บทที่ 3
“เมื่อไหร่เธอจะเลิกปอดแหกสักที เป็นแฟนกับฉันไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรสักหน่อย” ความอายน่ะไม่มีอยู่ในความคิดฉันอยู่แล้ว แต่ความกลัวว่าวันข้างหน้าจะไม่มีเงาหัวนี่สิเรื่องใหญ่!
“นายอย่าลืมสิว่านายเป็นใคร หนุ่มป๊อปอันดับหนึ่งของมหาลัยฯ เชียวนะ ส่วนฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาที่ในชีวิตนี้จะอยู่ไม่ได้ถ้าขาดความสงบสุข”
“คิดว่าฉันปกป้องเธอไม่ได้รึไง!” มันเริ่มแล้วสินะ...การทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจากกันเข้าชั้นเรียนที่มีมาเป็นประจำของพวกเรา
“ฉันรู้ว่านายปกป้องฉันได้ แต่ก็ไม่เสมอไป”
“.....”
“พักเที่ยงเจอกันที่ดาดฟ้านะ วันนี้ฉันทำข้าวกลางวันมาเผื่อด้วย ต้องไปให้ได้ล่ะ แล้วฉันจะรอนะ” ฉันไม่รอฟังคำตอบ รีบเปิดประตูลงจากรถ ส่วนยูไดก็ตีสีหน้าไร้อารมณ์ตามแบบฉบับที่ฉันเห็นเป็นประจำทุกครั้งที่เขาถูกขัดใจ แต่ก็ยอมขับรถตามฉันมาติดๆระวังไม่ให้ผิดสังเกตจากสายตาสอดรู้ของผู้คนรอบด้าน
จริงอย่างที่นายพูดทุกอย่างนั่นแหละยูได ฉันรู้ดีแก่ใจว่าสำหรับนายแล้ว การจะปกป้องใครสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากแต่ว่าฉันกลัว...กลัวว่าถ้าวันหนึ่งฉันเกิดกำลังตกอยู่ในอันตรายที่ร้ายแรงแล้ววาโยเกิดมีความรู้สึกต้องการใครสักคนขึ้นมาพร้อมกันล่ะ นายจะทำยังไง คงจะมองเข้ามาลึกในดวงตาของฉัน...แล้วบอกกับฉันว่าให้รอไปก่อนเหมือนอย่างที่เคยเป็นสินะ!
แล้วแบบนี้นายจะยังให้ฉันเชื่อมั่นในอะไรอีก ความหวังว่านายจะเลือกฉันก่อนมันมีไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำไป ความรู้สึกที่อยากจะถูกใครสักคนปกป้อง...ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกไม่ต้องการมันหรอกนะยูได!
การเรียนในช่วงเช้าผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ชีวิตฉันยังคงสงบสุขเหมือนเคย ลืมบอกไปอย่างหนึ่งว่านอกจากฉันที่รู้ตัวเองดีว่าเป็นแฟนของยูได ยังมีวิเวียนเพื่อนตายอีกคนที่รู้เรื่องนี้
“ไปดาดฟ้าอีกแล้วสินะ ยังไงฉันก็ไม่เห็นด้วยเลยที่แกคบกับหมอนั่น”
“แล้วเจอกันนะ” ฉันโบกมืออำลาเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าเสียใจอย่างที่สุดที่ต้องปล่อยให้เธอกินข้าวกลางวันคนเดียว แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้มันไม่สามารถมาบั่นทอนความเป็นเพื่อนของเราได้หรอกนะจะบอกให้ ฉันได้แต่กอดห่อผ้าสีสวยที่ข้างในมีอาหารกลางวันทำเองเอาไว้อย่างเป็นสุขพร้อมกับรีบเร่งเดินขึ้นดาดฟ้าไปอย่างอารมณ์ดี ป่านนี้จะมารึยังนะ...
“คบกันเถอะนะยู วาไม่อยากเสียยูให้กับผู้หญิงคนนั้น วาเพิ่งรู้ว่าชอบยูก็ตอนที่ยูบอกว่าเธอเป็นแฟน...แต่นั่นน่ะโกหกทั้งเพสินะ คนที่เพิ่งจะเคยเจอหน้ากันแท้ๆ จะมารักกันได้ยังไงล่ะจริงไหม” ฉันที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงหยุดชะงักทันทีที่ได้เสียงหวานใสของใครบางคนดังเล็ดลอดออกมาจากดาดฟ้าที่ตอนนี้มีร่างสูงของยูไดยืนอยู่ เป็นผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วสินะ...วาโย!
“ทำไมถึงเพิ่งมาบอกเอาป่านนี้ล่ะวา วาไม่ได้รักไอ้ไรเฟิลแล้วเหรอ” คำถามเสียดแทงใจดำทำให้ฉันเริ่มอยากรู้เรื่องราวต่างๆ มากขึ้นเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว คำพูดที่ออกมาจากปากผู้หญิงที่ชื่อวาโย...เป็นคำลวงทั้งหมดจริงๆ
“รักสิ! วาอาจจะเห็นแก่ตัว วายอมรับนะว่าวารักไรเฟิล แต่ว่าตอนนี้มันไม่จำเป็นที่เราต้องไปรักคนที่ไม่มีวันมารักเราตอบนี่จริงไหม ในเมื่อยูเองก็รักวา แล้วทำไมเราจะเป็นแฟนกันไม่ได้ล่ะ”
“วา...”
“หรือเพราะยูกลัว ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเจ็บปวด ถ้าแค่ความรู้สึกนั้นอย่างเดียวมันไม่ได้เรียกว่ารักหรอกนะ” คำพูดนั้นของวาโยทำให้ฉันเผลอกำกล่องข้าวเอาไว้แน่น อย่างพยายามข่มอารมณ์เธอต้องการอะไรอย่างนั้นเหรอวาโย...ถึงได้พูดแบบนั้น
“เธอพูดไม่ผิดหรอก...ยูรักวามาโดยตลอด แม้จะรู้ดีว่าหัวใจของวามันเรียกร้องหาใคร รักมากจนแทบทนไม่ไหว รู้สึกเหมือนจะขาดใจเมื่อเห็นวาต้องร้องไห้เพราะคนอย่างมันซ้ำไปซ้ำมา“ คำพูดที่เป็นดั่งความจริงที่ทำให้ฉันถึงกับหมดเรี่ยวแรงไปซะดื้อๆ ของยูไดดังก้องอยู่ในหัว ความจริงเป็นแบบนี้เองสินะ ท้ายที่สุดแล้ว...หัวใจของนายก็ยังเป็นของเธอคนนั้นมาโดยตลอด
ความรู้สึกของนายที่ว่าเหมือนจะขาดใจเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักไปรักกับคนอื่นนั้นเป็นยังไง ฉันว่าฉันพอจะเข้าใจนะยูได
เพราะความรู้สึกฉันในตอนนี้นั้น...มันก็ไม่ได้แตกต่างจากนายเลยสักนิด! เผลอๆ อาจจะเจ็บมากกว่านายเสียด้วยซ้ำไป!!
