บท
ตั้งค่า

CHAPTER 2 ต้องอยู่ข้างกันตลอดสิ (2/2)

ทว่าอยู่ๆ กลับมีกล่องข้าวยื่นมาตรงหน้าผมบังรูปชิรันจนมิด ผมจึงเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าเป็นผู้ชายตัวโตนามว่า พัฒน์…

“มึง… ยังไม่กลับเหรอ”

“ถ้ากลับก็ไม่เห็นแล้วสิ”

เขาตอบพลางดันกล่องข้าวมาตรงหน้าอีกครั้ง ผมก้มลงมองมัน ไม่รู้ทำไม อยู่ๆ ก็รู้สึกวูบวาบในช่องท้อง จากที่ไม่กล้าสบตาในตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นมองเขานิ่งไม่วางตาเลย

“ถ้าไม่รับ จะทิ้งล่ะนะ”

“ทิ้งทำไม เสียดายของ” ผมรีบรับข้าวกล่องมาจากมือของพัฒน์ มันเป็นแค่ข้าวผัดกะเพราหมูกรอบไข่ดาวธรรมดา แต่เวลานี้มันกลับดูพิเศษมากสำหรับผม ไม่แน่ใจว่ามันคือความรู้สึกอะไร ตื้นตันงั้นเหรอ

พัฒน์นั่งลงข้างๆ ผม

“เหนื่อยมั้ย แล้วพ่อแม่มึงล่ะ” ผมสตั๊นไปเกือบสิบวิเพราะคำถามนั้น ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยมีคนถามผมเนี่ยแหละว่าเหนื่อยมั้ย… อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนก้อนบางอย่างจุกขึ้นมาที่คอ

“เสียไปตั้งนานแล้ว” ผมตอบหลังจากเผลอเงียบครู่ก่อนจะตักข้าวเข้าปาก

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมหิวหรือเปล่า แต่กะเพราเจ้านี้อร่อยมาก มากจริงๆ จนน้ำตารื้นขึ้นมาตรงขอบตา ทว่าอยู่ๆ พัฒน์ก็ทำจมูกฟุดฟิดแถวตัวผม

“กลิ่นมึงแปลกๆ ว่ะ มึงเป็นโอเมก้าเหรอ”

“หือ” ผมเงยหน้าขึ้นมองพัฒน์ที่นั่งไขว่ห้างมองผมอย่างพินิจพิจารณา

“ไม่รู้ สถานะเพศรองยังไม่ขึ้น” ผมพูดด้วยน้ำเสียงชิลๆ พลางตักข้าวคำต่อไปเข้าปาก

“เหรอ”

“อาจเป็นกลิ่นเหงื่อก็ได้ กูเพิ่งถอดชุดมาสคอตมา”

ผมตอบตามสัญชาตญาณ ตักข้าวคำโตเข้าปาก อร่อยแถมยังให้เยอะ ซื้อที่ไหนวะเนี่ย

“คงงั้น" พัฒน์ไม่ได้ติดใจอะไร "กินเสร็จแล้วบอก เดี๋ยวกูไปส่ง”

“ใจดีจังนะ รู้สึกผิดล่ะสิ”

“คงงั้น” จู่ๆ ผมก็นึกถึงคำถามของนิวตันตอนฟื้นขึ้นมา

“ทำไมมึงถึงบ้าจี้แล้วซ้อมคนวะ แบบนี้ใครจะกล้าเข้าใกล้ หรือเพราะเป็นอัลฟ่า”

"ทำไมถึงรู้"

"มองจากดาวอังคารยังรู้เลย สภาพมึงกับกูต่างกับลิบลับ"

“แต่ก็ดี”

“ดีเหี้ยอะไรล่ะ กูเจ็บตัวเพราะมึงสองรอบแล้วเนี่ย”

“แต่มึงเป็นคนแรกเลยนะที่ไม่โกรธกู ถ้าเป็นคนอื่นซัดกูกลับแล้ว”

“กูโกรธ แต่กูกลัวมากกว่า”

“ฮ่าๆ” อยู่ดีๆ พัฒน์ก็หัวเราะออกมาเหมือนเห็นความเจ็บปวดของผมเป็นเรื่องตลก “มึงนี่ตลกดีนะ”

“ถ้าตัวเล็กกว่ากูสักนิด พ่อจะต่อยให้ฟันร่วงเลย”

ผมพูดติดตลกแม้จะเป็นแบบนั้นจริงก็ไม่กล้าทำหรอกเพราะผมผิดเองที่ไปแตะตัวเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต

“อยากตัวเล็กเองช่วยไม่ได้”

“กูน่ะตัวมาตรฐาน มึงต่างหากที่เป็นยักษ์ คนเหี้ยอะไรตัวก็ใหญ่หมัดก็หนัก นี่ฆ่ามากี่ศพล่ะ”

“อยากเป็นศพแรกป่ะล่ะ”

พัฒน์หันมามองด้วยสายตาคมกริบจนผมเผลอสะอึก สงสัยจะหิวน้ำจึงยกขวดน้ำขึ้นมาดื่มแก้เก้อ

“เสร็จแล้วใช่มั้ย งั้นกลับ”

สิ้นคำนั้นผมเดินตามพัฒน์ไปทันที แต่กลับต้องชะงักหยุดดูจอมอนิเตอร์ตรงผนัง ใกล้ทางออกไปลานจอดห้าง

“ยืนทำไร” เขาเดินมายืนข้างๆ ผมแล้วมองสิ่งนั้นเหมือนกัน

“จะไปแคสเหรอ” ใช่แล้ว มันคือโฆษณาประกาศหานักแสดงหน้าใหม่ไปร่วมซีรีส์วาย เส้นทางที่จะทำให้ผมเข้าใกล้ความฝันมากยิ่งขึ้น แม้จะลองมาหลายครั้งแล้วยังไม่สำเร็จ กระนั้นผมก็ยังต้องพยายามต่อไปเพื่อยกระดับชีวิตของตัวเอง

“อื้ม” ไม่รู้ว่าผมมองโฆษณานั้นด้วยแววตาแบบไหน แต่พอหันมองหน้าพัฒน์ก็เห็นว่าเขามองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก “ทำไมคิดว่ากูทำไม่ได้เหรอ”

“เปล่า แววตามึงดูเป็นประกายดีตอนมองโฆษณา”

“งั้นเหรอ” ไม่รู้ตัวเลยแฮะ

“งั้นก็ไปด้วยกันสิ” ผมเลิกคิ้วมองเขา

“ทำไมคิดว่ากูทำไม่ได้เหรอ” เขาใช้คำถามของผมย้อนกลับมาถาม ผมจึงคลี่ยิ้มบาง

“เปล่า กูแค่ดีใจที่จะมีเพื่อนไปด้วย”

ความรู้สึกอุ่นวาบในอกคงจะเป็นเพราะแบบนั้นแหละ เส้นทางที่เคยคิดว่าเดินอยู่คนเดียวคงจะไม่เหงาอีกแล้ว ถ้ามีคนคอยเดินอยู่ข้างๆ ไปแคสงานด้วยกัน

“แต่จะไม่มีปัญหาใช่มั้ย” ผมถามเมื่อนึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมา พัฒน์เลิกคิ้วมองเล็กน้อยก่อนจะคลายออกเหมือนเพิ่งเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร

“ไม่รู้สิ ถ้าไม่มีใครแตะตัวกูตอนเผลอก็ไม่มีปัญหาหรอก” ผมครุ่นคิดหาวิธีแก้ปัญหา ถ้าไม่อยากให้ใครแตะตัวเขาตอนเผลอก็ต้องทำให้เขารู้ตัวตลอดเวลาว่าจะมีคนเข้าใกล้

“งั้นเอางี้ ถ้ามีคนเข้าใกล้มึง กูจะเรียกชื่อมึงดีมั้ย”

เขามองหน้าผมนิ่งแววตาคู่นั้นลุ่มลึกเหมือนต้องการหาบางสิ่งในดวงตาของผม ก่อนจะคลี่ยิ้มมุมปาก

“ตามนั้น งั้นมึงก็ต้องอยู่ข้างกูตลอด”

“ได้สิ สบายมาก” ผมฉีกยิ้มกว้างพลางตบอกตัวเอง “ไว้ใจกูได้เลย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel