2.ไม่มีวัน
ฉันเข้ามาอยู่ในเกมตามหาฆาตกรที่เคยเล่นเมื่อนานมากแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ฉันยังไม่รู้จักเกมฮาเร็มหรือว่าเกมจีบหนุ่ม
“....”
ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่นัก แต่ดูเหมือนว่าฉันจะตายไปแล้วล่ะ
ชีวิตของฉันไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก ฉันเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีครอบครัว ไม่มีที่พึ่งพิงและไม่มีเพื่อน ชีวิตที่ไม่มีใครคอยยินดีในความสำเร็จและไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในยามที่มีปัญหา..บางทีฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าฉันเกิดมาเพื่ออยู่เดียวแล้วจากไปอย่างงั้นเรอะ
ฉันเสียชีวิตก่อนจะอายุสามสิบด้วยซ้ำ สาเหตุการตายคือประสบอุบัติเหตุ
ทั้งที่คิดว่าชีวิตของตัวเองมันจะจบลงเพียงแค่นั้นแต่ทว่าฉันกลับตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองคือเลดี้ฟริเซีย
เพราะเคยเล่นเกมนี้มาก่อนก็เลยรู้ได้ในทันทีว่าฟริเซียคือใคร ฉันเคยตกหลุมรักใบหน้าหล่อๆ ขององค์รัชทายาทมาแล้วครั้งหนึ่ง และยินยอมแต่งงานกับเขาในทันที
ชีวิตของพระชายาขององค์รัชทายาทนั้นดูเหมือนจะแสนหวาน และโรยไปด้วยกลีบกุหลาบแต่ทว่าไม่ใช่เลย องค์รัชทายาทเอสเมเป็นพวกชื่นชอบทรมานสตรีเป็นที่สุด หมอนี่มีความคิดที่ไม่ปกติอย่างแรง เขาชื่นชมการทรมานและการร่วมรักอย่างป่าเถื่อนจนเขาเผลอสังหารสตรีในระหว่างกระทำเรื่องเช่นนั้นไปหลายนางทีเดียว
ฟริเซียเองก็เป็นหนึ่งในนั้น..
ทั้งที่ชีวิตก่อนฉันไม่เข้าใจความหมายของการมีชีวิตแต่ทว่าเมื่อได้ลองกลับมาหายใจอีกครั้ง ฉันคิดว่านี่มันดีมากกว่าการยืนมองร่างที่เย็นเฉียบของตัวเองเป็นไหนๆ
แถมครอบครัวของฟริเซียนั้นก็ดีมากทีเดียว..นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงได้อยากมีชีวิตอยู่
สตรีวัยกลางคนกำลังนั่งร้องไห้โดยมีสามีของนางกอดเพื่อปลอบใจ
“ข้าจะไปที่พระราชวัง องค์รัชทายาทกระทำตามใจเช่นนี้มิได้! จะให้เฟียไปแต่งงานกับพวกออร์คได้อย่างไร!!”
เขามีลูกสาวเพียงผู้เดียวเท่านั้น และท่านดยุคไม่คิดยินยอมส่งมอบบุตรีของเขาให้ไปพบเจอความยากลำบากอย่างแน่นอน
ฟากัสพี่ชายของฟริเซียยืนขึ้นในทันที
“ลูกเองก็จะไปเข้าเฝ้าเช่นเดียวกัน จะให้ลูกทนมองเฟียแต่งงานกับพวกออร์คได้อย่างไร ลูกไม่อาจมองเห็นน้องพบเจอเรื่องเช่นนั้นได้ หากว่าทางองค์รัชทายาทไม่ทรงยินยอม ต่อให้ต้องยกทัพปิดล้อมพระราชวังเอาไว้ลูกก็จะกระทำ!!”
ต่อให้ถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ฟากัสก็ไม่คิดสนใจ เขาไม่ยินยอมส่งมอบน้องสาวสุดที่รักให้แก่พวกออร์คอย่างเด็ดขาด
มวลความรักของคนในครอบครัวส่งมาถึงเธอจนรู้สึกอุ่นในใจขึ้นมา การมีครอบครัวอยู่เคียงข้างในช่วงเวลาที่พบเจอกับปัญหา มันทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองมันมีค่ามากจริงๆ
แต่ในเมื่อได้พบเจอครอบครัวดีๆ ทั้งที จะให้เธอทนมองพี่ชายและท่านพ่อก่อกบฏได้อย่างไรกัน
“ลูกยินดีไปแต่งงานกับเผ่าออร์คค่ะ ลูกไม่อยากให้ท่านพ่อและท่านพี่ต้องเข้าไปก้มหน้าเพื่อร้องขอให้องค์รัชทายาทยกเลิกพระราชโองการ และลูกก็มั่นใจว่าพระองค์ไม่มีทางยกเลิกคำกล่าวที่ทรงตรัสออกไปแล้วแน่ๆ ลูกจะไม่เป็นไรค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะคะ”
ท่านดัชเชสอีสซาใช้ผ้าเช็ดหน้าเพื่อซับน้ำตาของตน จะไม่ให้นางร่ำไห้ได้อย่างไร แต่ไหนแต่ไรเฟียเคยลำบากที่ไหนกัน
“จะให้แม่วางใจได้อย่างไร เผ่าพันธุ์ออร์คนั้นขึ้นชื่อเรื่องความรุนแรงอยู่แล้ว..จะให้แม่มองเจ้าพบเจอกับความลำบากได้อย่างไรกัน..”
ไม่ใช่แค่ท่านดัชเชสเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มิอาจทนได้ ท่านดยุคก็ทนไม่ได้เช่นเดียวกัน และนี่คือเหตุผลที่ท่านดยุคอีสซาเดินทางมาที่พระราชวังเพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ
“บุตรีของกระหม่อมยังเด็กนัก นางทำให้องค์รัชทายาทเสียหน้าที่ปฏิเสธจะอภิเษกกับพระองค์ก็จริงอยู่ แต่กระหม่อมคิดว่าการที่องค์รัชทายาทถึงกับส่งบุตรีของกระหม่อมไปแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับออร์ค..มันเกินกว่าเหตุไปนะพ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิทรงยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก พระองค์ปรายสายตามองหน้าของดยุคอีสซาด้วยแววตาเรียบเฉย
“เกียรติของราชวงศ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญดยุค บุตรีของเจ้าปฏิเสธองค์รัชทายาทนั้นมันไม่สมควรเกิดขึ้นเลย อีกทั้งเอสเมประกาศออกไปเช่นนั้นต่อหน้าชนชั้นสูงมากมาย เจ้าจะให้เขาคืนคำได้อย่างไรกัน..ดยุคเจ้าควรจะดีใจสิที่บุตรีของเจ้าจะเป็นตัวแทนของจักรวรรดิเพื่อเดินทางไปเชื่อมสัมพันธ์น่ะ”
ดยุคอีสซากำมือแน่น เขาลุกขึ้นก่อนจะมองหน้าขององค์จักรพรรดิด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยโทสะ
“..ดีใจอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? ในเมื่อทรงไม่คิดจะเปลี่ยนความคิด เช่นนั้นกระหม่อมก็จะไม่ร้องขอพระองค์อีก แต่ได้โปรดจดจำวันนี้เอาไว้นะพ่ะย่ะค่ะ จดจำวันที่พระองค์เหยียบย่ำน้ำใจของคนในตระกูลอีสซาเอาไว้ให้ดี..เพราะกระหม่อมเองก็จะจดจำวันนี้ให้ขึ้นใจเช่นเดียวกัน!”
จากนี้ไปราชวงศ์และตระกูลอีสซาจะยืนอยู่คนละฝั่ง..และเขาจะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องในวันนี้ไปอย่างแน่นอน ราชวงศ์จะต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำกับลูกสาวของเขา!!
...........
“นี่ข้าอ่านผิดรึเปล่าครับหัวหน้า..เราส่งจดหมายเพื่อเจรจาของเชื่อมสัมพันธไมตรี แต่ทางจักรวรรดิกลับจะส่งสตรีมาที่นี่เพื่อให้แต่งงานกับท่านหัวหน้าเผ่าเนี่ยนะ!!”
ชองกำลังอ่านจดหมายในมือทวนซ้ำอีกครั้ง เขาไม่เข้าใจเจตนาขององค์จักรพรรดิเลยจริงๆ
“...ดูเหมือนทางจักรวรรดิจะคิดว่าการส่งจดหมายเพื่อขอเชื่อมสัมพันธ์ของเราเป็นเรื่องตลกอย่างนั้นสินะ ใครต้องการแต่งงานกับสตรีของจักรวรรดิกัน?”
บาทีสต์ยกมือขึ้นมานวดขมับอย่างหัวเสีย เขาไม่มีความคิดที่จะแต่งงาน แถมยังไม่อยากรับสตรีของจักรวรรดิมาเพื่อเป็นภาระอีกต่างหาก
“เช่นนั้นเราจะเอาอย่างไรดีครับ ยกทัพไปจัดการชาวจักรวรรดิเลยดีหรือไม่”
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เพราะไม่อยากให้เกิดสงคราม ข้าจึงเลือกที่จะขอเชื่อมสัมพันธ์ไป ที่ชายแดนมีการปะทะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ข้าไม่ได้กลัวพวกจักรวรรดิ แต่ทว่าชาวบ้านของเราที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นต่างก็ลำบากมากทีเดียว พืชผักและผลผลิตทางการเกษตรของเราที่ถูกส่งไปขายให้กับชาวจักรวรรดิคือรายได้หลักของชาวบ้าน ข้าคิดว่าชาวออร์คของเรา จะมีความเป็นอยู่ที่สบายมากยิ่งขึ้น หากว่าไม่มีการปะทะกันที่ชายแดน..”
บาทีสต์หลับตาลงช้าๆอย่างใช้ความคิด
“..ถึงแม้ไม่อยากยอมรับแต่เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชาวออร์ค ข้าคงต้องยอมแต่งงานกับสตรีที่ถูกส่งมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะชอง”
หัวคิ้วของชองขมวดมุ่นด้วยความรู้สึกสงสารและเห็นใจหัวหน้าของเขา ตั้งแต่ที่หัวหน้าขึ้นเป็นผู้นำของเผ่าออร์ค ชาวบ้านทุกคนก็มีความเป็นอยู่ที่ดีมากยิ่งขึ้น
หัวหน้าเสียสละมากมายเพื่อให้เผ่าพันธุ์ที่โดนดูถูกสารพัดอย่างออร์ค ได้เชิดหน้าชูตาขึ้นมาบ้าง..
แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรทั้งเจ้าพวกเอลฟ์หูยาวและพวกมนุษย์ก็ยังคงดูถูกพวกเราอยู่ดี และจากการคาดเดาของชองนั้น สตรีที่ถูกส่งมาคงเป็นชนชั้นสูงตัวปลอมแน่ๆ ไฉนเลยพวกนั้นจะยินยอมให้สตรีชนชั้นสูงจริงๆ มาแต่งงานกับพวกเรา
เขาน่ะจะไม่มีวันยอมรับสตรีผู้นั้นอย่างเด็ดขาด ไม่มีวันซะหรอก!
