ตอนที่ 2 เริ่มปฏิบัติการก่อกวน
ตอนที่ 2
เริ่มปฏิบัติการก่อกวน
หน้าหญิงสาวที่เพิ่งปะทะคารมด้วยเมื่อช่วงหัวค่ำรบกวนสมาธิในการอ่านบทพอสมควร ปราชญ์อ่านบทละครที่เพิ่งส่งมาให้ไม่รู้เรื่องเลยสักบรรทัด เพราะมัวแต่คิดถึงใบหน้าแสนหวานรวมถึงท่าทางอวดดีนั่นด้วย
“ยายบ้า ทำไมต้องคิดถึงผู้หญิงที่มีความมั่นใจบ้าๆ คนนั้นด้วยนะ” นักแสดงหนุ่มบ่นด้วยความหงุดหงิด
เขาไม่เคยเสียสมาธิเพราะผู้หญิงคนไหนเลย แต่กับผู้หญิงที่เพิ่งพบกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามันต่างกัน ริมฝีปากของเธออิ่มน่าจูบยามเมื่อเอื้อนเอ่ยวาจา
ให้ตายสิ ทำไมถึงต้องคิดอยากจะจูบคู่หมั้นน่าเมินคนนั้นด้วยนะ
“บ่นอะไรหรือครับ คุณปราชญ์” เสียงผู้จัดการส่วนตัวทำให้ชายหนุ่มละสายตาจากบทละครที่อ่านไม่รู้เรื่องทันที
“คุณภมรว่าผู้หญิงคนนั้นศัลยกรรมไหม”
“ใครครับ”
“ก็แม่คู่หมั้นผมไง”
“ไม่น่าจะทำนะครับ โครงหน้าของหนูหมอนยังเหมือนเดิม อย่างมากผมก็ให้แค่จัดฟันเท่านั้น ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะตอนอายุสิบห้าฟันของคุณหมอนทองสวยอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะตอนนี้ผอมลงบวกกับการที่ดูแลตัวเองดี เลยทำให้ดูสวย จะว่าไปตอนนั้นถ้าตัดเรื่องอ้วนออก เธอก็เป็นเด็กสาวที่น่าสนใจมากนะครับ”
“เวลาแค่สิบสองปีเปลี่ยนผีให้กลายเป็นนางฟ้าได้จริงๆ เหรอ”
“คุณปราชญ์ก็พูดเกินไป เธอไม่ได้เป็นผีเสียหน่อย” ภมรยังคงแก้ตัวให้กับคู่หมั้นสาวที่เจ้านายไม่ต้องการต่อ
“ท่าทางคุณจะปลื้มแม่ทุเรียนหมอนทองมากนะ” นักแสดงหนุ่มประชดแบบอดไม่ได้
“ผมรู้จักและเห็นหนูหมอนมาตั้งแต่เด็กน่ะครับ เธอน่ารักน่าเอ็นดูเป็นเด็กมีน้ำใจ”
“ตอนเด็กดูบ๊องๆ พอโตมานิสัยนี้ก็ไม่เปลี่ยน ผู้หญิงคนนั้นกล้าต่อว่าผมอย่างไม่มีมารยาทแถมยังขู่ด้วย”
“แสดงว่าคุณคงไปพูดอะไรให้เธอไม่พอใจ”
“ผมว่าเราไม่ควรพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีก เพราะคุณไม่เข้าข้างผม” ปราชญ์ตัดบทเมื่อถูกย้อน ลุกขึ้นยืนคว้าบทละครเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นทันที ปล่อยให้ผู้จัดการส่วนตัวมองตามด้วยรอยยิ้ม
หมอนทองโทรศัพท์เล่าทุกอย่างให้ยายฟังแบบไม่มีปิดบัง เรื่องนี้ยายต้องรู้เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่มากและสิ่งที่ได้รับกลับมาคือ เสียงสบถด่าแบบชนิดที่ว่าแสบเข้าไปถึงทรวงเลยก็ว่าได้
“แล้วจะเอาอย่างไรต่อ” คุณนายก้านยาวถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
“ยายไม่ต้องห่วง นี่หมอนทองหลานสาวคุณนายก้านยาว เรื่องแค่นี้ไม่ยอมอยู่แล้ว หนูจะทำให้ผู้ชายคนนั้นสยบแทบเท้าให้ได้ เมื่อเขายอมสารภาพว่ารักหนู หนูจะเชิดใส่แบบไม่ไยดีแล้วก็จะถอนหมั้นแบบสวยๆ” สาวสวยตอบด้วยความมั่นใจ
“มันต้องแบบนี้สิวะถึงจะสมเป็นหลานยาย จัดให้หนัก เอาให้ไอ้หน้าหล่อรู้ว่าอย่ามาดูถูกคนอย่างเรา”
“หนูทำแน่ แต่ยายห้ามเบรกนะ” คนเป็นหลานดักคอ
“คิดจะทำอะไรวะ”
“จะทำอะไรบางอย่างมันอาจจะต้องเสียชื่อบ้าง มันคุ้มถ้าสำเร็จ เชื่อสิ”
“แน่ใจนะว่าแค่เสียชื่อ ไม่มีเสียอย่างอื่นด้วย”
“ยาย สำหรับหมอนเสียตัวไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้”
คุณนายก้านยาวยกมือทาบอกเมื่อฟังสิ่งที่หลานสาวเพิ่งพูดจบ
“ไอ้บ้า จะมาเสียตัวไม่ว่าไม่ได้โว้ย บอกไว้ก่อนนะห้ามเสียตัวเด็ดขาด แล้วอย่าบอกนะว่าแกจะปล้ำเขา”
“หนูไม่ทำแบบนั้นหรอก ก็แค่พูดเปรียบเปรยเท่านั้น”
“โล่งอก อย่าทำอะไรให้คุณนายก้านยาวและตัวเองเสียชื่อเป็นอันขาด เข้าใจไหม”
“มันก็ต้องมีบ้าง เอาน่า จะพยายามไม่ให้เสียตัว” หมอนทองรักษาสัญญาอ้อมแอ้ม
“อย่ามาพูดว่าจะพยายาม สัญญามาว่าจะไม่เสียตัวเด็ดขาด” คุณนายก้านยาวคาดคั้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด แอบกลัวใจหลานตัวเองจริงๆ หมอนทองเป็นหลานที่ดีเชื่อฟังนางทุกอย่างก็จริง แต่ถ้าถูกท้าทายแล้วก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะเอาชนะ
“อืม” หญิงสาวตอบสั้นๆ แล้วรีบชิงกดตัดสายไปเสีย เพราะไม่อย่างนั้นยายคงไม่ยอมหยุด
หมอนทองมองภาพถ่ายที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ผู้ชายที่อยู่ในภาพคือชายในฝันตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ ผู้ชายคนเดียวที่หลงรักและปักใจว่าจะร่วมชีวิตด้วย ตอนเด็กๆ เธอชอบแอบมองเขาอยู่บ่อยๆ รู้สึกขอบคุณโชคชะตาด้วยซ้ำที่บ้านอยู่ใกล้กัน แถมคุณย่ากับคุณยายยังสนิทกันมาก เลยได้แอบมองบ่อยได้เท่าที่ต้องการ
แต่ปราชญ์ก็ทำให้ความหวังทั้งหมดพังทลายลงแบบไม่มีชิ้นดี นอกจากทำลายความหวังแล้ว คำพูดของเขายังทำลายความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้จนหมดด้วย ตอนนี้ความรู้สึกเดียวที่มีคือต้องการชนะ หมอนทองจะต้องเอาชนะปราชญ์ให้ได้
ผู้ชายคนนั้นจะต้องมาคุกเข่าขอความรัก จากนั้นเธอจะเขี่ยทิ้งแบบไม่ใส่ใจอีกต่อไป หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือกดตัวเลขที่ต้องการและยิ้มเช่นคนมีแผนร้าย
หมอนทองยิ้มสู้แสงแฟลชและบรรดานักข่าวร่วมสามสิบชีวิตที่นั่งอยู่ตรงหน้า ทุกคนมาพร้อมกันเนื่องจากเมื่อวานเธอโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิทที่ทำงานอยู่ฝ่ายข่าวบันเทิงชื่อดัง ขอให้สร้างกระแสเรื่องของเธอกับคู่หมั้นปากเสียเพื่อให้น่าสนใจ จนเกิดการนัดสัมภาษณ์ใหญ่เรื่องการหมั้นของปราชญ์ ปริยาภัสร์สกุล ในวันนี้ขึ้น
ภาพถ่ายในงานหมั้นของเธอกับเขาเมื่อสิบสองปีก่อนบวกกับภาพความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวโดยเฉพาะยายกับย่านั้น เรียกเสียงฮือฮาให้กับบรรดานักข่าวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายก็บอกได้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง
“ทำไมคุณถึงเพิ่งมาแถลงข่าวเรื่องนี้คะ” นักข่าวคนหนึ่งเอ่ยถาม
“จะว่าไปก็อยากจะแถลงนานแล้วค่ะ เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้คุณปราชญ์ทำงานหนักมาก บวกกับตัวดิฉันเองก็ค่อนข้างจะวุ่นวายกับงานเลยไม่มีเวลา ตอนนี้พอมีเวลาและจังหวะเหมาะ เลยตัดสินใจบอกข่าวดีนี้กับพี่ๆ สื่อค่ะ” หมอนทองตอบเสียงหวาน
“แล้วคุณปราชญ์ไม่ว่าหรือคะ”
“ไม่หรอกค่ะ จะว่าทำไมในเมื่อเป็นเรื่องจริง”
“การที่คุณออกมาให้ข่าวแบบนี้ เพราะมีข่าวกุ๊กกิ๊กของเขากับนักแสดงสาวอีกคนด้วยหรือเปล่าคะ” นักข่าวอีกคนถามต่อ หมอนทองยิ้มเล็กน้อยพร้อมทั้งจิกตามองกล้องแบบมั่นใจ
“ข่าวอย่างไรก็เป็นแค่ข่าว เขาจะไปกุ๊กกิ๊กกับผู้หญิงคนอื่นได้อย่างไรในเมื่อมีคู่หมั้นอย่างฉันอยู่แล้ว แต่บางทีเป็นข่าวแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะบรรดาแฟนคลับคงจะได้รู้ว่าเป็นได้เพียงคู่จิ้นแต่ไม่ใช่คู่จริง” สาวสวยยิ้มเย็น
“แล้วจะมีข่าวดีกันเมื่อไหร่คะ”
“ตารางงานของคุณปราชญ์ค่อนข้างแน่น คงต้องให้เขาจัดการให้เรียบร้อย จริงๆ แล้วฉันเองก็ไม่ได้รีบร้อนนะคะ แต่ญาติของเราอยากให้แต่งงานกันเสียทีเพราะหมั้นกันมานานแล้ว” หมอนทองยังคงพูดด้วยท่าทางที่มั่นใจ
การสัมภาษณ์ของหมอนทองทำให้ปราชญ์ที่กำลังจิบกาแฟอยู่แทบจะสำลัก เขาเพ่งสายตามองหน้าจอโทรทัศน์และฟังสิ่งที่ให้สัมภาษณ์ด้วยสายตาที่เครียดจัด ที่สำคัญตอนนี้ข่าวมันออกตามช่องต่างๆ แล้วด้วย
“คุณปราชญ์ครับ” ภมรวิ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ แต่แล้วก็หยุดพูดเมื่อเห็นสัญลักษณ์ทางมือที่เจ้านายทำ
“ผมดูและฟังอยู่” ริมฝีปากได้รูปเม้มแน่นบ่งบอกได้ถึงอารมณ์ในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี
“ให้ตายสิ ยายตัวแสบนั่นทำอะไรลงไป” สีหน้าและน้ำเสียงปราชญ์เครียดอย่างเห็นได้ชัด ภมรเองก็เครียดไม่แพ้กันเพราะคิดไม่ถึงว่าหมอนทองจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ขนาดนี้
“คุณจะทำอย่างไรต่อครับ” ภมรรับโทรศัพท์และตอบปฏิเสธไปแบบสุภาพหลายต่อหลายครั้งจนสุดท้ายตัดสินใจปิดเครื่อง
“บรรดานักข่าว รายการโทรทัศน์รวมทั้งหนังสือพิมพ์อยากจะขอสัมภาษณ์ครับ” คำพูดนั้นยิ่งทำให้นักแสดงหนุ่มหงุดหงิดมากขึ้น เขาอยากจะบ้าตาย ผู้หญิงคนนั้นสร้างเรื่องวุ่นวายเข้าให้แล้ว
“ยังไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น ตอนนี้คุณภมรต้องติดต่อยายตัวแสบนั่น ดูเหมือนว่าเราคงต้องคุยกันอย่างจริงจังแล้ว” แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือของปราชญ์ก็ดังขึ้น ชื่อที่ขึ้นหน้าจอทำให้เขากรอกตาไปมา แต่ก็ยอมกดรับโดยดี
“ปราชญ์คะ ฉันเพิ่งเห็นภาพข่าว คุณมีคู่หมั้นแล้วเหรอคะ” เจ้าของเสียงที่ถามมานั้นคือพิชญา อมรกุลนักแสดงสาวสวยที่มีข่าวด้วยกันตอนนี้ อีกทั้งเธอยังเป็นคู่ขวัญในการแสดงอีกด้วย
“ครับ” ชายหนุ่มตอบตามตรง
“แล้วข่าวของเราล่ะคะ ทางผู้ใหญ่อยากให้เราเป็นคู่จิ้นกัน พอมีข่าวแบบนี้ กระแสของเรามันจะหมดไหมคะ” นักแสดงสาวสวยเอ่ยถามด้วยความกังวล เธอไม่ได้อยากเป็นแค่คู่ขวัญหรือคู่จิ้นในจอ แต่อยากพัฒนาความสัมพันธ์ให้มากกว่านี้ และที่ผ่านมาปราชญ์เองก็ดูมีใจให้ แต่กลับมามีข่าวเรื่องการหมั้นหมายมันเท่ากับว่าเป็นการดับฝัน
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวค่อยคุยกัน ตอนนี้ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ” ชายหนุ่มตัดบทเอาดื้อๆ โดยไม่สนว่าคนที่ปลายสายจะหงุดหงิดหรือขัดเคืองใจ ตอนนี้เขาต้องจัดการแก้ปัญหาที่ยายคู่หมั้นตัวแสบสร้างไว้เสียก่อน
“คุณภมร ทำอย่างไรก็ได้ให้ผมได้พบแม่คู่หมั้นตัวแสบให้เร็วที่สุด”
“ผมจะลองติดต่อดูครับ”
“ผมย้ำว่าเร็วที่สุด วันนี้เลยยิ่งดี” ปราชญ์ย้ำอย่างหนักแน่น ภมรรับคำแล้วรีบจัดการทันที
หมอนทองนั่งอมยิ้มเมื่อได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการส่วนตัวของปราชญ์ เธอฟังภมรเล่าถึงปฏิกิริยาคู่หมั้นด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีท่าทีวิตกกังวลเลยแม้แต่น้อย
“หนูยังไม่ว่างค่ะ ช่วงนี้เดินสายให้สัมภาษณ์หลายที่” หญิงสาวตอบอย่างใจเย็นยิ้มให้เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ แบบรู้กัน
“แต่คุณปราชญ์ต้องการพบหนูหมอนให้เร็วที่สุดนะครับ” ภมรพยายามอย่างที่สุดแล้ว
หมอนทองยิ้ม นี่แหละสิ่งที่เธอต้องการ
“หนูฝากคุณลุงภมรไปบอกเขาได้ไหมคะ”
“ฝากอะไรครับ”
“บอกเขานะคะว่าคนเราต้องรู้จักอดทน ถ้าเขาอยากพบหมอนก็ต้องรู้จักรอ หมอนรอมาได้ตั้งสิบสองปี คุณปราชญ์ของลุงภมรรอหมอนแค่ไม่กี่วันคงไม่ถึงกับตายใช่ไหมคะ”
“หนูหมอน ลุงขอร้องอย่าทำแบบนี้ คุณปราชญ์ไม่ใช่คนที่จะมางัดข้อด้วยง่ายๆ” ภมรเตือน
“หนูไม่ได้งัดข้อค่ะ แต่นี่คือการเปิดศึก หนูจะทำสงครามกับเขา เอาเป็นว่าถ้าหนูอยากคุยเมื่อไหร่จะติดต่อกลับไปเอง ขอโทษที่ทำให้คุณลุงภมรต้องลำบากใจ แต่สิ่งที่เขาทำมันทำให้หนูสาบานกับตัวเองว่า จะไม่ยอมปล่อยให้เขามีความสุขแน่ แค่นี้นะคะคุณลุง” หมอนทองกดตัดสายทันที
“ทำอย่างนี้จะดีเหรอ เขาจะยอมสยบแกเหรอ” แอนนานักข่าวสายบันเทิงชื่อดังถามด้วยความเป็นห่วง
เธอกับหมอนทองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม ดังนั้นจึงสนิทสนมรู้อกรู้ใจกันเป็นอย่างดี เรื่องของการแถลงข่าวก็เป็นเธอนี่แหละ ที่ช่วยตามบรรดานักข่าวสายบันเทิงมาและสร้างข่าวเสียใหญ่โตแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้
“ดีสิ ทำแบบนี้แหละ เขาจะต้องรู้ว่าอย่าคิดมาดูถูกคนอย่างหมอนทองเจ้าแม่สวนทุเรียน” หมอนทองหยิบน้ำแตงโมมาดื่มอย่างสบายใจ
“ไอ้หมอน แกตั้งใจจะเอาชนะเขาจริงๆ ใช่ไหม”
“ใช่ ผู้ชายคนนั้นจะต้องรับผิดชอบคำพูดที่ดูถูกฉันไว้”
“สมมุติว่า ถ้าเขาเปลี่ยนใจมาขอแกแต่งงานล่ะ” แอนนาถามต่อ
“ฉันก็จะสะบัดบ๊อบใส่แบบเชิดๆ และหาแฟนใหม่ หรือไม่ก็ตอบรักเจ้าของสวนทุเรียนสักคน คนอย่างหมอนทองฆ่าไม่ง่ายและหยามไม่ได้ด้วย” หมอนทองยิ้มอย่างสบายใจ
“เอาไงก็เอา ฉันอยู่ข้างแก” แอนนาไม่มีอะไรจะพูดนอกจากเอาใจช่วย
“ขอบใจมากนะแอนนา เรื่องนี้ถ้าไม่ได้แก ฉันคงไม่ได้เป็นข่าวดังแบบนี้หรอก”
“ทำไงได้ ดูถูกเพื่อนฉันก็เหมือนดูถูกฉันด้วย แต่แกต้องระวังตัวหน่อยนะ เขามีข่าวกับดาราหญิงคนหนึ่ง ระวังแฟนคลับจะไม่พอใจ” แอนนาเตือนด้วยความหวังดี
“พิชชี่ พิชญา” หมอนทองพอรู้มาบ้าง
“ใช่ แม่คนนี้ต่อหน้าสื่อดูเรียบร้อยแต่ตัวจริงร้ายมาก แกต้องระวังตัว มีข่าววงในลือกันว่าแม่คนนี้พยายามจะจับคุณปราชญ์จริงๆ ไม่ได้อยากเป็นแค่คู่จิ้น คิดดูถึงขนาดยอมลงทุนซื้อบ้านที่อยู่ห่างจากบ้านผู้ชายแค่สองซอย”
“นี่หมอนทองนะ ไม่ต้องห่วง” ยิ่งฟังแบบนี้แล้วหมอนทองยิ่งมีแผน รับรองเลยว่าแซ่บอย่าบอกใคร
