ตอนที่3 เสือขาวกับพยัคฆ์
จ้าวฉือลี่ไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อถูกจู่โจมประชิดตัวก็ถึงกับไปไม่เป็น ยิ่งได้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาในระยะเผาขนใบหน้าของนางก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที
‘แบบนี้นี่เองเวลาแฟนคลับเห็นศิลปินสุดหล่อของตัวเองในระยะใกล้ถึงทำตัวไม่ถูก ความหล่อนี่มันช่างมีพลังทำลายล้างสูงเสียจริง ๆ ทำให้คนหลงใหลเคลิบเคลิ้มได้ในชั่วพริบตา’
จ้าวฉือลี่รีบก้มหน้าลงเพราะกลัวสติจะกระเจิงจนเผลอตัวทำอะไรลงไปจนเว่ยเหวินเซียนนั้นจับผิดได้ แต่เมื่อนางก้มลงมาเห็นว่ามือของเขานั้นจับเชือกผ้าคาดเอวของนางเอาไว้ ก็ทำให้นางโกรธขึ้นมาทันที
ไม่ว่าเขาจะหล่อเหลามากเพียงใด แต่การที่ทำเช่นนี้ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย ถึงนางจะไม่ได้เกิดในสมัยนี้แต่นางนั้นก็คิดว่าทุกยุคทุกสมัยบุรุษก็ควรให้เกียรติผู้หญิงเพศแม่
เพราะตอนที่นางอยู่ในภพชาติของตนเอง นางนั้นต้องเรียนหนังสือไปด้วยหาเงินเลี้ยงตัวเองไปด้วยตั้งแต่อายุ16ปี ไม่ว่างานรับจ้างอะไรจ้าวฉือลี่ก็ไม่เคยเกี่ยง และงานที่ทำเป็นประจำหลังเลิกเรียนคืองานเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหาร ถึงจะได้ทิปดีแต่เธอก็มักถูกลูกค้าแต๊ะอั๋งอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้นางเกลียดผู้ชายประเภทนี้ที่สุด
จ้าวฉือลี่หันไปมองฉุยฉุยเป็นนัยว่าต้องการความช่วยเหลือ แต่จ้าวฉือลี่นั้นก็ไม่แน่ใจหรอกว่าฉุยฉุยจะรู้หรือไม่ แต่ก็ต้องเสี่ยงดูหากฉุยฉุยไม่ช่วยนางค่อยหาทางออกเองอีกที
จ้าวฉือลี่แตะไปที่หลังมือของเว่ยเหวินเซียนที่จับเชือกผ้าคาดเอวของนางอยู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาและพูดกับเว่ยเหวินเซียน
“ในเมื่อท่านอ๋องไม่เชื่อใจหม่อมฉันถึงเพียงนั้น ก็เชิญค้นตัวได้เลยเพคะ” จ้าวฉือลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความโกรธที่ถูกเหยียดหยาม
จ้าวฉือลี่คิดใช้โอกาสนี้ตัดความสัมพันธ์กับเว่ยเหวินเซียน เพราะหากนางรอดไปได้นางกับเขาก็ต้องติดต่อกันอีก หากเป็นเช่นนั้นเว่ยหลิงเฮ่อก็จะต้องหาทางบังคับนางให้ไปเอาตราพยัคฆ์มาอีก ชีวิตของนางก็จะวนเวียนอยู่กับสองคนนี้ไม่จบไม่สิ้น หัวของนางก็คงมีดาบพาดอยู่บนคอครั้งแล้วครั้งเล่า มิสู้ใช้เรื่องครั้งนี้ตัดขาดไปเลยจะดีกว่า
“ไม่ได้เพคะ ถึงอย่างไรคุณหนูก็เป็นสตรียังไม่ออกเรือน หากมีผู้ใดรู้เข้าว่าถูกบุรุษค้นตัวเช่นนี้ ชื่อเสียงของคุณหนูคงไม่อาจกู้คืนได้” ฉุยฉุยรีบเอ่ยขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเว่ยเหวินเซียนกำลังจะดึงเชือกผ้าคาดเอวของเผยตั้นเยี่ยน
จ้าวฉือลี่โล่งใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยินฉุยฉุยเอ่ยห้ามบุรุษตรงหน้าของนาง
เว่ยเหวินเซียนหยุดมือทันทีที่ได้ยินคำพูดของฉุยฉุย เพราะความโกรธที่มีทำให้เขานั้นลืมไปว่านี่คือการกระทำที่ไม่สมควร เพราะยามนี้นางนั้นเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยเท่านั้น
“ได้ เช่นนั้นพวกเจ้ากลับไปพร้อมข้า ข้าจะให้สาวใช้ที่จวนข้าเป็นคนค้นตัวพวกเจ้า” เว่ยเหวินเซียนมองหน้าทหารที่จับตัวฉุยฉุยอยู่ราวกับบอกให้เขานั้นปล่อยนาง
เว่ยเหวินเซียนหมุนตัวเดินไปยังม้าของเขาโดยมีหานสิงเวยองครักษ์คนสนิทเดินตามมาพร้อมกับเผยตั้นเยี่ยนและฉุยฉุย ตลอดทางที่เดินมานั้นเว่ยเหวินเซียนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าบ่าวที่ให้การว่าเผยตั้นเยี่ยนเอาตราพยัคฆ์ไปนั้นพูดความจริง หรือเผยตั้นเยี่ยนพูดความจริงกันแน่ เพราะน้ำเสียงตอนที่นางอนุญาตให้เขาค้นตัวนั้นเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกเขาเข้าใจผิดและเหยียบหยาม หาได้มีท่าทีที่จะกลัวว่าเขานั้นจะพบตราพยัคฆ์เลยสักนิด
‘หรือนางจะทิ้งตราพยัคฆ์ไปแล้วจึงได้มั่นใจถึงเพียงนี้ แต่ต่อให้ทิ้งตราพยัคฆ์ไปแต่ขอเพียงเจ้าสัมผัสตราพยัคฆ์ยาที่ข้าเคลือบไว้ที่ตราพยัคฆ์ก็จะติดมือเจ้าอยู่ดี’
เว่ยเหวินเซียนเดินมาถึงม้าของเขาแล้ว ก็หันมาหาเผยตั้นเยี่ยน “เจ้าขึ้นม้าตัวเดียวกับข้า ส่วนสาวใช้ของเจ้าไปกับสิงเวย” แต่ยังไม่ทันที่เว่ยเหวินเซียนจะได้ขึ้นม้า ก็มีบุรุษสี่คนควบม้ามาทางพวกเขาเสียก่อน
“พวกเจ้าเป็นใครหยุดเดี๋ยวนี้” ทหารของเว่ยเหวินเซียนสั่งให้บุรุษทั้งสี่คนหยุด
“บังอาจ” บุรุษหนึ่งในสี่คนตวาดใส่ทหารของเว่ยเหวินเซียน
“กระหม่อมมิทันได้เห็นว่าเป็นองค์รัชทายาท ขอองค์รัชทายาทโปรดอภัยให้กับกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ทหารของเว่ยเหวินเซียนรีบคุกเข่าลงทันทีที่เห็นเว่ยหลิงเฮ่อ
เมื่อได้ยินทหารของเว่ยเหวินเซียนเรียกบุรุษที่มาว่าองค์รัชทายาท ในใจของจ้าวฉือลี่ก็เต้นรัว มือไม้สั่นขึ้นมาทันที ‘ทำไมต้องมาตอนนี้ด้วย แค่รับมือคนเดียวข้าก็แย่แล้ว ตอนนี้ต้องรับมือสองคนพร้อมกัน ข้าจะบ้าตาย สวรรค์นะสวรรค์ทำไมท่านถึงเกลียดข้าถึงเพียงนี้’
เว่ยเหวินเซียนที่จ้องมองว่าบุรุษทั้งสี่เป็นใครอยู่นั้นเมื่อได้ยินว่าเป็นพระราชนัดดาของเขาก็หันมายังสตรีที่เขาจะพาขึ้นม้าไปด้วย แต่เมื่อเห็นใบหน้าของนางที่เต็มไปด้วยความตกใจ สีหน้าของเขาที่เริ่มคลายโทสะลงก็กลับมาเปี่ยมโทสะอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้มีคนคอยเตือนเขาว่าเผยตั้นเยี่ยนแอบไปพบกับเว่ยหลิงเฮ่อหลายครั้ง ถึงเขาจะไม่แน่ใจว่าเผยตั้นเยี่ยนเป็นคนที่เว่ยหลิงเฮ่อส่งมาคอยสอดแนนที่จวนของเขาจริงหรือไม่ แต่เขานั้นก็หาได้สนใจเพราะเขาคิดว่าหลานชายของเขานั้นคงไม่ได้คิดร้ายกับเขา แต่อาจจะเพียงแค่ระวังตัวเอาไว้ก่อนเพราะยามนี้อำนาจที่อยู่ในมือของเขานั้นมีมากนัก จึงไม่แปลกที่จะทำให้เว่ยหลิงเฮ่อรู้สึกกลัว
แต่ดูจากที่เผยตั้นเยี่ยนกับเว่ยหลิงเฮ่อใช้ถนนเส้นเดียวกันในคืนนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และหากเผยตั้นเยี่ยนกับเว่ยหลิงเฮ่อรวมหัวกันขโมยตราพยัคฆ์จริง เขาจะทำให้คนทั้งคู่ต้องเสียใจไปจนตายที่กล้าหักหลังเขาทั้งที่เขานั้นอุตส่าห์ให้ใจคนทั้งคู่มากถึงเพียงนี้
“เสด็จอา ทำไมจึงมาอยู่ที่นี่ในยามนี้” เว่ยหลิงเฮ่อเป็นฝ่ายทักทายเว่ยเหวินเซียนก่อน
“แล้วองค์รัชทายาทมาทำอันใดแถวนี้อย่างนั้นหรือ” เว่ยเหวินเซียนไม่ตอบแต่กลับถามกลับ
เว่ยเหวินเซียนสังเกตเห็นว่าสายตาของหลานชายของเขานั้นชายตามองคุณหนูตระกูลเผยหลายครั้ง ราวมีเรื่องอันใดที่เขานั้นไม่รู้เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง
จ้าวฉือลี่ที่ยืนอยู่ตรงกลางเหงื่อผุดออกมาทั้งตัว เมื่อเห็นสายตาของสองบุรุษที่ชำเลืองมามองนางครั้งแล้วครั้งเล่า นางพยายามคิดหาทางออกให้กับตนเอง แต่ยิ่งน้าหลานนิ่งเงียบต่างคนต่างไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายก็ทำให้นางนั้นอึดอัดและคิดอันใดไม่ออกยิ่งกว่าเก่า
แต่เมื่อเห็นใบหน้าและสายตาคมกริบราวกับคมดาบของเว่ยเหวินเซียนก็ทำให้นางนั้นนึกขึ้นมาได้ นางยอบกายให้เว่ยหลิงเฮ่อก่อนเอ่ย
“หากวันหลังองค์รัชทายาทไปเที่ยวเล่นที่ไกล ๆ จะกลับทางนี้ก็ระวังหน่อยนะเพคะ เมื่อครู่หม่อมฉันเพิ่งถูกคนร้ายไล่ตาม โชคดีที่คนของหม่อมฉันไปตามท่านอ๋องมาช่วย ไม่เช่นนั้นป่านี้ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร”
เว่ยหลิงเฮ่อกับเว่ยเหวินเซียนต่างมองหน้าบุตรีสายตรงสกุลเผยด้วยสีหน้าครุ่นคิด เพราะเขาไม่แน่ใจว่าที่นางเอ่ยเช่นนี้เพราะอันใด
‘นางช่วยข้าปกปิดเรื่องที่ข้ามาตามหาตราพยัคฆ์ แล้วช่วยองค์รัชทายาทปกปิดเรื่องอันใดนางจึงได้เอ่ยเช่นนี้ หรือว่าพวกเขาจะนัดพบกันจริง ๆ แต่ก็ช่างเถอะหากค้นตัวนางเดี๋ยวทุกอย่างก็จะกระจ่างเอง’ เว่ยเหวินเซียนไตร่ตรองอยู่ในใจ
‘นี่นางช่วยเสด็จอาปกปิดเรื่องที่ทำตราพยัคฆ์หายอย่างนั้นหรือ แถมยังช่วยข้าปกปิดเรื่องที่จะขโมยตราพยัคฆ์อีก ทำไมนางถึงได้ทำเช่นนี้หรือเพราะอยากมีชีวิตรอดจากข้าและเสด็จอาจึงประจบประแจงทั้งสองฝ่าย’ เว่ยหลิงเฮ่อใคร่ครวญอยู่ในใจแต่ก็ไม่อาจหยั่งใจของเผยตั้นเยี่ยนได้
“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นให้ข้าไปส่งดีหรือไม่ อย่างไรก็ทางผ่าน” เว่ยหลิงเฮ่อเอ่ยถามเผยตั้นเยี่ยน
“ไม่เพคะ/ไม่ต้อง” จ้าวฉือลี่และเว่ยเหวินเซียนเอ่ยพร้อมกัน
