บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 จวนตระกูลหลิน

เมิ่งชิงหรูใช้เวลาพักฟื้นร่างกายอยู่หลายวันกว่าจะลุกจากที่นอนได้ ยามนี้นางกำลังเหม่อมองใบหน้างดงามที่สะท้อนออกมาจากกระจกด้วยความนิ่งงัน เรื่องสวมร่างแทนวิญญาณนางเคยได้ยินแต่คำเล่าขานไม่เคยรู้เลยว่าจะมีอยู่จริง และยามนี้นางก็กลายเป็นวิญญาณที่มาเข้าร่างผู้อื่นไปเสียแล้ว ได้กลับเข้าร่างผู้อื่นก็แล้วไปเถิดฐานะของหลินชิงหรูผู้นี้ไม่สูงไม่ต่ำความเป็นอยู่ในจวนแห่งนี้ก็นับว่าเทียบเท่าคุณหนูสายตรงของตระกูลใหญ่หลายคนเลยทีเดียว ติดก็แต่ใบหน้างดงามที่สะท้อนกระจกออกมานี้กลับมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับเมิ่งชิงหรูไปแทบจะทุกส่วน มีต่างไปบ้างก็เพียงแค่อายุที่อ่อนวัยกว่าถึงสิบปี เมิ่งชิงหรูหลุบสายตาพลางครุ่นคิด

ไม่เพียงแต่มีชื่อเหมือนกันใบหน้าของพวกนางก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่หลายส่วน คิดอยู่นานแล้วก็ทำได้แค่เพียงทอดถอนใจออกมาด้วยความรู้สึกปล่อยวาง ชะรอยพวกนางสองคนจะมีชะตาต้องกัน มีชื่อเหมือนกันมีใบหน้าคล้ายคลึงกันและน่าจะตายในเวลาใกล้เคียงกันอีกด้วย สวรรค์จึงให้นางได้มีโอกาสมาเข้าร่างที่งดงามและอ่อนวัยเช่นนี้แทนที่นางจะได้ไปเกิดใหม่และลืมเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดในชาติก่อน นางได้แอบภาวนาให้กับหลินชิงหรูอยู่ในใจว่าขอให้นางได้ไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีมีชีวิตที่สงบสุข ส่วนตัวนางนั้นก็ช่างเถิดได้มีโอกาสมีชีวิตใหม่อีกครั้งชาตินี้นางจะพยายามใช้ชีวิตของตนเองให้ดีไม่ต้องทนตรากตรำและใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเหมือนกาลก่อนอีกแล้ว

“ยามนี้ท่านแม่คงตื่นแล้ว พวกเราไปคารวะน้ำชายามเช้ากันเถิด” เมิ่งชิงหรูเอ่ยกับชุ่ยหวาสาวใช้ข้างกายของหลินชิงหรูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วลุกขึ้นเดินนำชุ่ยหวาออกจากเรือนด้วยท่าทีผ่อนคลาย

จวนตระกูลหลินแห่งนี้ใหญ่โตไม่แพ้จวนแม่ทัพของตระกูลเหยียนเลย เพียงแต่การตกแต่งดูงดงามและเรียบง่ายมากกว่า เมื่อมองโดยรวมแล้วแฝงกลิ่นอายของบัณฑิตอันสูงส่งอยู่หลายส่วน จวนแห่งนี้ผู้มีที่มีอำนาจสูงสุดภายในจวนคือฟางจิ้นผิง ไม่ผิดแม้ภายนอกหลินจิ้งจะมีฐานะที่น่านับถือมากเพียงใดแต่ภายในจวนภริยาเอกผู้นี้ก็คือคนที่มีอำนาจสูงสุดภายในจวน ความซับซ้อนของจวนแห่งนี้ไม่วุ่นวายเหมือนจวนตระกูลใหญ่อื่นๆ ด้วยฟางซื่อเป็นคนเด็ดขาดนางยอมให้หลินจิ้งรับอนุเข้ามาเพียงสามคนคือเว่ยอี๋เหนียงผู้เป็นมารดาของหลินชิงหรู ต่งอี๋เหนียงผู้เป็นมารดาของคุณชายน้อยหลินชิงฉือ คุณหนูสามหลินชิงรั่ว คุณหนูสี่หลินชิงหว่าน ส่วนอนุคนที่สามคือซูอี๋เหนียงมีอายุมากกว่าหลินชิงหรูนางพึ่งแต่งเข้ามาไม่ถึงปีจึงยังไม่มีบุตร

ทั้งหลินชิงหรูและหลินชิงฉือล้วนถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างกายของฟางซื่อ ส่วนหลินชิงรั่วและหลินชิงหว่านพวกนางล้วนอยากอยู่ข้างกายอี๋เหนียงของพวกนางซึ่งฟางซื่อก็ไม่ได้บังคับ ทุกคนต่างมีชีวิตที่ดีภายใต้ความยุติธรรมและความมีน้ำใจของฟางซื่อ แต่ภายใต้ความมีน้ำใจนั้นทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบอันเฉียบขาดที่ฟางซื่อเป็นผู้กำหนดไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืนและท้าทายอำนาจของฟางซื่อเลยสักคน

มีเพียงเว่ยอี๋เหนียงอนุผู้ได้รับความโปรดปรานมากที่สุด ที่นานๆ ทีนางจึงจะก่อปัญหาขึ้นสักครั้ง แต่นางก็สร้างคลื่นลมได้เพียงเล็กน้อยตามสติปัญญาอันอ่อนด้อยของนาง มีเพียงเรื่องที่หลินชิงหรูผูกคอตายเท่านั้นที่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่จนทำให้ฟางซื่อต้องหมดความอดทน ยามนี้เว่ยอี๋เหนียงผู้บอบบางและร่างกายดุจทำมาจากสายน้ำได้แต่นั่งร่ำไห้อ้อนวอนขอการให้อภัยอยู่ภายในเรือนของตนเอง แน่นอนว่าหลินจิ้งย่อมปวดใจแต่ด้วยความหวาดกลัวในอำนาจของฟางซื่อจึงทำได้แค่เพียงปลอบประโลมนางด้วยวาจาเพียงเท่านั้น ด้วยตนเองก็ยังมีชนักติดหลังอยู่เช่นกัน

เมื่อเมิ่งชิงหรูเดินไปถึงเรือนของฟางซื่อก็พบว่าทุกคนล้วนมารวมตัวกันครบแล้ว ต่งอี๋เหนียง หลินชิงรั่วและหลินชิงหว่านต่างยืนพูดคุยกันด้วยความสนิทสนมกลมเกลียวอยู่อีกด้าน ส่วนซูอี๋เหนียงยืนทำสีหน้าอมยิ้มเพียงผู้เดียวอยู่อีกด้านเมื่อเห็นเมิ่งชิงหรูเดินเข้ามาซูอี๋เหนียงก็รีบเดินเข้ามาทักทายด้วยความสนิทสนมทันที

“ชิงหรูเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าไปเยี่ยมเจ้าอยู่หลายครั้งแต่ล้วนถูกชุ่ยหวากั้นไว้ที่หน้าประตูจึงทำได้แค่เพียงฝากน้ำแกงให้ชุ่ยหวานำไปให้เจ้าเท่านั้น” ได้ยินเช่นนั้นเมิ่งชิงหรูก็ส่งยิ้มให้นางอย่างฝืดเฝื่อน

“น้ำใจของซูอี๋เหนียงข้าได้รับแล้ว ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” ในกาลก่อนหลินชิงหรูและซูอี๋เหนียงมีความสนิทสนมกันดีด้วยอายุที่ไม่ได้ห่างกันมากนัก อีกทั้งหลินชิงหรูเองก็ไม่ได้สนิทสนมกับน้องสาวทั้งสองคนรุ่นเดียวกันก็มีเพียงซูอี๋เหนียงพวกนางสองคนจึงมักแวะเวียนไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ

พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำฟางซื่อก็เดินเข้ามาในเรือนติดตามมาด้วยหลินชิงฉือ ยามนี้หลินชิงฉืออายุย่างแปดขวบแล้วถึงแม้ว่าเขาจะมีเรือนของตนเองแต่มักใช้ข้ออ้างว่าเรือนของตนอยู่ไกลเข้ามาพำนักในเรือนของฟางซื่ออยู่บ่อยครั้ง แน่นอนว่าต่งอี๋เหนียงย่อมสนับสนุนบุตรชายของตนในเรื่องนี้ ยิ่งได้ใกล้ชิดกับฟางซื่อและคุณชายใหญ่หลินชิงเสียนมากเท่าใดอนาคตของหลินชิงฉือก็ย่อมสดใส เสียดายก็แต่บุตรสาวของนางสองคนทั้งหลินชิงรั่วและหลินชิงหว่านที่ไม่ยอมมาปรนนิบัติข้างกายฟางซื่อเหมือนหลินชิงหรู ความโปรดปรานที่พวกนางทั้งสองได้รับจึงไม่สามารถเทียบเคียงหลินชิงหรูได้

เมื่อหลายวันก่อนนางได้ยินมาว่าฟางซื่อประกาศว่าจะหาคู่ครองที่ดีให้แก่หลินชิงหรูและไม่ยอมให้หลินชิงหรูต้องแต่งออกไปเป็นอนุของผู้อื่นอย่างเด็ดขาด ทำให้ต่งอี๋เหนียงต้องบิดผ้าเช็ดหน้าด้วยความริษยา เว่ยอี๋เหนียงใช้ความงดงามดุจนางจิ้งจอกล่อลวงนายท่านไปคนหนึ่งแล้วก็ช่างเถิด แต่บุตรสาวของนางกลับได้รับความโปรดปรานของฟางซื่อได้ถึงขนาดนี้ทำให้นางยากจะทำใจยอมรับได้ โชคดีที่นางยังมีหลินชิงฉือที่นับเป็นบุตรชายคนที่สองของนายท่านไม่เช่นนั้นพวกนางแม่ลูกย่อมจะถูกผู้อื่นมองข้ามอย่างแน่นอน

หลังคารวะยามเช้าเสร็จแล้วฟางซื่อจะรีบโบกมือไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องให้จากไปในทันที แล้วเอ่ยปากรั้งหลินชิงหรูเอาไว้

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ยังปวดบริเวณลำคออยู่อีกหรือไม่” ฟางซื่อเอ่ยถามด้วยความห่วงใย เมิ่งชิงหรูที่ยามนี้ยังปรับตัวปรับใจกับร่างใหม่นี้ได้ไม่ดีนักก็ก้มหน้าเอ่ยตอบนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ข้าดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ” ฟางซื่อเห็นหลินชิงหรูก้มหน้าก้มตาตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเช่นนี้ก็เข้าใจว่าหลินชิงหรูกำลังรู้สึกผิดที่ตัดช่องน้อยแต่พอตัวทำร้ายตนเองจนปางตายเช่นนั้น จึงลุกขึ้นแล้วเดินมากุมมือหลินชิงหรูแล้วเอ่ยปลอบนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ดีขึ้นมากก็ดีแล้ว เรื่องคราวนี้ถือว่าเสียว่าฟาดเคราะห์ก็แล้วกัน” เมื่อได้รับคำปลอบโยนที่นางไม่ได้รับมานานแล้วหยาดน้ำตาก็พากันหลั่งไหลลงมาอย่างเหนือความคาดหมาย เมิ่งชิงหรูแอบนิ่วหน้าอย่างสมเพชตนเองสมแล้วที่ร่างกายนี้เป็นบุตรสาวของเว่ยอี๋เหนียงเห็นทีว่าพวกนางน่าจะสร้างมาจากน้ำเช่นเดียวกัน เมื่อมีสิ่งใดมากระทบจิตใจเพียงเล็กน้อยก็สามารถหลั่งน้ำตาออกมาได้อย่างง่ายดาย

“ท่านแม่เจ้าคะ อี๋เหนียงของข้านางไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายข้า ท่านอย่าได้ลงโทษนางอีกเลยนะเจ้าคะ เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน ท่านได้โปรดยกเลิกการกักบริเวณของนางเถิดเจ้าค่ะ” สาเหตุเมิ่งชิงหรูเอ่ยเช่นนี้ก็เพราะนางคิดถึงสายตาอันเจ็บปวดและรู้สึกผิดของเว่ยอี๋เหนียงแล้วทำให้นางคิดถึงตนเองยามที่ต้องสูญเสียบุตรชายและบุตรสาวไป นางที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้สามารถรับรู้ถึงความรักที่เว่ยอี๋เหนียงมีต่อนาง เพียงแต่ความรักของเว่ยอี๋เหนียงนั้นยึดมั่นในความคิดของตนเองมากไปสักหน่อย

“ข้ารู้ว่าที่นางทำลงไปล้วนเป็นเพราะความรักที่มีต่อเจ้า แต่ถ้าหากไม่ลงโทษนางในครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าวันหน้านางจะก่อเรื่องใดขึ้นมาอีก ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนขาดความหนักแน่นและมั่นคง หากปล่อยให้คนไร้สมองเช่นนางไปเป่าหูอีก ต่อให้เจ้ามีอีกเก้าชีวิตก็คงไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ทุกครั้งหรอกนะ” ฟางซื่อเอ่ยพลางทอดถอนใจ

ชุ่ยหวายืนยันกับนางว่าตอนที่ปลดร่างของหลินชิงหรูลงมาจากคานนางได้สิ้นใจไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าขณะที่ชุ้ยหวาและกุ้ยมามากำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางอยู่นั้นจู่ๆ ลมหายใจของนางก็กลับคืนมา เพียงแต่ใช้เวลาอยู่หลายวันกว่าที่นางจะยอมฟื้นคืนสติและตื่นขึ้นมา คิดถึงวันนั้นที่ชุ่ยหวาวิ่งไปแจ้งทุกคนว่าหลินชิงหรูนอนละเมอร้องไห้เสียงดังก่อนที่จะได้สติหัวใจของฟางซื่อก็รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน นางฟูมฟักเลี้ยงดูบุตรสาวนอกไส้นี้มาตั้งแต่นางยังเด็ก ถึงแม้ไม่อาจเทียบเคียงความรักที่นางมีต่อหลินชิงลี่ได้ แต่นางก็ยอมรับไม่ได้กับการที่เว่ยอี๋เหนียงและหลินจิ้งมาบีบบังคับจนหลินชิงหรูต้องตกอยู่ในสภาพนี้ หากครั้งนี้นางไม่ลงโทษคนทั้งสองก็อย่ามาเรียกนางว่าฟางจิ้นผิงเลย

“คุณชายฉินผู้นั้นทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนรับรู้ว่าเขาเป็นคนไม่ดี ไม่รู้ว่าอี๋เหนียงไปฟังมาจากผู้ใดจึงคิดว่าเขาเป็นคนดีและมากวาสนา หากข้าได้แต่งเข้าจวนของเขาแล้วภายภาคหน้าจะมีชีวิตที่ดีและพรั่งพร้อม ข้าคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้ย่อมมีคนมาเป่าหูอี๋เหนียงของข้าอีกที ขอท่านแม่ได้โปรดช่วยตรวจสอบด้วยเถิดเจ้าค่ะ” เมิ่งชิงหรูเอ่ยพลางขมวดคิ้วจากความทรงจำของร่างนี้

นางจำได้ว่าหลินชิงหรูไม่เคยไปผิดใจกับผู้ใด แต่จู่ๆ เว่ยอี๋เหนียงผู้มักอยู่แต่ในเรือนหลังจะรู้ได้อย่างไรว่าฉินเย่วเทียนกำลังต้องการจะตบแต่งอนุ และเห็นดีเห็นงามให้หลินชิงหรูต้องแต่งไปเป็นอนุของฉินเย่วเทียนให้ได้จนต้องวิ่งไปลากหลินจิ้งให้ไปติดต่อแม่สื่อเพื่อให้นางเป็นสื่อกลางเสนอหลินชิงหรูให้แก่ฉินเย่วเทียน ส่วนเจ้าฉินเย่วเทียนผู้นั้นก็ดีนัก รีบตอบตกลงทันทีและนัดวันตบแต่งเพื่อรับหลินชิงหรูเข้าจวนกันอย่างเรียบร้อย ยามนั้นหลินชิงหรูที่กำลังรอให้ฟางจิ้นผิงกลับจวนมาช่วยเหลือ เมื่อได้ยินว่าบิดาและฉินเย่วเทียนตกลงกันผ่านแม่สื่อเรียบร้อยแล้ว ด้วยความตกใจนางจึงคิดใช้ความตายมายุติปัญหาทุกอย่างในทันที

“เจ้าวางใจเถิดเรื่องคนที่ไปปล่อยข่าวให้แก่อี๋เหนียงของเจ้า ข้ารู้ว่าเป็นผู้ใดเพียงแต่ยังไม่มีหลักฐานความผิดอย่างชัดแจ้งข้าจึงยังลงมือไม่ได้ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลมีข้าอยู่ย่อมไม่เกิดเรื่องราวเลวร้ายขึ้นมาในจวนอีกแน่นอน” ฟางซื่อเอ่ยเช่นนี้เมิ่งชิงหรูก็พยักหน้า ความสามารถของฟางซื่อหลินชิงหรูเจ้าของร่างนี้ล้วนได้ยินและได้เห็นมาตั้งแต่เด็ก เมิ่งชิงหรูเองก็สามารถรับถึงความสามารถของฮูหยินจวนเสนาบดีกรมพิธีการผู้นี้ได้ นางจึงแอบคิดว่าตราบใดจวนแห่งนี้มีฟางซื่ออยู่นางเองก็ย่อมใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบสุข

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel