บท
ตั้งค่า

CHAPTER 1 ทำร้ายคนไม่เลือกหน้า (2/2)

บรรยากาศในเช้าวันเปิดเรียนเต็มไปด้วยความสดใสและวุ่นวาย ทำให้มหาวิทยาลัยที่เคยเงียบเหงามีชีวิตชีวาขึ้นมาด้วยคำทักทายของนักศึกษาที่ได้กลับมาพบเพื่อนๆ อีกครั้ง สิ่งนี้พลอยทำให้ผมรู้สึกดีไปด้วย แม้จะไม่มีเพื่อนสนิทเป็นตัวเป็นตนสักคน…

การเปิดเทอมในช่วงชั้นปีที่สองเริ่มต้นด้วยวิชาเรียนรวม ยิ่งทำให้บรรยากาศคึกคัก เสียงพูดคุยจอแจไปทั่ว ผมเดินมายังโต๊ะด้านหน้าที่ยังเหลือที่นั่งว่างเป็นแถว เพราะไม่มีกลุ่มเพื่อนให้ไปนั่งด้วย พลางหยิบชีทเรียนวิชาการตลาดขึ้นมาเตรียมไว้รออาจารย์ ทว่าจู่ๆ ผมก็ได้กลิ่นและสัมผัสถึงไออุ่นของคนที่นั่งลงข้างๆ จึงหันไปมองแล้วเบิกตากว้าง รีบยกชีทขึ้นมาปิดหน้าทันทีพร้อมกับยกมือขึ้นกุมท้องอัตโนมัติ

ไอ้เวรนี่มาอยู่ที่นี่ได้ไง!

แต่เดี๋ยวนะ ทำไมผมต้องหลบด้วยล่ะ ในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย เขาสิผิด เขาสิเป็นคนที่ต้องกลัว ไม่ใช่ผม!

ผมจึงลดชีทเรียนลงแล้วเหลือบมองคนข้างๆ แต่สายตาเราบังเอิญสบตากันพอดี…

อึก!

ผมสะดุ้งเฮือก รีบหันหน้าหนีกลับมายกน้ำขึ้นดื่ม สัมผัสได้ถึงร่างกายที่กำลังสั่นเทา ขนลุกขึ้นเป็นตอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลิ่นหอมจากตัวเขาหรือว่าคิดถึงตอนหมัดนั่นอัดเข้าที่ท้องกันแน่ ถึงได้ตัวสั่นจนยากจะบรรยายความรู้สึก สายตาที่เขามองมาเมื่อครู่มันทั้งเยือกเย็นและแข็งกร้าวจนขนผมชูชัน บ้าเอ๊ย! ผมตั้งใจจะลุกไปนั่งที่อื่น แต่อาจารย์เดินเข้ามาพอดี ผมจึงต้องจำใจทนนั่งที่นี่ต่อไปอย่างช่วยไม่ได้

ผมพยายามดึงสติให้โฟกัสในสิ่งที่อาจารย์สอน แม้จะแอบหวั่นใจอยู่ไม่ใช่น้อย แต่เขาก็นั่งนิ่งๆ ฟังอาจารย์ ทำให้ผมคลายความกังวลลงได้

ผมมองซ้ายขวาเพื่อหากลุ่มทำรายงานก่อนที่สายตาจะสบเข้ากับผู้ชายที่นั่งถัดออกไปสองโต๊ะ เขาฉีกยิ้มกว้าง

“มึงอยู่กับพวกกูเปล่า” เขาพูดจาเป็นกันเองในครั้งแรกก่อนที่อีกสองคนข้างๆ จะหันมามองผมซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือไอ้เวรนั่น ผมรู้ได้ในทันทีว่าพวกเขาคือสมาชิกในกลุ่มเดียวกัน และน่าจะมีเพศรองที่ใกล้เคียงกัน อย่างไอ้เวรนั่นที่ดูจากหน้าตาหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา หุ่นกำยำใหญ่โตอย่างกับยักษ์และเสื้อผ้าที่เนียบ นาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือนั่นอีก อัลฟ่าชัวร์! ออร่าคนรวยมันเด่นชัดจนแสบตา ส่วนอีกสองคนข้างๆ เขา ก็หน้าตาดีแต่ออร่าไม่เปร่งประกายเท่า

“เอ่อ…คือ” ด้วยความที่ไม่อยากจะสุงสิงกับไอ้เวรนั่น ผมจึงเกิดลังเล แต่จะให้ไปหากลุ่มอื่นอยู่ ก็ไม่รู้จะไปอยู่กับใคร เพราะทุกคนต่างมีกลุ่มเพื่อนกันหมดแล้ว ผมจึงจำใจต้องพยักหน้าตอบรับ

“โอเค ครบคนล่ะ กูชื่อนิวตันนะ ส่วนนี่พี่ชายกูอะตอมและไอ้นี่ พัฒน์” นิวตันกับอะตอมไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นพี่น้องท้องเดียวกันเพราะหน้าเหมือนกันเด๊ะ ส่วนอีกคนที่เหลือคือไอ้เวรนั่นที่ชื่อพัฒน์ เขาชักสีหน้าเหลือบมองนิวตันเล็กน้อย

“กูบอกแล้วเหรอว่าจะอยู่กลุ่มมึง”

“นอกจากพวกกูแล้ว ใครจะให้มึงร่วมกลุ่ม เดี๋ยวก็เที่ยวต่อยเขาไปทั่ว” เมื่อสิ้นคำนิวตันไอ้เวรนั่นก็ทำหน้าเบื่อโลกเถียงไม่ออก แต่กลับทำให้ผมสนใจขึ้นมา นี่เขาชอบต่อยตีคนไปทั่วโดยไร้เหตุผลงั้นเหรอ สมแล้วที่เป็นอัลฟ่า น่าเกรงขามไร้ความปรานี

“เออ อยู่กับพวกกูเนี่ยแหละ ดีแล้ว” อะตอมพูดขึ้นบ้างก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองผม “แล้วมึงชื่อไร”

“กูชื่อภีม ยินดีที่ได้รู้จัก”

“ยินดีๆ ไหนๆ ก็เป็นทีมเดียวกันล่ะ มีข้อห้ามอย่างหนึ่งที่กูต้องบอกมึง”

“อะไรวะ” ผมเลิกคิ้วฉงน

“อย่าเผลอไปแตะตัวไอ้พัฒน์ตอนมันเผลอนะ ไม่งั้นจะโดนมันต่อยเอา มันเป็นพวกบ้าจี้น่ะ ฮ่าๆ ก็เลยไม่มีใครคบ” นิวตันเล่าเสียงเจือหัวเราะ

ผมเผลอมองหน้าพัฒน์ หมอนั่นก็หันมามองตอบจนผมเผลอสะดุ้ง รีบหลบตาทันที

“นี่อย่าบอกนะว่าโดนแล้วน่ะ” นิวตันว่า ช่างสังเกตจริงๆ

“จะเริ่มคิดคอนเซปต์ได้ยัง กูจะรีบกลับบ้าน”

น้ำเสียงพัฒน์ดูหัวเสียเอามากๆ พวกเราจึงระดมความคิดกัน อาจารย์ให้จับกลุ่มทำคลิปโฆษณาสินค้ามาหนึ่งชิ้น ส่งคอนเซปต์ก่อนวันนี้ ถ้าผ่านค่อยทำขั้นตอนต่อไป

“เอามาม่ามั้ย ง่ายดี ใครๆ ก็กิน”

“ไหนว่ามาสิไอ้นิว ไอเดียมึงอ่ะ” อะตอมพูด

“อืม… กูอยากตีแผ่ชีวิตคนผ่านมาม่าว่ะ แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงให้น่าสนใจ”

“ตีแผ่ชีวิตคนผ่านมาม่า กูว่าก็ดีนะ มึงว่าไงพัฒน์”

“ใช้ได้ มันเป็นของที่หาได้ทั่วไป และไม่ว่าชนชั้นไหนก็มักจะรู้จักและเคยกิน ซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์อย่างหนึ่ง”

“คือว่า…” ผมยกมือขึ้นเพื่อจะเสนอไอเดีย ทุกคนจึงหันหน้ามามองผมเพื่อรับฟังความคิดเห็น “กินมาม่าเพราะอยากประหยัดเงินเก็บไว้ทำสิ่งที่รัก… อย่างการติ่งเป็นไง พอได้มั้ย”

ทุกคนนิ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดก่อนที่นิวตันจะฉีกยิ้มกว้าง

“กูซื้อไอเดียนี้! คอนเซปต์ ฉันอดไม่เป็นไรแต่ศิลปินต้องอิ่ม ฮ่าๆ เข้ากับยุคนี้ดีว่ะ กูอย่างชอบ” นิวตันพูดเจือหัวเราะ

“อืม น่าสนใจดีนะ” อะตอมพูดยิ้มๆ “ความคิดดีนะเนี่ย”

เอาชีวิตตัวเองมาพูดน่ะ ไม่ได้ดีอะไรหรอก

ผมเหลือบมองพัฒน์ที่ยังทำหน้าครุ่นคิด

“งั้นเอาไอเดียนี่แหละ ไอ้นิวมึงเขียนคอนเซปต์ส่งอาจารย์ด้วย”

“โอเค”

หลังจากเราร่วมระดมไอเดียเขียนคอนเซปต์ส่งและอาจารย์ให้ผ่าน นิวตันก็ขอไลน์ผมเพื่อตั้งกลุ่มนัดแนะเรื่องถ่ายโฆษณาอีกที ทว่าตอนที่เรากำลังจะออกจากห้องเรียน มีคนวิ่งตรงทางเดิน ผมด้วยความหวังดีจึงเผลอดึงแขนพัฒน์ให้หลบ แต่ทว่า…

อั่ก!

โดนศอกสั้นเข้าให้เต็มหน้าเลย

“เฮ้ย ไอ้ภีม เป็นไรป่าววะ!”

นิวตันรีบวิ่งเข้ามาดูผมที่เซล้มลงกับพื้น สมองวิ้งไปหมด

“กูก็บอกอยู่ว่าอย่าไปแตะตัวมัน!”

ไอ้เหี้ยเอ๊ย แล้วแบบนี้จะอยู่ด้วยกันได้ไงวะ สัตว์!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel