บทที่ 16 กรรมนั้นคืนสนอง 1/1
ขณะที่แขกเหรื่อกำลังสนทนากันอย่างออกรส ภายหลังจากองค์หญิงใหญ่ได้เสด็จกลับจวนไปได้ไม่ถึงหนึ่งเค่อ ซึ่งยามนี้ในวงสนทนามีเหล่าฮูหยินหลายตระกูล ต่างกล่าวชื่นชมบุตรสาวของตนไปมาตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยง เพื่อเป็นการมองหาบุรุษให้กับบุตรสาวของตน
หนึ่งในนั้นยังมีซูอันที่นั่งอยู่ข้างกายพี่สาวโดยไม่พูดสิ่งใด พวกนางมิได้ตอบรับหรือถามอันใดเพิ่มเติม ทำเพียงแค่ยิ้มบางให้กับบางคำถามเท่านั้น เนื่องจากสองพี่น้องตระกูลจิน ไม่เคยคิดบังคับบุตรของตนในเรื่องของการเลือกคู่ครอง
ส่วนเสี่ยวฮัวที่ตั้งหน้าตั้งหน้าวิ่งมาจากเรือนรับรอง นางย่อมรู้ว่าควรวิ่งไปหาผู้ใดเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น แฮ่ก ๆ ๆ “ฮูหยินเจ้าคะเกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ทะ ทะ ที่เรือนรับรองมีคนทำเรื่องบัดสีอยู่ในนั้นเจ้าค่ะ”
พรึบ! “เจ้าว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นในจวนของข้านะ พูดมาให้ชัดว่ามันเป็นเรื่องอะไรกันแน่!” เหอฮูหยินมารดาของฟงเฉิงฮ่าวแทบนั่งไม่ติด เมื่อได้ยินสาวใช้ของจวนวิ่งหน้าตาตื่น เข้ามารายงานเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น
“เมื่อครู่บ่าวพาคุณหนูหยางไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนรับรอง แต่บ่าวกับคุณหนูหยางกลับได้ยินเสียงบุรุษกับสตรี กำลังทำเรื่องบัดสีอยู่ในเรือนรับรองอีกหลังหนึ่ง จึงรีบวิ่งมารายงานให้ฮูหยินทราบเจ้าค่ะ”
เยี่ยนหลิงที่ไม่ได้รับรู้ถึงแผนการของบุตรชายกับหลานสาว หลังจากได้ยินสาวใช้ของจวนรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น จึงมีอาการตกใจตามสถานการณ์ไปโดยปริยาย
“ตายจริง! เป็นผู้ใดกันถึงได้ใจกล้าทำเรื่องหน้าละอายเช่นนี้ได้ ท่านแม่เรารีบไปที่เรือนรับรองกันเถิดเจ้าค่ะ เพราะควรรีบหยุดเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด”
ซูอันก็เข้าผสมโรงไปกับพี่สาวเช่นกัน “ใช่เจ้าค่ะท่านป้า แต่ข้าว่าควรกันพวกแขกบุรุษที่มาร่วมงานไว้ด้วยนะเจ้าคะ หากสตรีที่อยู่ในเรือนรับรองเกิดเป็นคุณหนูคนใดคนหนึ่งขึ้นมา จะได้ไม่ต้องรู้สึกอับอายจนเกินไปเจ้าค่ะ”
ไฉฮูหยินที่เป็นมิตรสหายกับตระกูลฟงมานาน สนับสนุนความคิดของซูอันเพราะไม่อยากให้บุรุษทั้งหลายมีส่วนร่วม “เหอฮูหยินข้าเองก็เห็นด้วยกับจินฮูหยินนะ หากมีบุรุษตามไปเป็นพรวนแล้วเห็นเรือนร่างของหญิงสาว เกรงว่าจะทำให้พวกนางอับอายจนรับความอัปยศนี้ไม่ไหว”
เยี่ยนหลิงยิ่งกว่าเห็นด้วยกับน้องสาว นางจึงเอ่ยกับแม่สามีว่าตนจะบอกให้สามีจัดการเรื่องนี้ให้ “ท่านแม่ข้าจะให้ซูอันไปเป็นเพื่อนท่านนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวข้าจะไปบอกท่านพี่กับท่านพ่อ พวกเราจะช่วยกันรับหน้าแขกอยู่ทางนี้ ไม่ให้เข้าไปยุ่งที่เรือนรับรองเองเจ้าค่ะ”
“พวกเราจะไปเป็นเพื่อนเหอฮูหยินด้วยก็แล้วกัน เพื่อจะได้เป็นพยานว่าตระกูลฟงเป็นผู้บริสุทธิ์” โหรวฮูหยินเสนอความคิดของตน แต่อันที่จริงนางแค่อยากรู้ว่า คนที่ก่อเรื่องเป็นบุตรหลานตระกูลเสียมากกว่า
เมื่อเห็นว่าทุกคนล้วนมีความเห็นคล้ายกัน จึงหันไปทางลูกสะใภ้เพื่อฝากดูแลเรือนใหญ่ และเชิญเหล่าฮูหยินตามตนไปยังเรือนรับรอง “เช่นนั้นแม่ฝากทางนี้ให้เจ้าช่วยดูแลด้วยนะ รบกวนฮูหยินทุกท่านช่วยตามไปเป็นพยานให้ข้าแล้ว”
ซูอันช่วยพยุงเหอฮูหยินเดินตามเสี่ยวฮัวออกจากเรือนใหญ่ พร้อมกับฮูหยินอีกนับสิบคนที่เดินตามมาติด ๆ เยี่ยนหลิงที่ยืนส่งแม่สามีจนพ้นเรือนใหญ่ จึงสั่งให้เมิ่งฉีคนของตนไปตามสามีและน้องเขย มาพบนางที่มายืนรออยู่หน้าเรือนโดยเร็ว
“เมิ่งฉีเจ้าไปบอกสามีของข้ากับน้องเขยที ว่าข้ารอพบพวกเขาอยู่ด้านหน้าเรือน มีเรื่องสำคัญเร่งด่วนให้รีบมา”
“รับทราบขอรับฮูหยิน”
ด้วยท่าทางอันเร่งรีบของเมิ่งฉี ย่อมเป็นที่สังเกตของอู๋ซวนกับไห่หยุน เพราะพวกเขาคอยติดตามเจ้านายอยู่เสมอ เมื่อเห็นเช่นนั้นไห่หยุนจึงปลีกตัวออกมาพูดคุยทันที โดยอู๋ซวนคอยมองว่าไห่หยุนจะส่งสัญญาณอันใดกลับมาหรือไม่
“มีอันใดหรือเมิ่งฉี ข้าเห็นเจ้าเดินเข้ามาท่าทางแปลก ๆ”
“ไห่หยุนเจ้าช่วยเรียนคุณชายรองและคุณชายหยางให้ข้าที ยามนี้ฮูหยินมีเรื่องสำคัญต้องการพบทั้งสองโดยเร็ว”
ได้ยินเมิ่งฉีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตานิ่งสนิทไม่ใช่การกล่าวเล่น ๆ ไห่หยุนจึงหันไปทางอู๋ซวน เพื่อส่งสัญญาณผ่านสายตาที่มองเลยไปถึงเจ้านายของตน ด้านอู๋ซวนพยักหน้ารับเป็นอันรู้กัน
ฟงเฉิงฮ่าวกับหยางไท่หมิงที่กำลังฟังการสนทนา เมื่ออู๋ซวนเดินเข้ามาเรียกตนเองสั้น ๆ ก็พอเดาได้ไม่ยาก จึงเอ่ยขอตัวกับผู้อาวุโสออกมาพบเมิ่งฉี
ฟงเฉิงฮ่าวเอ่ยถามคนของภรรยาที่ยืนรออย่างสงบ “เจ้าพูดมาเถิดเมิ่งฉีหลิงเอ๋อร์ให้เจ้ามาตามข้าใช่ไหม”
“เรียนคุณชายรองฮูหยินต้องการพบท่านกับคุณชายหยาง เนื่องจากมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นในจวนขอรับ”
“นางอยู่ที่ใด...”
“ฮูหยินรอคุณชายรองอยู่หน้าเรือนใหญ่ขอรับ”
“อืม ขอบใจมาก อาหมิงพวกเรารีบไปพบหลิงเอ๋อร์กันเถิด ข้าอยากรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดในงานเลี้ยงฉลองของอาเหวินกันแน่”
หยางไท่หมิงแม้จะพอคาดเดาเรื่องบางอย่างได้ แต่เขายังไม่มั่นใจนักว่าจะเกี่ยวข้องกับบุตรสาวหรือไม่ มีเพียงตามสหายไปพบพี่สาวภรรยาเท่านั้น ถึงจะยืนยันเรื่องที่อยู่ในหัวของเขาได้