บทที่ 17 กรรมนั้นคืนสนอง 1/2
ฟงเฉิงฮ่าวเดินมาเห็นว่าภรรยาของตน เดินไปเดินมาบนใบหน้ามีความกังวล ไม่รอช้าเขารีบเดินเข้าไปไถ่ถามเยี่ยนหลิงทันที “หลิงเอ๋อร์เจ้าให้เมิ่งฉีไปตามพี่กับอาหมิงมาพบ มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นในจวนเช่นนั้นหรือ”
“ท่านพี่ น้องเขย มีเรื่องไม่งามที่เรือนรับรองของจวน ยามนี้ข้าให้ซูอันไปกับท่านแม่และฮูหยินอีกหลายคน ส่วนข้าที่มาพบท่านเพราะอยากให้กันเหล่าบุรุษไว้ที่นี่ หากพวกเขาอยากรู้อยากเห็นพากันไปที่นั่น เกรงว่าจะยิ่งทำให้สตรีด้านในรับความอัปยศไม่ไหวเอาได้เจ้าค่ะ”
“ฮึ่ย! บังอาจทำเรื่องเลวทรามในวันดี ๆ ของอาเหวินเชียวรึ ข้าอยากรู้นักว่าเป็นบุตรหลานจากตระกูลใด ช่างอบรมสั่งสอนบุตรหลานได้ดีจริง ๆ”
หยางไท่หมิงมั่นใจเต็มสิบส่วนแล้วในยามนี้ ว่าเรื่องดังกล่าวต้นตอย่อมมาจากบุตรสาวของตน “อาฮ่าวทำตามที่ฮูหยินเจ้าบอกเถิด ให้คนมาเฝ้ารอบ ๆ เรือนใหญ่โดยเร็ว ป้องกันมิให้ใครเดินไปมาจนห้ามไม่ทัน ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นบุตรหลานตระกูลใด หลังจากจบงานเลี้ยงพวกเราย่อมได้รู้อย่างแน่นอน”
“เฮ้อ ข้าเข้าใจแล้ว ไห่หยุนเจ้ากับไห่หยวนช่วยจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว กำชับพวกบ่าวไพร่อย่าปล่อยให้ใครออกไปจากเรือนใหญ่ได้”
“บ่าวทราบแล้วขอรับคุณชายรอง”
“พวกเราทำใจให้สบายเถิด ข้าว่าไปนั่งที่ศาลารอฟังข่าวอย่างเงียบ ๆ ดีกว่า คนด้านในเรือนใหญ่จะได้ไม่สงสัย”
ฟงเฉิงฮ่าวพยักหน้าให้กับสหายอย่างเห็นด้วย ก่อนจะจับจูงภรรยาเดินไปยังศาลาพร้อมกัน แม้อยากตามไปดูเรื่องราวมากเพียงใด แต่พวกเขาก็เข้าใจอย่างที่เยี่ยนหลิงบอกเช่นกัน
ทางด้านคนกลุ่มใหญ่ที่มีเหอฮูหยินเดินนำอยู่ด้านหน้า โดยซูอันทำหน้าที่คอยประคองไม่ให้นางสะดุดล้ม ในที่สุดก็มาถึงหน้าเรือนรับรองที่เกิดเรื่องจนได้ แต่นอกจากพวกนางยังมีหยางหยางเฟิ่งเซียน ผู้แสร้งเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จแล้ว และบังเอิญเดินออกมาจากอีกด้านพอดี
“เซียนเอ๋อร์เหตุใดลูกถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า แล้วเจ้ายังเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ารึ!” ซูอันแสร้งทำทีตกใจเมื่อเห็นบุตรสาวก็อยู่ที่นี่
เหอฮูหยินที่รักและเอ็นดูหยางเฟิ่งเซียนไม่ต่างจากหลานแท้ ๆ ก็เอ่ยถามนางด้วยความเป็นห่วงอีกคน “นั่นน่ะสิเซียนเอ๋อร์ มีใครทำอะไรเจ้าเช่นนั้นหรือถึงต้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่”
“เรียนท่านย่าเหอ ท่านแม่ เผอิญว่าสาวใช้นางนี้ไม่ทันระวัง จึงทำน้ำชาหกโดนเสื้อผ้าของลูก นางจึงอาสาพาลูกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่ แต่พอมาถึงแค่ครึ่งจิบชาก็มีเสียงแปลก ๆ อยู่ในเรือนหลังข้าง ๆ ลูกจึงให้นางไปรายงานพวกท่านเจ้าค่ะ” หยางเฟิ่งเซียนตอบคำถามเหอฮูหยิน ด้วยกริยาท่าทางเรียบร้อยงดงามน่ามอง อีกทั้งยังแสร้งเขินอายเมื่อพูดถึงเรือนรับรองหลังข้าง ๆ
“เซียนเอ๋อร์ปลอดภัยก็ดีแล้วนะ เจ้าอยู่กับมารดาไปก่อนย่าจะรีบจัดการเรื่องน่าอายนี้เสียก่อน ฟางซื่อไปเปิดประตูข้าไม่อยากได้ยินเสียงพวกนั้นอีก ส่วนเจ้าไปตามบ่าวไพร่มาหลาย ๆ คน อ้อ ให้พวกเขาเอาน้ำเย็นใส่ถังมาด้วยล่ะ”
“เจ้าค่ะฮูหยิน /เจ้าค่ะฮูหยิน”
หยางเฟิ่งเซียนเดินไปยืนกับมารดาด้วยท่าทางเขินอาย ส่วนเสี่ยวฮัวรีบวิ่งไปตามบ่าวไพร่อย่างรวดเร็ว และประตูเรือนรับรองก็ถูกเปิดโดยแม่นมฟาง หลังจากบานประตูเปิดกว้างสิ่งที่พบเห็น ยิ่งสร้างความโกรธเคืองให้กับเหอฮูหยินอย่างมาก
แต่ว่าภาพตรงหน้าทำเอาสองฮูหยิน ที่ติดตามมาถึงกับตกตะลึงจนอยากหยุดหายใจ เนื่องจากสตรีสองในสี่ที่อยู่ด้านในนั้น กลับกลายเป็นบุตรสาวของพวกนางเสียเอง พวกนางไม่คิดมาก่อนว่าบุตรสาวของตน จะคิดวางแผนกลั่นแกล้งคนในในจวนตระกูลฟง จนต้องรับผลจากแผนสกปรกเสียเอง หากสามีของพวกนางรู้เข้าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
เหอฮูหยินยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใด ก็มีเสียงจากด้านหลังกรีดร้องและวิ่งเข้าไป เพื่อแยกคนด้านในออกจากบุรุษ ที่พวกนางดูอย่างไรก็มิใช่คุณชายตระกูลสูงศักดิ์ ที่สำคัญคนภายในห้องนี้ล้วนเปลือยกายล่อนจ้อน ไม่เว้นแม้แต่สาวใช้ของบุตรสาวพวกนาง
ปัง! “กรี๊ดดด! เอินเอ๋อร์ /หรานเอ๋อร์!”
“เจ้าคนต่ำช้าออกไปให้ห่างลูกของข้านะ ออกไป๊ เอินเอ๋อร์ ๆ เจ้าอย่าทำเช่นนี้บอกแม่มาเถิดว่าใครที่ทำร้ายเจ้า แม่จะให้คนไปตามจับตัวพวกมามาลงโทษ”
“หรานเอ๋อร์ ๆ ลูกแม่” เพียะ! เพียะ! “ออกไปให้พ้นพวกสกปรกอย่ามาแตะลูกสาวของข้านะ!”
แม้จะมีเสียงทุบตีและเอ่ยห้ามอย่างไร คนที่ถูกกำยานชนิดพิเศษจากฝีมือของจีจี้ ไม่มีทางเชื่อฟังคำสั่งของฮูหยินทั้งสอง พวกเขายังคงพยายามไขว่คว้าเพื่อเสพสมกันให้หนำใจ คนที่อยากมาเป็นพยานให้กับเรื่องดังกล่าว ถึงกับยอมถอยหลังออกมาเมื่อรู้แล้วว่า คุณหนูในห้องหอทั้งสองเป็นบุตรสาวของผู้ใด
‘อ๊ายย น่าอับอายเกินไปแล้วจริง ๆ ข้าไม่คิดเลยว่าคุณหนูเซิ่งกับคุณหนูหลีจะเป็นสตรีเช่นนี้’
‘นี่ท่านคิดเหมือนข้าหรือไม่ เรื่องที่หลับนอนกับบ่าวไพร่บางทีอาจเป็นพวกนาง ที่ต้องการทำให้ใครอับอายในวันนี้ก็เป็นได้นะ’
‘ใช่ ๆ ๆ ข้าได้ยินมาว่าพวกนางอิจฉาคุณหนูหยางด้วยนะ’