บท
ตั้งค่า

1 เพราะรักคำเดียว

NUBDAOW

ฉันเมาอีกแล้ว ที่จริงก็เมาตั้งแต่ในงานนั่นแหละ เพราะทนดูภาพบาดตาบาดใจไม่ได้…ฉันเลยต้องแอบหนีออกมาโบกแท็กซี่มาเมาต่อที่ร้านจิ้มจุ่มหน้าคอนโด วันนี้เป็นวันที่ฉันได้เป็นเมียน้อยอย่างเต็มตัว เพราะมันคือวันแต่งงานของพี่หมอกกับคุณไอริน

บ้าจริง!

ฉันรักของฉันมาเป็นปีๆ ห้าปีด้วยซ้ำ! แต่แล้วคุณไอรินคนนั้นก็มาแย่งพี่หมอกของฉันไป นับจากวันนี้…ฉันต้องทนอยู่ในสถานะเมียน้อยไปอีก 365วัน มันนานจังเลย…ฉันจะทนได้ยังไง? ถ้าเมาแบบนี้ทุกวันจนครบ 365วัน มันจะช่วยให้เวลาเดินเร็วขึ้นไหมนะ?

แล้วฉันจะเริ่มเล่าเรื่องนี้ยังไงดี ให้มันไม่สั้นและไม่ยาว ให้มันไม่น่าเบื่อและเศร้าจนทนฟังกันไม่ได้ คงต้องเริ่มจากเมื่อห้าปีก่อนฉันเข้าไปทำงานที่ Ocean Group ฉันเพิ่งเรียนจบการตลาดมาใหม่ๆ แล้วก็ได้งานที่นั่นในแผนกการตลาด ฉันก็ได้เจอกับพี่หมอกที่ตอนนั้นเขาเพิ่งจบมาจากอังกฤษ เข้ามาคุมแผนกการตลาดเพื่อเรียนรู้งาน ก่อนที่จะรับตำแหน่ง CEO ต่อจากพ่อเขาในตอนหลัง ฉันต้องทำงานกับพี่หมอกโดยตรง ต้องคุยงานและไปไหนมาไหนกับเขาบ่อยๆ จนเราเริ่มสนิทกัน…หกเดือนหลังจากนั้นฉันก็ได้เป็นพนักงานประจำ พร้อมกับได้เป็นแฟนพี่หมอกพ่วงมาด้วย

แน่นอน…การเป็นแฟน คุณหมอก อัศวเมฆินทร์ ทายาทเพียงคนเดียวของ Ocean Group มันไม่ง่ายเลย เพราะนอกจากที่เขาจะหล่อราวกับเป็นลูกรักของพระเจ้าแล้ว ฐานะของเขายังพูดได้เต็มปากว่าเป็นเศรษฐี มันไม่ใช่แค่เงินในบัญชี จำนวนหุ้นที่ถือ…แต่หน้าที่การงานและวรรณะทางสังคม พี่หมอกต่างจากราวฟ้ากับเหว จริงอยู่ที่เงินในบัญชีกับชาติตระกูลมันไม่เกี่ยวกับความรัก แต่ลองคิดดูสิ…ถ้าวันหนึ่งฉันเกิดได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมา จะมีใครเชื่อได้จริงๆน่ะเหรอว่าการเลื่อนตำแหน่งนั้นมาจากความสามารถของฉันจริงๆ เพราะแบบนั้น…ฉันเลยขอให้พี่หมอกเก็บเรื่องของเราไว้เป็นความลับ

ใช่ค่ะ! มันเป็นความต้องการของฉันเอง เพราะฉันไม่อยากตกเป็นขี้ปากเพื่อนที่ทำงาน และฉันอยากทำงานอย่างสบายใจ ถ้าพวกเขารู้ว่าพี่หมอกกับฉันรักกัน เรื่องนี้จะต้องเป็นประเด็นขึ้นมา…อีกอย่างฉันไม่อยากให้พี่หมอกถูกพนักงานนินทา เอาเป็นว่าเพราะตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าเรื่องมันจะออกมาเป็นแบบนี้ ถึงได้ขอให้เรื่องของเราเป็นความลับ ฉันขอแค่ว่าให้ฉันได้เติบโตในหน้าที่การงาน ให้ฉันได้มั่นใจในตัวเองว่าดีพอสำหรับพี่หมอก ถึงตอนนั้นค่อยเปิดเผยเรื่องของเรา ตอนแรกพี่หมอกไม่ยอม เขาไม่สนใจเรื่องขี้ปากชาวบ้าน เขาไม่แคร์ว่าใครจะว่ายังไง เขาแค่อยากจะคบกับฉันแบบเปิดเผย แต่ฉันก็ยังยืนกราน พี่หมอกก็เลยต้องยอม

เราเลยมีความฝันร่วมกัน ความฝันนั้นก็คือ…ฉันต้องทำผลงานจนมีชื่อในวงการนี้ แล้วพี่หมอกจะเอาชื่อของฉันไปเสนอ ถ้าบริษัทต่างชาติของเพื่อนเขาสนใจและอยากดึงตัวฉันไปร่วมงาน ฉันก็จะไม่ต้องเป็นลูกน้องของพี่หมอกอีกต่อไป…ถึงตอนนั้นเราจะได้ประกาศให้โลกรู้ว่ารักกันมากแค่ไหน แต่อย่างที่รู้…ความฝันของเราเป็นอันต้องหยุดลงเมื่อถึงคราวที่พี่หมอกบอกกับฉันว่าเขาต้องแต่งงานเมื่อสามเดือนก่อน

‘เราเลิกกันเถอะนับ’

‘หมายความว่ายังไงพี่หมอก?’

‘พี่ไม่อยากต้องมาทะเลาะกับนับเพราะเรื่องแต่งงานแล้ว พี่ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ พี่ไม่อยากให้นับต้องทรมาน พี่ไม่อยากให้นับต้องรอ พี่รู้ว่ามันเห็นแก่ตัว…พี่ขอโทษ แต่พี่ต้องแต่งงานจริงๆ ถึงจะแค่ปีเดียวแล้วก็จะหย่า แล้วพี่ก็ไม่อยากให้นับต้องมารอ เราเลิกกันตอนนี้ดีที่สุด ถึงตอนนั้น…ถ้านับยังรักและต้องการกลับมาคบกับพี่…”

‘ไม่ใช่แค่พี่หมอกที่ไม่มีทางเลือก! นับเองก็ไม่มี…ทำไมพี่หมอกต้องแต่งงาน? ทางเลือกของนับมีแค่นี้เหรอ?! คบพี่หมอกต่อไปในฐานะเมียน้อย หรือไม่ก็ต้องเลิกกัน’

‘เพราะมันคือความรับผิดชอบของพี่…เรากำลังจะลงทุนโปรเจคใหญ่กับคุณอังกูร แล้วเขาอยากมั่นใจว่าทุกอย่างมันจะราบรื่น เขาอยากให้พี่แต่งงานกับไอรินลูกสาวเขา…’

‘ไม่เห็นเข้าใจเลย! การแต่งงานมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องลงทุน?!’

‘ก็เพราะว่ามันคือการแต่งงานเพื่อธุรกิจไงนับ ถ้ามีข่าวการแต่งงานของทายาทสองบริษัทดังออกไป…มันจะยิ่งทำให้ผู้คนรู้ว่าเรามั่นคงแค่ไหน แล้วนักลงทุนจะแห่กันมาลงทุนกับเรา นับเองก็รู้ว่าการแต่งงานของทายาทคือการตลาดที่ได้ผลแค่ไหน’

‘พี่หมอกไม่รักนับแล้วเหรอ? จะเลิกกับนับได้จริงๆเหรอ? ฮึก! พี่หมอก…จะทิ้งนับไปแต่งงานกับคนอื่นแค่เพราะเรื่องธุรกิจจริงๆเหรอ?’

‘นับรู้ดีอยู่แล้วว่าพี่รักนับ และพี่จะไม่มีวันทิ้งนับ แต่แค่พี่ต้องไปแต่งงาน แค่ปีเดียว…พี่คุยกับไอรินแล้ว เขารับรู้เรื่องนับ…และเขาเข้าใจ พี่กับเขาเราไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกันเลย ทุกอย่างจะยังเหมือนเดิม แต่แค่…พี่ต้องแต่งงานเท่านั้นเอง พี่ไม่มีสิทธิ์เลือก…คนที่จะเลือกต้องเป็นนับ’

‘ทุกอย่างจะยังเหมือนเดิมคืออะไรพี่หมอก? อะไรคือสิ่งที่นับเลือกได้? นับต้องเลือกระหว่างเลิกกับพี่หมอกหรือไม่ก็เป็นเมียน้อย! นี่เหรอทางเลือกที่นับมี?! ทั้งๆที่เราคบกันมาตั้งห้าปี…ฮึก! ทั้งๆที่นับมาก่อน…แต่ถ้าพี่หมอกต้องไปแต่งงาน มันก็แปลว่านับต้องเป็นเมียน้อย! แล้วอะไรที่มันเหมือนเดิม?’

‘พี่จะยังรักนับเหมือนเดิม เราจะยังรักกัน พี่มีทางออกแค่วิธีนี้เท่านั้น…นับก็รู้ว่าพ่อพี่เป็นยังไง…นับรู้มาตั้งแต่แรกว่าพี่ต้องรับผิดชอบและแบกรับอะไรบ้าง’

‘แต่นับไม่อยากเลิกกับพี่หมอก ฮึก! แล้วนับก็ไม่อยากเป็นเมียน้อย!”

‘พี่ขอโทษ…ขอโทษที่ทำได้แค่นี้’

‘พี่หมอกไม่สงสารนับเหรอ? นับจะทนได้ยังไงถ้าต้องเห็นพี่หมอกไปแต่งงานกับคนอื่น…นับจะทนมองพี่หมอกมีเมียอีกคนได้ยังไง?’

‘เราจะเลิกกันแค่ปีเดียว นับจะรอหรือไม่รอพี่ก็ได้…แต่พี่จะให้คำสัญญากับนับว่าครบหนึ่งปีเมื่อไหร่พี่จะหย่า’

‘นับบอกว่าไม่อยากเลิกไง! พี่หมอกทนได้เหรอถ้าเราต้องเลิกกัน?!’

‘พี่ทนไม่ได้…แต่มันก็ดีกว่าที่นับจะต้องมาเป็น…’

‘ถ้าเราไม่เลิกกัน นับก็ต้องเป็นเมียน้อย…’

‘…’

‘ฮึก! พี่หมอกรู้ไหมว่านับรักพี่หมอกมาก…รักมากจนยอมได้ ถ้าเราจะต้องเลิกกัน…นับยอม! นับจะเป็นเมียน้อย!’

‘พี่ขอโทษนับ…พี่ขอโทษที่พี่รักนับจนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้’

ก็ตามนั้นเลยค่ะ สุดท้าย…ฉันก็เลือกที่จะยอม เพราะฉันทนเห็นพี่หมอกทิ้งทุกอย่างในชีวิตเขาเพื่อมารักกับฉันไม่ได้ สามเดือนที่แล้วฉันนั่งร้องไห้จะเป็นจะตายที่ต้องเป็นเมียน้อย วันนี้ก็ยังต้องไปงานแต่งงานของพวกเขาในฐานะพนักงานบริษัท แล้วตอนนี้ก็มานั่งเมาอยู่ที่ร้านจิ้มจุ่ม ในชุด…เดรสผ้าซาตินสีพิงค์โกลด์ จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก แต่จะให้ยิ้ม…ก็ทำใจยิ้มไม่ได้จริงๆ

“กูคิดไว้แล้วว่ามึงต้องอยู่ที่นี่”

“ณารา…มึงมาได้ไง?” ถึงจะเมา แต่ก็ยังไม่หนักมากจนทำให้จำเพื่อนสนิทตัวเองไม่ได้ ยัยนี่คือณารา เพื่อนรักตั้งแต่อนุบาลของฉันเอง

“ขับรถมาจอดแล้วก็เดินมาไง มึงเมาอีกแล้วเหรอวะ? ขี้เมาฉิบหาย!”

“ที่ถาม…มันหมายความว่ามึงรู้ได้ไงว่ากูอยู่ที่นี่ ไม่ได้ถามว่ามึงมายังไง”

“อีพี่หมอกเขาโทรหากูไง”

“ใครนะ?”

“พี่หมอก! แฟนมึงที่ตอนนี้ไปเป็นผัวชาวบ้านเขาแล้วอะ! เขาโทรหากู…เสียงนี่ร้อนรนสุดๆ บอกว่าเห็นมึงเมาแล้วเดินออกมาจากงานแต่งงาน เขาขอให้กูมาตามดูมึง ป่านนี้คงห่วงมึงจนนั่งไม่ติดแล้วมั้ง”

“หึ!”

“แล้วมึงอะ…ทำไมไม่รับสายกู? ถ้ากูจำไม่ได้ว่ามึงชอบมาเมาร้านนี้…กูก็หมดปัญญาจะตามนะ”

“พี่หมอกทำเสียงเหมือนห่วงกูจริงเหรอ?” ได้ยินแบบนั้นฉันก็อยากจะร้องไห้

“กูพูดไปตั้งยาว…นี่มึงจับใจความได้ประโยคเดียวเหรอ?” แล้วเพื่อนรักก็ถลึงตาใส่ฉัน

“ณารา…เวลาแบบนี้มึงต้องปลอบใจกูแทนที่จะด่าสิ”

“เออๆ ไม่ด่าแล้วก็ได้…แค่ต้องเป็นเมียน้อยเขาทั้งๆที่มาก่อน มึงก็คงจะเศร้าฉิบหายแล้วล่ะ”

“ไม่ต้องเหน็บ!” ณาราไม่เห็นด้วยกับทางที่ฉันเลือก มันบอกว่าฉันควรจะเลิกกับพี่หมอก ฉันไม่ควรจะต้องมาเป็นเมียน้อยใคร ไว้ให้พี่หมอกหย่าซะก่อน ถึงตอนนั้นค่อยกลับมาคบกันก็ได้ แต่ฉัน…ก็ตัดใจเลิกกับเขาไม่ลง

“พรุ่งนี้ข่าวพี่หมอกแต่งงานคงดังไปทั่ว ไอ้ตุลย์ก็คงได้ข่าว มันต้องโทรมาหามึงแน่แล้วคงบินตรงมาจากอังกฤษถ้ารู้ว่ามึงไปเป็นเมียน้อยเขา” ตุลย์ที่ไอ้ณาราพูดถึงคือเพื่อนผู้ชายคนเดียวของฉัน สนิทกันตอนมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้มันอยู่ที่อังกฤษเพราะต้องไปดูแลกิจการของที่บ้านในสาขาต่างประเทศ

“มันต้องด่ากูแน่ๆ”

“ด่าสิ…ไม่มีใครอยากเห็นเพื่อนไปเป็นเมียน้อยเขาหรอก ยิ่งเป็นมึง…ไอ้นับ มึงลองคิดเรื่องนี้ดีๆอีกสักครั้งได้ไหมวะ? อะๆ กูพูดไม่บ่อยหรอกนะ แต่มึงอะสวย…จัดว่าสวยมาก มึงมีเสน่ห์ ใครเห็นก็ชอบ ตอนเรียนมึงฮ้อตจะตาย การงานมึงก็ดี…ตอนนี้มึงได้เป็นหัวหน้าทีมแล้วนี่ ฐานะที่บ้านมึงก็ไม่ได้แย่ แม่งไม่มีเหตุผลเหี้ยอะไรเลยที่มึงต้องมาเป็นเมียน้อย…” ฉันรู้ว่าที่ณาราพูดแบบนั้นเพราะมันรักและเป็นห่วงฉัน แต่ฉันก็ทำได้แค่รับฟังเท่านั้นเอง

“เพราะรักมั้ง…กูถึงยอมทนได้ คงมีแค่ความรักเท่านั้นแหละมั้ง…ที่จะทำให้กูโง่ได้มากขนาดนี้” จบคำนั้นฉันก็คว้าแก้วเบียร์ขึ้นมากระดกจนหมดแก้ว เพราะฉันคิดออกแค่ว่าต้องเมา…ต้องเมาเท่านั้น เวลาถึงจะเดินเร็วขึ้น

NUBDAOW END

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel