บท
ตั้งค่า

ตอนที่2.2 แผนรับมือ

“อย่าฝากความหวังไว้กับคนตายเลย เจ้าหาท่อนไม้มาถือเอาไว้ดีกว่า หากมีคนเข้ามาไม่ว่าใครก็ตีได้เลย แต่ไม่ต้องเผยวรยุทธ์ให้พวกเขารู้” จ้าวฉือลี่เอ่ยเสียงเบา ๆ ราวกับกระซิบ เพราะคนถือคบเพลิงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว

เรื่องที่คนรับใช้ทั้งสามของเผยตั้นเยี่ยนมีวรยุทธ์นั้นมิมีผู้ใดรู้ นอกจากเผยตั้นเยี่ยนกับคหบดีหลิว หลิวชิงเยี่ยนท่านตาของนางเท่านั้น แต่จ้าวฉือลี่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้มามีหรือนางจะไม่รู้

ทั้งสามคนล้วนเป็นคนที่หลิวชิงเยี่ยนคัดเลือกมาด้วยตนเองก่อนจะส่งมาเพื่อคอยดูแลเผยตั้นเยี่ยน หลังจากที่หลิวชิงเยี่ยนนั้นสืบทราบสาเหตุการตายที่แท้จริงของบุตรสาวตนเองได้ว่าที่จริงแล้วนางนั้นมิได้ตายเพราะร่างกายอ่อนแอ แต่ทว่าตายเพราะถูกวางยา แต่หลิวชิงเยี่ยนยังไม่รู้ว่าใครคือคนวางยาบุตรสาวของตนจึงส่งคนมาอารักขาหลานสาวเอาไว้ก่อน

อย่าว่าแต่หลิวชิงเยี่ยนเลยที่ไม่รู้ตัวคนร้าย แม้แต่จ้าวฉือลี่เองก็ยังไม่รู้ว่าใครคือคนวางยา เพราะนักเขียนเทนิยายไปเสียก่อน

เพียงไม่นานนักแสงไฟจากคบเพลิงก็เข้ามาใกล้จุดที่พวกนางซ่อนตัวอยู่ เมื่อฉุยฉุยเห็นว่าระยะห่างจากแสงไฟนั้นเข้ามาใกล้ไม่ถึง5ก้าวแล้ว นางก็พุ่งตัวออกมาจากที่ซ่อนเพื่อตีคนที่มาเยือนตามที่คุณหนูของนางสั่ง

เมื่อทหารของเว่ยเหวินเซียนโดนฉุยฉุยที่เป็นเพียงสาวใช้โจมตีมีหรือจะหลบไม่ได้ ทหารผู้นั้นทิ้งคบเพลิงในมือแล้วรีบคว้าท่อนไม้เอาไว้ ก่อนจะจับแขนทั้งสองข้างของฉุยฉุยไขว้ไปทางข้างหลัง

“เจอตัวสาวใช้ของคุณหนูเผยแล้ว พวกเจ้าไปทูลท่านอ๋องที”

ทหารผู้นั้นรีบตะโกนบอกสหายที่อยู่ใกล้ ๆ ให้ไปแจ้งผู้เป็นนาย แต่ว่าเว่ยเหวินเซียนกลับได้ยินโดยที่ไม่ต้องให้ผู้ใดมาแจ้ง เขากระโดดลงจากหลังม้าเข้ามาในป่าไผ่แล้วเดินไปตามเสียงของนายทหารผู้นั้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้ยินเสียงของทหารจ้าวฉือลี่ที่ซ่อนตัวอยู่หลังกอไผ่ใหญ่ก็แสร้งเดินออกมาแบบไม่มั่นใจว่าผู้ที่มาเยือนคือใคร พร้อมเอ่ยกับทหารผู้นั้นด้วยท่าทางหวั่นกลัว แต่ท่าทางที่กำลังหวาดกลัวนี้นางนั้นหาได้แสดงไม่ เพราะมันออกมาจากใจจริงของนางในยามนี้

“เจ้าคือทหารของชินอ๋องอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย

“เจอคุณหนูเผยแล้ว มาช่วยจับนางที” ทหารผู้นั้นไม่ตอบคำถามของจ้าวฉือลี่ แต่กลับตะโกนเรียกทหารคนอื่นมาช่วยจับตัวเผยตั้นเยี่ยน

แต่ยังไม่ทันที่ทหารคนอื่นจะมาถึง เว่ยเหวินเซียนก็มาถึงยังจุดที่คนทั้งสามคนยืนอยู่แล้ว เพียงแค่เห็นใบหน้าของเผยตั้นเยี่ยน เขาก็ชักกระบี่ออกมาพร้อมกับใช้ปลายกระบี่ชี้ไปยังลำคอขาวของเผยตั้นเยี่ยนทันที

ใบหน้าของจ้าวฉือลี่เวลานี้ซีดเสียยิ่งกว่าไก่ที่ถูกต้มเสียอีก เพราะปลายกระบี่นั้นห่างจากลำคอนางไม่ถึง10แผ่นกระดาษกั้นเท่านั้น หากนางเผลอกลืนน้ำลายตอนที่เขาชี้ปลายกระบี่มายังลำคอของนาง ป่านี้ลำคอของนางคงโดนปลายกระบี่นั้นทิ่มเข้าให้แล้ว

นางใช้ฝ่ามือทาบลงบนหน้าอกตนเอง พร้อมก้าวเท้าถอยหลังให้ห่างจากปลายกระบี่เล็กน้อยก่อนจะระบายลมหายใจออกมา แล้วจึงพยายามเรียกสติของตนเอง

“ท่านอ๋องเพคะ ไยจึงหันปลายกระบี่มาที่หม่อมฉันเช่นนี้เพคะ แล้วคนของท่านอ๋องจับคนของหม่อมฉันทำไมกันเพคะ

เหล่าทหารที่วิ่งมาพร้อมคบเพลิงวิ่งมาหาผู้เป็นนาย แสงจากคบเพลิงทำให้จ้าวฉือลี่เห็นใบหน้าและวรกายของบุรุษเจ้าของกระบี่ได้ชัดเจนขึ้น

ใบหน้าของเขาคมเข้มดุดัน จมูกเป็นสันรับกับใบหน้า ดวงตาของเขาเรียวยาวคล้ายกับนัยน์ตาเหยี่ยวดูมีอำนาจน่าเกรงขาม ชวนให้คนมองใจสั่นด้วยความหวาดกลัว วรกายสูงไหล่กว้าง ดูจากเส้นเลือดหลังฝ่ามือก็คาดว่าเรือนร่างของเขาคงเต็มไปด้วยมัดกล้าม จ้าวฉือลี่ลอบกลืนน้ำลายเมื่อนึกถึงเรือนร่างภายใต้อาภรณ์ของเว่ยเหวินเซียน

แต่เมื่อสายตาของนางเหลือบไปเห็นสายตาคมกริบของเว่ยเหวินเซียนก็รีบหลบตาหนีทันที ‘บ้าไปแล้วหรือจ้าวฉือลี่ จะตายอยู่แล้วยังบ้าผู้ชายอยู่ได้’

ก็ไม่แปลกที่จ้าวฉือลี่นั้นจะจิตใจล่องลอยไปกับรูปลักษณ์ของเว่ยเหวินเซียน เพราะปกตินางนั้นก็เป็นพวกบ้าดาราจีนในซีรีส์อยู่แล้ว ยามนี้ได้มาเห็นความหล่อของเว่ยเหวินเซียนที่นักเขียนนั้นได้บรรยายไว้ว่าหล่อราวเทพแห่งสงครามลงมาจุติ นางนั้นก็อดที่จะเผลอหลงใหลไปกับรูปโฉมของเขาไม่ได้

เว่ยเหวินเซียนที่ยืนอ่านสีหน้าท่าทางของเผยตั้นเยี่ยนอยู่นั้นถึงกับสับสน เพราะท่าทางของนางนั้นถึงจะดูเหมือนหวาดกลัวเขาถึงสิบส่วนก็จริง แต่ดวงตาของนางกลับมองเขาด้วยสายตาที่หลงใหล เหมือนสตรีที่เห็นบุรุษที่ตนเองรักใคร่ มิได้มีสายตาที่หวาดกลัวเหมือนคนอื่น ๆ ที่กลัวว่าเขานั้นจะมาเอาชีวิตเพราะถูกเขาจับได้ว่าทำความผิด

“ตราพยัคฆ์ของข้าอยู่ที่ไหน หากเจ้ากล้าหลอกข้าคงรู้ใช่หรือไม่ว่าจะมีจุดจบเช่นใด” เว่ยเหวินเซียนถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยใบหน้านิ่งจนคนรอบกายไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขานั้นกำลังคิดเช่นใดอยู่

จ้าวฉือลี่มิได้ตอบทันท่วงที นางเพียงขมวดคิ้วทำทีว่าสงสัย เพราะจากประสบการณ์ดูซีรีส์อ่านนิยายมานั้น หากตอบทันควันอาจจะแสดงพิรุธให้อีกฝ่ายรู้

“เจ้าเงียบเช่นนี้ หมายความว่าเช่นไร” เว่ยเหวินเซียนเอ่ยด้วยท่าทีและน้ำเสียงเช่นเคย

จ้าวฉือลี่จึงรีบแสดงละครใส่เว่ยเหวินเซียนทันที “ตราพยัคฆ์ของท่านอ๋องหายไปอย่างนั้นหรือเพคะ แล้วไยท่านอ๋องจึงมาถามหากับหม่อมฉันเพคะ หรือท่านอ๋องคิดว่าหม่อมฉันขโมยไปอย่างนั้นหรือ” จ้าวฉือลี่พยายามตีหน้าใสซื่อปนน้อยใจที่ถูกใส่ร้าย

ใบหน้าของเว่ยเหวินเซียนแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา เพราะยามนี้เขาไม่รู้เลยว่านางนั้นพูดจริงหรือเสแสร้งกันแน่ เนื่องจากที่เขาเคยสอบสวนคนร้ายมานั้น มิมีใครที่จะโกหกต่อหน้าเขาได้โดยที่สายตาไม่มีความหวั่นกลัวเผยให้เขาเห็นเช่นนางเลย แต่จะให้เขาเชื่อว่านางพูดความจริง เขาก็ไม่อาจตัดสินใจเชื่อได้โดยไร้ข้อกังขาไปเสียทีเดียว

เพราะด้วยท่าทีของเผยตั้นเยี่ยนที่ราวกับเสียใจและน้อยใจที่เขาเข้าใจนางผิดไปนั้นทำให้เขาสับสน เนื่องจากปกติเผยตั้นเยี่ยนเป็นคนที่ค่อนข้างหยิ่งทะนงไม่ค่อยจะเผยความอ่อนแอให้ผู้ใดเห็น ถึงนางจะเป็นสตรีย่อมมีด้านนี้อยู่แล้ว แต่ทว่าที่ผ่านมาเขานั้นก็ยังมิเคยเห็นด้านเช่นนี้ของนาง จึงทำให้เขารู้สึกว่านางแปลกไปจากปกติ

“ในเมื่อเจ้าไม่ได้เอาไป คงไม่ถือสาถ้าหากข้าจะค้นตัวเจ้า” เว่ยเหวินเซียนเอ่ยพร้อมกับจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ก่อนจะก้าวเท้ายาวมาใกล้เผยตั้นเยี่ยน แล้วใช้มือจับที่เชือกผ้าคาดเอวของนางเอาไว้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel