ตอนที่ 3 ก่อกวน
ตอนที่ 3
ก่อกวน
นักแสดงหนุ่มเจ้าของฉายาเทพบุตรแห่งเอเชียสีหน้าบึ้งตึงเมื่อรู้ว่าหมอนทองไม่ยอมพบ ด้วยเหตุผลไม่ว่างมีนัดสัมภาษณ์ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะซ่อนความร้ายกาจไว้มากมายขนาดนี้
“ร้ายกาจที่สุด” ปราชญ์พูดเสียงขุ่น
“หนูหมอนคงไม่ว่างจริงๆ ครับ” ภมรแก้ต่างให้แต่ก็ไม่เต็มเสียงนัก ไม่กล้าบอกทั้งหมด เพราะรู้ดีว่ามันจะยิ่งสร้างโทสะให้กับเจ้านาย
“อย่าเข้าข้างยายตัวแสบหน่อยเลย คุณรู้ใช่ไหมว่าแม่ทุเรียนหนามแหลมนั่นอยู่ที่ไหน” สายตานักแสดงหนุ่มพุ่งมาที่ผู้ช่วยทันที
“ไม่แน่ใจครับ”
“แล้วคุณติดต่อแม่คนนั้นด้วยวิธีไหน”
“หนูหมอนให้เบอร์ไว้ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นเอาเบอร์โทรมาให้ผม ผมจะคุยเอง” ปราชญ์เสียงดังด้วยความหงุดหงิด ภมรมองสบตาเจ้านายเล็กน้อยก่อนจะจดเบอร์โทรศัพท์ของหมอนทองให้ในที่สุด
หมอนทองยิ้มเมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฏอยู่หน้าจอมือถือ เบอร์นี้เป็นเบอร์ที่ภมรให้ไว้ และเธอเองก็รอเจ้าของเบอร์โทรมานานแล้ว หญิงสาวทอดเวลานั่งฟังเสียงเพลงสักพักแล้วจึงกดรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะ”
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ปลายสายเอ่ยเสียงดังฟังชัด
“ใครจะคุยกับใครคะ” หมอนทองย้อนถาม
“หมอนทอง ผมรู้ว่าคุณอยากจะเอาชนะ แต่ว่าทำแบบนี้มันไม่น่ารักเลยนะ”
“เหรอคะ” หมอนทองตอบกลับด้วยเสียงกวนๆ
“ผมไม่สามารถทนให้คุณกวนประสาทได้นานนะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ปราชญ์ย้ำอีกครั้ง
“เรื่องอะไรคะ เรื่องแต่งงานหรือเปล่า” หญิงสาวแกล้งถาม
“ไม่ใช่ เราจะคุยเรื่องที่คุณสร้างไว้ จะเจอได้ที่ไหน”
“แหม พูดจาไม่เพราะเลย ฉันอยากคุยกับคุณเหมือนที่คู่หมั้นคุยกัน เรียกที่รักจ๊ะ อะไรแบบนี้” หมอนทองยั่วโมโหต่อ
“หมอนทอง ขอร้องอย่ากวน” ปราชญ์พยายามระงับความโกรธที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ถ้าอยู่ใกล้กันเขาจะจับแม่ตัวแสบมาเขย่าแรงๆ สักที
“อยากคุยกับฉันใช่ไหมคะ” หมอนทองย้อนถามเสียงหวาน
“ใช่”
“หาฉันให้เจอสิคะ ตอนฉันอยากเจอ ฉันยังไปหาเลย ตอนนี้คุณอยากเจอฉัน คุณก็ต้องมาหาฉัน” หญิงสาวยิ้มเยาะในที เดาไม่ยากเลยว่าตอนนี้พ่อเจ้าประคุณกำลังสะกดอารมณ์มากแค่ไหน
“ผมไม่รู้ว่าคุณพักที่ไหน” ปราชญ์พยายามใจเย็น
“แหม เป็นคู่หมั้นกันจะไม่รู้ได้อย่างไรคะ หรือถ้าไม่รู้จริงๆ ก็พยายามสิคะ ถ้าอยากเจอกันก็ต้องพยายามค่ะ แค่นี้นะคะ ฉันมีนัด” หญิงสาวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงยียวนกดตัดสายไปเสียดื้อๆ ส่วนคนที่ปลายสายนั้นได้แต่เม้มปากด้วยความขัดใจ
“ยายตัวแสบ”
ปราชญ์เดินวนไปวนมาหลายรอบด้วยความหงุดหงิด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหมอนทองจะร้ายและกวนประสาทได้มากขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะเล่นงานด้วยข่าวฉาว
นี่มันไม่ใช่แค่การเอาคืนเพียงอย่างเดียว แต่มันยังเป็นการบีบให้เขาต้องแต่งงานกับเธอด้วย
“แม่นั่นจงใจยั่วโมโหผม” ปราชญ์พูดด้วยความหงุดหงิด ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อคิดหาทางออกกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้
“หนูหมอนอาจจะติดธุระจริงๆ ก็ได้นะครับ” ภมรพยายามพูดให้ใจเย็น
“จะมีธุระอะไรนักหนาแค่งานในสวนทุเรียนกี่ไร่ ถ้าติดงานจริงจะมีเวลามายั่วโมโหได้แบบนี้เหรอ” นักแสดงหนุ่มย้อนทันที
“หนูหมอนไม่ได้ดูแลแค่สวนทุเรียนนะครับมีอย่างอื่นทำด้วย มีศูนย์ขายของฝากแถวทองหล่อ มีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียนแล้วก็พวกของที่ทำจากชาวบ้านมาขาย มีร้านกาแฟอยู่ในนั้นด้วย” ภมรค่อยๆ เล่ากิจการของหมอนทองให้ฟังอย่างละเอียด
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” คนฟังแทบไม่อยากเชื่อ
“ครับ คุณนายก้านยาวเป็นคนเก่ง แถมหนูหมอนก็ได้ความเก่งจากคุณนายมาเต็มๆ” น้ำเสียงผู้จัดการส่วนตัวชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด
“เก่งหรือว่าอาศัยบารมีเก่าของยายตัวเองกันแน่ คุณไม่ควรเข้าข้างมากจนเกินไป ยายหมอนทองคงไม่เก่งอะไรมากหรอก ผู้ใหญ่คงวางแนวทางไว้ก็แค่เดินตามทางเดิมเท่านั้น” ปราชญ์สบประมาทอย่างเห็นได้ชัดพร้อมเอ่ยต่อว่า
“ถ้ามีร้านที่ว่าจริงหาพิกัดให้ผมที บางทีอาจจะหลบอยู่ที่นั่นก็เป็นได้ ผมต้องการคุยกับเธอให้เร็วที่สุด และมีอีกเรื่องช่วยสืบเรื่องราวของแม่ทุเรียนหนามคมคนนี้ด้วย ผมต้องการรู้ว่าเรียนจบอะไร ไปศัลยกรรมที่ไหนมาบ้าง”
“คุณปราชญ์เอาจริงหรือครับ” ภมรย้อนถามด้วยความตกใจ
“ใช่ ผมมั่นใจว่าแม่หนามทุเรียนนั้นไม่มีทางคู่ควรกับผม สิ่งที่ผมให้คุณสืบก็เพื่อมายืนยันว่าเป็นเรื่องจริง”
“ได้ครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด แล้วพรุ่งนี้มีถ่ายแบบให้หนังสือนะครับ” ภมรรับคำพร้อมลำดับคิวงานให้รู้
“ผมทราบแล้ว ขอบคุณมาก” ชายหนุ่มพยักหน้า
“ผมต้องการรู้เรื่องให้เร็วที่สุดนะ คุณภมร ผมไม่อยากตกเป็นข่าวกับผู้หญิงสวยแต่บ้าคนนั้นเกินวันสองวันแล้ว” ปราชญ์ย้ำเสียงดังฟังชัด ภมรได้แต่พยักหน้ารับ เห็นทีศึกครั้งนี้จะไม่จบลงง่ายๆ
หมอนทองเดินสายให้ข่าวอย่างต่อเนื่อง แถมใช้สื่อโซเชียลลงภาพความสนิทสนมระหว่างผู้ใหญ่ของปราชญ์และเธอเพื่อเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ นอกจากนั้นยังขอร้องภมรไม่ให้บอกเรื่องที่อยู่ของตัวเองอีก
“หนูหมอน ลุงว่าหนูกับคุณปราชญ์น่าจะคุยกันอีกครั้งนะ” ภมรพยายามกล่อม
“ไม่ค่ะ หนูยังไม่อยากคุยกับเขาตอนนี้” เจ้าของตำแหน่งนางงามทุเรียนส่ายหน้า
“หนูจะเอาอย่างนั้นจริงเหรอ” ภมรอ่อนใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ค่ะ หนูจะไม่พบและต่อให้เขาพยายามตามหา หนูก็จะไม่เจอค่ะ เขาจะได้เจอก็ต่อเมื่อหนูต้องการเท่านั้น” หมอนทองเชิดหน้าขึ้นอย่างมาดมั่น ให้รู้เสียบ้างว่าอย่ามาดูถูกกันง่ายๆ
“เขาทำกับหนูอย่างร้ายกาจค่ะ หนูยอมไม่ได้” หมอนทองเสียงกร้าว
“หนูหมอน” ภมรถอนหายใจดังๆ ด้วยความเหนื่อย
“แม่นั่นคิดว่าตัวเองเป็นใคร ผมอุตส่าห์ลดตัวเข้าไปคุยด้วยแล้วนะ ยังจะเล่นตัวอีกเหรอ” นักแสดงหนุ่มหัวเสียเมื่อฟังผู้จัดการรายงานจบ
“หนูหมอนคงกำลังโกรธ ความจริงผมว่าหนูหมอนเหมาะกับคุณดีนะครับ หน้าตา การศึกษา ความรู้ ฐานะ” ภมรพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบทั้งสองฝ่าย
“ไม่ว่าจะมีคุณสมบัติครบยังไง แต่ผมไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ผมหมั้นเพราะย่าขอร้อง ไม่ได้มีความรักเข้ามาเกี่ยว และยิ่งมาเจอนิสัยแบบนี้ผมยิ่งไม่ชอบ” ปราชญ์ยืนยันคำเดิม
“ถ้าคุณปฏิเสธให้สุภาพกว่านั้น บางทีอาจจะไม่เกิดเรื่อง”
“ถ้าแม่คนนั้นไม่ดึงดันจะเอาชนะต่างหากถึงจะไม่เกิดเรื่อง” ปราชญ์เมินหน้าด้วยท่าทางทะนง คนกลางอย่างภมรได้แต่ถอนหายใจ จะเป็นแบบนี้อีกนานไหม
2 อาทิตย์ต่อมา
หมอนทองยิ้มเมื่อเพื่อนรักบอกว่าพรุ่งนี้คู่หมั้นของเธอมีงานถ่ายแบบที่สตูดิโอแห่งหนึ่ง เป็นการถ่ายแบบคู่กับนางเอกสาวที่ตกเป็นข่าวด้วยกันเสียด้วย
“ถ่ายแบบกับคู่จิ้นสินะ”
“ใช่ ตอนนี้กระแสคู่นี้ดังมากเลยนะ เมื่อก่อนมีข่าวกับนางเอกหลายคน แต่สักพักก็จบเพราะเป็นเพื่อนร่วมงานกัน แต่กับคนนี้เป็นข่าวด้วยนานที่สุด ที่จริงฝ่ายหญิงก็ขยันสร้างข่าวด้วย โดยเฉพาะผู้จัดการส่วนตัวอีกคน ร้ายแบบแพ็กคู่เลยแหละ”
“พรุ่งนี้ฉันควรไปแสดงตัวว่าเป็นคู่หมั้นของเขาดีไหม” หมอนทองคิดแผนออก
“ไหนแกว่าจะให้เขาตามหาไง แล้วทำไมจะไปหาเสียล่ะ” แอนนาย้อนถามด้วยความแปลกใจ
“ก็อยากไปแสดงตัวและก่อกวนการทำงานเท่านั้น” สีหน้าหมอนทองมีบางสิ่งแอบแฝง ซึ่งแอนนาไม่คิดจะห้ามเพราะรู้ว่าเพื่อนรักมีแผนการในใจแน่
“สู้ๆ นะเพื่อนรัก พรุ่งนี้ฉันมีงาน เสร็จเมื่อไหร่จะรีบตามไปหาแกที่สตูดิโอนั่นทันที” นักข่าวสาวให้กำลังใจ
“ไม่ต้องหรอก งานนี้ฉันไปเองได้” หมอนทองไม่อยากรบกวนเพื่อน
“แกคนเดียวจะไปสู้รบปรบมือกับคนพวกนั้นไหวเหรอ”
“แอนนา แกลืมอะไรไปหรือเปล่า นี่หมอนทองนะ คนแถวบ้านเราเรียกฉันว่าอะไร อย่าลืม”
“เรียกว่าเจ้าแม่หมอนทองคะนองฤทธิ์” แอนนารู้จักคุณสมบัตินี้ดี
“ดังนั้นเจ้าแม่ก็คือเจ้าแม่อย่าลืม” หมอนทองไม่หวั่นเลยสักนิด
“เอาเถอะ เสร็จงานแล้วจะรีบตามแกไป ว่าแต่แกเอาอะไรมาลงที่ร้านอีก” แอนนาถามเมื่อเห็นเด็กในร้านกำลังจัดของ
“วันนี้มีทุเรียนทอด แครกเกอร์หน้าทุเรียน แล้วก็สินค้าจากชาวบ้าน”
“แกเปิดร้านมานานแล้ว เงินทองก็อยู่ตัวไม่คิดจะขยายร้านเหรอ”
“ฉันชอบร้านเล็กๆ บริหารจัดการได้ง่าย แต่ถ้าจะพูดกันจริงๆ มันไม่เล็กหรอกนะ ในร้านฉันมีร้านกาแฟกับร้านเค้กด้วย”
“เค้กทุเรียนกับไอศกรีมมังคุดร้านแกขึ้นชื่อที่สุดเลย รู้ไหม” แอนนาพูดจากใจจริง
“ต้องขอบคุณพี่สะใภ้ฉันไง คิดค้นสูตรเสียจนเป็นที่ติดอกติดใจ” หมอนทองนึกถึงพี่สะใภ้แสนดีของตน
รดาเป็นภรรยาของสินธุหรือพี่ใหญ่ ซึ่งเป็นเป็นลูกชายของสันติพี่ชายของมารดา ตอนนี้ทั้งลุงและพี่ใหญ่มีธุรกิจส่งออกทุเรียนแปรรูปและส่งออกสินค้าทางการเกษตรรายใหญ่
การสูญเสียบิดามารดาไป ไม่ได้ทำให้หมอนทองขาดความอบอุ่นแต่อย่างใด เพราะได้รับความรักจากยายเต็มที่ นอกจากนั้นลุงและป้าสะใภ้รวมทั้งลูกชายของทั้งคู่เป็นคนที่ดีมาก ทุกคนให้ความรักและสนับสนุนในทุกด้าน และช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดให้ด้วยความเต็มใจ
“พูดแล้วก็อยากกินขึ้นมาทันที เอาเค้กมาบริการเพื่อนสิคะ คุณนายหมอนทอง” แอนนาเอ่ยเสียงหวาน
“เอาที่ฉันทำไหมล่ะ” หมอนทองแกล้งถาม
“พอเถอะ แกอาจจะบริหารเก่งแต่แกทำอาหารทุกอย่างไม่ได้เรื่อง ดังนั้นฉันขอเตือน อย่าคิดทำอะไรให้ใครกินเด็ดขาด เพราะอาจจะตายด้วยอาหารเป็นพิษได้” แอนนาหัวเราะชอบใจที่ได้จี้ใจดำเพื่อน
“ดูถูกมาก” หมอนทองบ่นเบาๆ ก่อนที่จะหันไปสั่งเด็กในร้านให้นำเค้กทุเรียนมา
การถ่ายแบบของปราชญ์และพิชญาเป็นไปด้วยดีตามสไตล์มืออาชีพ เมื่อจบชุดแรกเลยได้พัก แต่พักได้ไม่เท่าไหร่เสียงฮือฮาของบรรดาทีมงานก็ดังขึ้น เจ้าของดวงตาคมเข้มขึ้นเมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินตรงมาหา
หมอนทองในชุดเรียบหรูโทนสีครีมดำทรงตรงเข้ารูปกำลังส่งยิ้มให้ วันนี้เธอรวบผมยาวไว้ด้านหลังแบบเรียบร้อย เผยให้เห็นรูปหน้าที่สวยงามราวกับนางบุษบา เรียกความสนใจจากสายตาของทุกคนได้อย่างง่ายดาย
“สวัสดีค่ะ คู่หมั้น” หมอนทองทักทายก่อนเมื่อเห็นว่าคนตัวใหญ่ยังคงนิ่ง หญิงสาวถือโอกาสนั้นใช้แก้มของตัวเองชนกับแก้มเขาเป็นการทักทายอย่างสนิทสนม
“มาทำอะไรที่นี่” ปราชญ์กระซิบถามแม่ตัวแสบเบาๆ
“แหม ก็คุณอยากเจอ ฉันก็เลยมาหาถึงที่ไงคะ” หมอนทองยิ้มยั่ว
“รู้ได้อย่างไรว่าผมมีงานที่นี่”
“อย่าดูถูกคนอย่างฉัน” เธอกระซิบตอบพร้อมรอยยิ้มยียวน
ภาพความใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งสองคน ทำให้นางเอกสาวอย่างพิชญามองด้วยความไม่พอใจ แต่สักพักก็สามารถปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มและเดินตรงเข้ามาหา
“สวัสดีค่ะ”
เสียงทักทายของนางเอกสาวทำให้คนสองคนที่กำลังคุยกันหันมามองผู้ที่เข้ามาใหม่ ปราชญ์ยังมีท่าทางที่ปกติ ส่วนหมอนทองมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า
“สวัสดีค่ะ” หมอนทองทักทายก่อน
“คุณใช่ไหมคะ ที่เป็นคนให้ข่าวเรื่องการหมั้นกับคุณปราชญ์” พิชญาถามเสียงแข็ง
“ใช่ค่ะ” หมอนทองยอมรับหน้าชื่นตาบาน
“เป็นข่าวที่น่าตกใจมากเลยนะคะ แต่ถ้าคุณเงียบกว่านี้จะดีกว่า มันน่าจะดีกับงานด้วย” ดาราสาวแนะนำ
หมอนทองยิ้มสอดแขนเข้าไปคล้องแขนของคู่หมั้นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งปราชญ์เองก็ไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใด
“มันคงจะเงียบไม่ได้หรอกค่ะ ก็คู่หมั้นของดิฉันออกจะเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดัง ข่าวมันก็ต้องดังตามชื่อเสียงของเขา และข่าวการหมั้นหมายของเราก็ไม่เห็นว่าจะเสียหายตรงไหนเลย เป็นเรื่องที่น่ายินดีด้วยซ้ำ แต่อย่างว่า ข่าวแบบนี้ก็คงทำให้มีคนไม่พอใจบ้าง เช่นพวกอยากจะได้คู่หมั้นของฉันไปควงคงไม่พอใจและคงรู้สึกแย่ที่ตัวเองหมดสิทธิ์”
คำตอบนั้นทำเอาคนฟังยืนอึ้ง ปราชญ์ฟังแล้วรู้สึกหมั่นไส้ในความมั่นใจของคนพูดนักจนนึกอยากจะแกล้ง เขาเปลี่ยนเป็นโอบเอวได้รูปแน่นแสดงความหวานชื่น หมอนทองตกใจเล็กน้อยไม่คิดว่าพ่อเจ้าประคุณจะมาไม้นี้
“ไหนๆ ก็มาแล้ว นี่ก็พักเที่ยงพอดี ผมว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่าไหมจ๊ะ” ปราชญ์เอ่ยเสียงหวาน หมอนทองรู้สึกระวังตัวขึ้นมาทันทีแต่ก็ไม่ปฏิเสธ
“ขอตัวนะคะ คุณ...”
“พิชชี่ พิชญาค่ะ” นางเอกสาวแนะนำตนเองด้วยท่าทางผยอง
“ต้องขอโทษนะคะ คือฉันไม่ค่อยได้สนใจวงการบันเทิงไทยเท่าไหร่ เลยทำให้รู้จักดาราไทยน้อยมาก ตอนนี้ขอเวลาเราเป็นส่วนตัวหน่อยนะคะ” หมอนทองทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วเดินออกไปกับปราชญ์พร้อมรอยยิ้ม
