี้ คือความกลัวขึ้นมาจับใจหากตระกูลหยางคิดเอาคืนมาถึงตน
ลู่ฮูหยินแทบอยากกัดลิ้นตายเสียตรงนี้ มีใครไม่รู้บ้างว่าบุตรหลานตระกูลหยาง เป็นที่โปรดปราณทั้งฮ่องเต้และรัชทายาทเพียงใด “เอินเอ๋อร์เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าทำอะไรลงไป แย่แล้วคราวนี้พวกเราแย่แน่ ๆ”
“ใช่! คราวนี้ตระกูลของเรารวมถึงตระกูลหลีต้องแย่แน่ ๆ ข้าเคยบอกเจ้าไปกี่ครั้งแล้วว่าถึงจะเกลียดนางเพียงใด ก็ต้องเก็บมันเอาไว้อย่าได้สนใจเรื่องของนาง
มีผู้ใดในเมืองหลวงไม่รู้บ้างว่า สองพี่น้องตระกูลหยางเป็นที่โปรดปราณเพียงใด แม้แต่องค์รัชทายาทยังไม่เข้าข้างบุตรของตน เจ้าคิดว่าข้าที่เป็นขุนนางขั้นสามจะต่อกรกับฮ่องเต้ได้รึ หา!”
ใต้เท้าเซิ่งคิดไม่ตกว่าตนควรหาทางรับมือ ในสิ่งที่บุตรสาวคนนี้ได้กระทำลงไปอย่างไร เพื่อลดโทสะทั้งตระกูลหยางและตระกูลฟงลง ลู่ฮูหยินแม้จะรักบุตรสาวคนนี้ แต่สิ่งที่นางกระทำก็หนักหนาเอาการ
เซิ่งฟางเอินถึงกับหยุดชะงักทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเรื่องดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อตำแหน่งของบิดาในราชสำนัก “ข้า...ท่านพ่อข้าขอโทษที่คิดน้อยและใช้อารมณ์มากเกินไป ท่านช่วยคิดหาวิธีให้ข้าด้วยนะท่านพ่อ”
ใต้เท้าเซิ่งนั่งกุมขมับนิ่ง ๆ อย่างใช้ความคิด จนในที่สุดก็คิดได้เพียงวิธีเดียวเท่านั้น ถึงจะรู้ดีว่าบุตรสาวย่อมไม่ยินยอม แต่ไม่มีวิธีอื่นที่ดีไปกว่านี้แล้ว “เฮ้อ ฮูหยินเจ้าช่วยไปเตรียมของให้นาง พรุ่งนี้ต้นยามเหม่าให้ออกเดินทางไปยังบ้านบรรพบุรุษ นางต้องอยู่ที่นั่นจนกว่าผู้คนจะลืมเรื่องนี้ แล้วค่อยส่งคนไปรับนางกลับมาทีหลัง”
“ท่านพี่! /ท่านพ่อ!”
“ท่านพ่อข้าไม่ไปที่นั่นนะท่านพ่อ บ้านบรรพบุรุษอยู่ไกลเมืองหลวงนับพันลี้ ทั้งเป็นบ้านในชนบทข้าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้อย่างไร ท่านคิดหาวิธีอื่นไม่ได้หรือเจ้าคะท่านพ่อ”
ลู่ฮูหยินก็อยากช่วยพูดกับสามี เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาด้วยวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ แต่คนอย่างใต้เท้าเซิ่งได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขาไม่มีวันเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน
“ท่านพี่ข้าว่าพวกเรา...”
“ฮูหยินเจ้าอย่าได้ตามใจให้นางให้มาก มิเช่นนั้นข้าจะให้เจ้าไปอยู่ที่นั่นด้วยอีกคน ไปจัดการตามที่ข้าสั่งหากพรุ่งนี้ยามเหม่า ไม่มีเสียงรถม้าออกจากจวนข้าจะปลดเจ้าเป็นแค่อนุ หึ”
ลู่ฮูหยินรีบปิดปากตนเองอย่างรวดเร็ว และไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมาอีกเมื่อถูกสามีข่มขู่เรื่องการปลดตนไปเป็นอนุ เซิ่งฟางเอินได้แต่นั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่เช่นนั้น
ในเมื่อเป็นคำสั่งที่เด็ดขาดของบิดา เซิ่งฟางเอินต้องทำตามโดยไร้ข้อโต้แย้ง ลู่ฮูหยินจึงสั่งบ่าวไพร่เตรียมสัมภาระ ซึ่งมีจำนวนหลายหีบให้บุตรสาวที่ต้องเดินทางยามเช้ามืด แม้มีใจอยากช่วยแต่ตนเองก็จนใจ
ทางด้านจวนตระกูลหลีก็ไม่ต่างกันสักนิด ใต้เท้าหลีที่เพิ่งจะเอ่ยถึงการหมั้นหมาย ระหว่างบุตรสาวของตนกับบุตรชายของขุนนางคนหนึ่ง แต่แผนการก็ต้องพังทลายเมื่อเกิดเรื่องงามหน้าของบุตรสาว
ใต้เท้าหลีมีนิสัยรักหน้าตาและมีใจทะเยอทะยาน เขาไม่มีทางให้เรื่องของหลีเยียนหรานทำลายชื่อเสียงของตนได้ ภายหลังที่ได้รับรู้ว่าบุตรสาวร่วมมือกับเซิ่งฟางเอินทำสิ่งใดในจวนแม่ทัพใหญ่
ใต้เท้าหลีจึงมีคำสั่งกับเจี่ยงฮูหยินเรื่องสินเดิมของหลีเยียนหราน เพราะใต้เท้าหลีจะส่งนางไปเป็นฮูหยินลูกน้องของตน ที่มีตำแหน่งเป็นรองเจ้าเมืองทางทิศประจิม โดยให้ออกเดินทางเวลาเดียวกับเซิ่งฟางเอิน
ส่วนจวนตระกูลฟงซึ่งเป็นสถานที่เกิดเรื่อง หลังจากเหอฮูหยินจัดการเรื่องที่เรือนรับรองเสร็จ ได้ร่วมสนทนากับแขกอยู่ไม่นาน พอถึงเวลาอันสมควรทุกคนจึงลากลับจวนของตน
มีเพียงซูอันกับหยางไท่หมิงที่ยังอยู่เพื่อมอบของขวัญให้หลานชายทั้งสอง ซึ่งเป็นสิ่งที่นางมอบให้บุตรของตน สองพี่น้องตระกูลฟงรับของขวัญอย่างตื่นเต้นดีใจ
“ท่านน้าได้ยินเซียนเอ๋อร์บอกว่าท่านอยากพบพวกข้าหรือขอรับ”
“อืม เพราะน้ามีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มามอบให้พวกเจ้า”