ส้มตำรสแซ่บ
3 ปีผ่านไป
ตอนนี้ฮุ่ยเหมยอายุได้ 3 หนาวแล้ว ท่านแม่และท่านพ่อไปหาของป่ามาขาย ปล่อยให้เธอและพี่ชายวัย 7 หนาวอยู่บ้านด้วยกันสองคนอยู่บ้านเฉยๆ มันน่าเบื่อมาก ทีแรกว่าจะขอท่านพ่อไปด้วยแต่ ท่านให้เหตุผลว่าเธอยังเด็กอยู่
"เหมยเอ๋อร์รอเจ้าโตขึ้นกว่านี้พ่อค่อยให้เจ้าไปด้วยนะลูก"
ท่านพ่อมองลูกสาวตัวน้อยที่งอแงอยากไปด้วย ห่วงว่าลูกจะเป็นอันตรายเลยให้อยู่ที่บ้าน แล้วรีบเดินเข้าป่ากับท่านแม่กลัวจะใจอ่อนกับลูกสาว
ฮุ่ยเหมยมองตามท่านพ่อและท่านแม่จนสุดสายตา แล้วได้แต่ถอนหายใจ อยู่คนเดียวทำให้คนเป็นพี่อดสงสารไม่ได้จึงเอ่ยขึ้น
"เหมยเอ๋อร์ เดี๋ยวพี่ใหญ่พาเจ้าไปดูผลไม้แปลกๆ ที่ท้ายหมู่บ้านเจ้าสนใจไปดูไหม"
"ผลไม้แปลกๆ หรือเจ้าค่ะ"
"ใช่"
"ไปเจ้าค่ะ ฮิฮิ" พอได้ออกจากบ้านเธอก็ดีใจมาก
ลา ลา ล้า ล้าาา
หลังจากนั้นสองพี่น้องก็พากันจูงมือไปยังท้ายหมู่บ้าน เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด พอมองไปรอบ ๆ ป่าก็ไม่พบว่ามีสิ่งใดที่เรียกว่า ผลไม้แปลกประหลาด ที่พี่ชายกล่าวหาเลยสักนิด
"เอ๋ พี่หนิงหลงที่ว่าผลไม้แปลก ๆ นี่คือ?"
เท่าที่เธอเห็นมีแต่ผลไม้ที่น่ากินทั้งนั้นเลยนะ
"นั่นไง ผลสีเขียว ๆ ลูกยาว ๆ"
ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่มะละกอที่หล่นเต็มพื้น
"นี่!! คนที่นี่เขาไม่กินกันหรือเจ้าค่ะ มันอร่อยมากเลยนะพี่ใหญ่"
ว่าแล้วก็คิดถึงส้มตำแซ่บ ๆ แล้วน้ำลายไหล ติ้ง!! คิดออกแล้วเธอจะทำส้มตำให้พี่ชายกิน ตั้งแต่เกิดใหม่มาเธอก็ได้กินแต่แผ่นแป้งแห้ง ๆ และข้าวต้มที่ใสจนไม่เห็นเม็ดข้าว
"พี่ใหญ่ลองกินดูแล้ว ขมมากเลย และอันนั้นก็เปรี้ยวมากนี่แหละผลไม้แปลก ๆ"
พลางชี้นิ้วเรียว ๆ ไปที่มะม่วงซึ่งยังไม่สุก
"มันกินได้เจ้าคะ เดี๋ยวพี่ใหญ่ใช้มีดปอกเปลือกดู"
แม้ว่าเขาจะสงสัยว่าปอกเปลือกทำไม แต่เห็นว่าน้องสาวอยากดูจึงทำตามคำขอ
เมื่อหนิงหลงปอกเปลือกเสร็จแล้ว ฮุ่ยเหมยกลัวว่าเขาจะไม่เชื่อว่ากินได้ เธอจึงรีบยัดผลไม้ทั้งสองเข้าปากตัวเองและพี่ชายทันที
"อืม หวานอร่อยมากเหมยเอ๋อร์ ไม่คิดว่าพอปอกเปลือกออกแล้วจะหวานน่ากินเช่นนี้"
พอได้กินไปคำแรกก็ตาโตขึ้นทันทีและกินไม่หยุด และหันไปมองน้องสาวพลางคิดว่า น้องสาวช่างฉลาดคิดจริง ๆ
สองพี่น้องนั่งกินจนอิ่มและคิดว่าจะเอาไปไว้ให้ท่านพ่อท่านแม่กินที่บ้าน พี่ชายจึงอาสาไปเอากระบุงจากที่บ้านมาใส่ จึงให้ฮุ่ยเหมยรออยู่ที่นี่
"เหมยเอ๋อร์รออยู่นี่นะพี่จะรีบไปรีบมา"
จากนั้นหนิงหลงจึงรีบเดินกลับบ้านทันที
"เจ้าค่ะ"
หลังจาก1 เค่อ (เทียบเท่ากับ 15 นาที) หนิงหลงก็มาถึงพอดี ทั้งสองคนพี่น้องก็เก็บผลมะละกอกับมะม่วงที่สุกแล้วก็ดิบใส่ไว้และนำกลับบ้าน
พอออกจากป่าท้ายหมู่บ้านข้ามองไปรอบ ๆ ป่าข้างทางก็พบลำต้นสูงยาวคล้ายๆ ต้นหญ้า พุ่มหนึ่งพอมองดี ๆ ก็พบว่าเป็นต้นอ้อยและพบว่าที่บ้านเธอนั้นไม่มีน้ำตาล
"พี่หนิงหลง ไปตัดกานเจ้อ มาให้ข้าหน่อยเจ้าค่ะ ข้าจะนำไปทำน้ำตาลให้กิน" และชี้นิ้วไปที่ต้นอ้อยข้างทาง
“มันกินได้เหรอ”
แล้วชี้นิ้วไปที่ต้นกานเจ้อ (อ้อย) อย่างสงสัย แล้วพยักหน้าตกลงไปตัดมาให้น้องสาวก่อนสักสองสามต้น
เมื่อเสร็จภารกิจสองพี่น้องก็เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางก็พบกับชาวบ้านที่มองมาอย่างสงสัยว่าสองพี่น้อง คู่นี้ไปนำผลไม้แปลกประหลาดมาทำอันใด ด้วยความสงสัยจึงมีคนที่ถามขึ้น
“พวกเจ้านำผลไม้แปลกประหลาดมาทำอันใด” ชายชราเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ข้านำไปกินขอรับ”
หนิงหลงเป็นคนตอบคำถาม สร้างเสียงฮือฮาให้กับชาวบ้าน
“มันจะกินได้เช่นไร”
“นั่นสิ ๆ”
เสียงชาวบ้านเอ่ยขึ้นอย่างงุนงง และก็มีเสียงใสเสียงหนึ่งเอ่ยตอบตกลงที่จะกินและเป็นหน่วยกล้าตายนั่นก็คือ ลี่จู เด็กสาวข้างบ้านวัย 5 หนาวเอ่ยขึ้นด้วยความเชื่อใจต่อหนิงหลงจึงอาสาเอ่ยชิมเป็นคนแรก
“พี่หนิงหลงข้าเชื่อท่านว่ากินได้เจ้าค่ะ ข้าขอพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นเอง”
จากนั้นหนิงหลงก็นำมีดพกปอกเปลือกผลไม้ที่สุกแล้วของผลมะละกอให้สาวน้อยได้ชิม
“ว้าว หวานอร่อยมาก”
หลังจากนั้นที่ได้ชิมทุกคนก็เอ่ยเป็นเสียงเดียวว่า อร่อย และจากนั้น ประมาณ สองเค่อผลไม้ที่สุกแล้วที่ว่าแปลกประหลาดก็หมดภายในวันเดียว
ยามซื่อ คือ (09.00 – 10.59 น.) ทั้งสองพี่น้องก็มาถึงบ้านหลังเล็กที่มี 2 ห้องนอนและ1 ห้องโถง และก็ช่วยกันล้างและปอกเปลือกผลไม้ทั้งสองชนิดที่นำมาจากป่าท้ายหมู่บ้าน เมื่อเสร็จแล้วก็นำใส่ชามไว้กินตอนเที่ยงให้แก่ท่านพ่อและท่านแม่
“พี่ใหญ่ท่านช่วยก่อไฟทีเจ้าค่ะ ข้าจะนำน้ำกานเจ้อ มาต้มเป็นน้ำตาล”
“ได้รอพี่สักครู่”
จากนั้นหนิงหลงก็เดินไปก่อไฟ เมื่อก่อไฟเสร็จแล้วจะกลับไปถามน้องสาวของตน พอดีก็เห็นน้องสาวเดินเข้ามาในครัวจึงถามขึ้น
“มันทำอย่างไรหรือ?”
หนิงหลงหันไปถามน้องสาวอย่างประหลาดใจว่ามันจะทำได้จริงหรือ
“นำอ้อยมาตัดเป็นท่อนพอประมาณ ขูดทำความสะอาด ล้างน้ำ บีบคั้นเอาน้ำอ้อยออกมา ส่วนชานอ้อยที่เหลือนำไปตากแห้งประมาณ 1 แดด จากนั้นนำมาทำเป็นเชื้อเพลิงเคี่ยวน้ำอ้อย”
จากนั้นเด็กน้อยก็ค่อย ๆ บอกขั้นตอนวิธีการทำให้กับพี่ชายจนเสร็จ’ ’’ ’ ’
เมื่อทำน้ำตาลเสร็จแล้ว นี่ก็ใกล้ยามอู๋ (ตอนเที่ยง) แล้วเธอคิดว่าจะตำส้มตำให้ครอบครัวของเธอกิน
"พี่หนิงหลงข้ามีอาหารรสแซ่บมาแนะนำเจ้าคะข้าจะทำให้ท่านได้ชิม"
"รสแสบอะไรเหมยเอ๋อร์!!"
หนิงหลงคิดว่าน้องสาวจะมีอะไรแปลก ๆ มาให้กินอีกหนอ
"รสแซ่บเจ้าค่ะ ข้าจะทำมู่กวาซาลาให้ท่านกิน"
"ท่านปอกเปลือกมู่กวาดิบให้ข้าและสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้ข้าก่อนนะ เดี๋ยวข้ามา"
จากนั้นสาวน้อยก็วิ่งไปหลังบ้านเก็บ พริก มะนาว ที่หลังบ้านมากับ มะเขือเทศ
เมื่อกลับมาถึงบ้านท่านพ่อท่านแม่ก็กลับมาแล้ว และนั่งคุยอยู่กับหนิงหลงว่านำผลไม้นี่มาจากที่ใด เมื่อได้รู้ความจริงทั้งสองท่านก็ประหลาดใจที่เธอและพี่ชายนำมา
เพราะห่วงว่าผลไม้มันจะมีพิษ และก็พบว่าลี่จู เด็กสาวข้างบ้านวัย 5 หนาว ที่เป็นคนอาสาชิมผลไม้ก็มาที่บ้านเธอพร้อมกับข้าวของที่ชาวบ้านนำมาตอบแทนเรื่องผลไม้แปลกนั่นแหละ และแนะนำท่านพ่อท่านแม่ของเธอชิมผลไม้แปลกประหลาดเหล่านั้นกันใหญ่ และพอทุกคนได้ชิมก็ร้อง ว้าวว่าอร่อยกันทุกคน
"ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านกลับมาแล้ว"
เมื่อมาถึงฮุ่ยเหมยก็วิ่งไปกอดท่านแม่ และบอกว่าจะตำส้มตำให้ทุกคนได้กิน ท่านแม่จะเป็นคนทำและฮุ่ยเหมยเป็นคนบอกวิธีการทำ ไม่ถึง 1 เค่อ ก็เสร็จและเรียกลี่จูมากินข้าวเที่ยงด้วยกัน
"เสร็จแล้วจ้ามู่กวาซาลา"
เมื่อส้มตำมาเสิร์ฟทุกคนทำหน้าเหมือนไม่อยากกิน ฮุ่ยเหมยเลยกินเป็นคนแรกจากนั้นก็ท่านพ่อเป็นคนที่สอง ทุกคนจึงจับตะเกียบค่อยๆ คีบกิน พอได้กินเข้าไปคำหนึ่งก็ตาโต และกินกันอย่างรวดเร็วจนหมดเกลี้ยง ทำให้มื้อนี้ทุกคนอิ่มกันมาก และเธอก็เห็นคนนำหอยเชอร์รี่มาทิ้งไว้บอกว่ามันไปกัดข้าวชาวบ้านเสียหาย นั่นมันอาหารรสแซ่บเลยนะ
