หวงน้อง
“เอาไว้มาเป็นเมียฉันก่อนแล้วกัน ฉันถึงจะยอมขอโทษเธอ!”
“…..”
“บ้านเธออยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง” แผ่นดินถามต่อเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่นั่งนิ่งอยู่แบบนั้นมาหลายนาที เจอประโยคนั้นเข้าไป เป็นใครจะไม่อึ้งบ้าง
“ไม่ต้อง ฉันกลับเองได้” เมื่อได้สติ ฉันจึงตอบปฏิเสธเขาไป
“ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่ทำไม่ดีกับเธอแล้วกัน”
“…..”
“ฉันไม่พาเธอไปปล้ำหรอกน่า เห็นเป็นแบบนี้ ฉันก็เลือกเหมือนกันนะ”
“เอ่อ…” มันรู้สึกจุกแต่กลับพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินประโยคนั้น ถึงแม้อยากจะด่าเขากลับมากแค่ไหน แต่พอได้เห็นสายตาเย็นชา ฉันก็เลือกที่จะหุบปากแล้วยอมนั่งเงียบๆ แต่โดยดี
“แล้วมึงล่ะไดมอนด์ จะไปกับกูไหม?”
“ไม่อ่ะ กูว่าจะกลับบ้านเลย” ไดมอนด์ตอบกลับ
“โอเค เดี๋ยวกูไปส่งคนเดียวก็ได้” พูดจบแผ่นดินก็เดินนำออกไป จะเหลือก็แต่ฉันกับไดมอนด์ที่นั่งอยู่ด้วยกันสองคน
“…..”
“จะมัวนั่งนิ่งทำไม ตามมันไปสิ”
“…..” ฉันยกมือเกาหัวด้วยความงุนงง เพราะไม่รู้ว่าไปตอบตกลงอะไรตอนไหน จะมีก็แต่พวกเขาทั้งสองที่พูดเองเออเอง โดยไม่ถามความคิดเห็นของฉันสักคำ
“รถไอ้ดินมันจอดอยู่ตรงนู้น ส่วนที่เธอนั่งอยู่มันรถฉัน”
“…..”
“หรืออยากจะให้ฉันไปส่งแทนไอ้ดิน?” ไดมอนด์เอ่ย พลางขยับใบหน้าเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ มันใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดอยู่บนต้นคอของฉัน
“ไม่เป็นไร” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายแล้ววิ่งตามแผ่นดินออกมา
“…..”
ในระหว่างทางกลับบ้าน เราสองคนแทบจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยด้วยซ้ำ จะมีก็แต่เสียงเพลงสากลภายในรถที่ดังกลบเกลื่อนบรรยากาศที่แสนอึดอัดนี่ ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่ยอมให้เขามาส่ง
เอี๊ยดดดด แผ่นดินเหยียบเบรคกระทันหัน เมื่อมีรถอีกคนเลี้ยวเข้ามาตัดหน้าในระยะประชันชิด จนทำให้หน้าผากของฉันกระแทกเข้ากับคอนโซลรถอย่างแรงแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
“อ๊ะ!” ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พลางเอามือน้อยๆ ลูบไปที่หน้าผากของตัวเอง ก่อนจะเห็นว่ามันปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด นี่มันวันซวยอะไรของฉัน ทำไมถึงมีเรื่องให้ได้เจ็บตัวอยู่ตลอดทั้งวันแบบนี้!
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
“หัวกระแทกนิดหน่อยน่ะ”
“ไอ้เวรนี่ขับรถภาษาอะไรวะ!” เขาร้องโวยวายทันทีที่ฉันพูดจบ
“…..”
“นั่งรออยู่บนรถ อย่าไปไหน เดี๋ยวฉันมา!” ไม่พูดเปล่าแต่เขายังหยิบไม้เบสบอลที่วางอยู่เบาะหลัง แล้วตั้งท่าจะเดินลงจากรถไป
“แล้วนายจะไปไหน?”
“ไปกระทืบไอ้เวรนั่นไง!”
หมับ! ฉันรีบคว้าชายเสื้อของเขาไว้แน่นในขณะที่แผ่นดินกำลังจะวิ่งออกไป เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ถ้าเกิดว่ามีเรื่องชกต่อยกันกลางถนน แล้วใครจะไปคิดว่าท่าทางนิ่งเงียบแบบเขาจะมีอารมณ์ร้ายแบบนี้
“นายจะไปส่งฉันที่บ้านไม่ใช่หรอ รีบไปกันเถอะ”
“ไม่เห็นหรือไง ว่ามันขับรถกวนส้นตีนขนาดไหน!” แผ่นดินเอามือเสยผมด้วยสีหน้าหงุดหงิด เมื่อฉันเอาแต่จับเสื้อของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
“อย่ามีเรื่องกันเลยนะ กลับบ้านกันเถอะ”
“…..”
“นะแผ่นดิน ฉันอยากกลับบ้าน” ฉันมองคนตรงหน้าพลางทำสีหน้าให้ดูน่าสงสารที่สุด ที่พูดไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเขา แต่เป็นเพราะห่วงตัวเองมากกว่า ไม่อยากต้องมาถูกลูกหลงในสภาพแบบนี้
“เป็นเพราะเธอหรอกนะ ฉันเลยไม่เอาเลือดหัวมันออก”
“…..” ฉันได้แต่ยิ้มแห้งเมื่อเห็นว่าเขายอมฟังคำพูดของฉันแต่โดยดี
“หัวปูดขนาดนี้ เจ็บมากไหมเนี่ย?” เขาหันมาถาม พลางเลื่อนมือมาแตะที่หน้าผากของฉันเบาๆ
“แผลแค่นี้ไกลหัวใจตั้งเยอะ”
“ตัวเล็กนิดเดียวอย่ามาทำเป็นเก่งไปหน่อยเลย”
“ฉันน่ะทนกว่าที่นายคิดนะ เจ็บแค่นี้สบายมาก”
“…..” ดวงตาคู่คมไล่สำรวจมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าคล้ายกับกำลังคิดอะไรบางอย่างเมื่อฉันพูดจบประโยคนั้น หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไปงั้นหรอ
“มองทำไม?”
“ฉันก็อยากลองดูเหมือนกัน ว่าตัวแค่นี้จะทนเจ็บได้อย่างที่พูดจริงๆ หรือเปล่า”
“นายหมายถึงอะไร?” ฉันถามกลับด้วยความไม่เข้าใจเมื่อเห็นสายตาของเขา เพราะบางทีเราสองคนอาจจะคุยกันคนละเรื่องอยู่หรือเปล่า
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็พูดของฉันไปเรื่อย”
“…..”
“จอดตรงนี้แหละ” ฉันชี้มือบอกคนข้างๆ เมื่อรถบีเอ็มคันหรูของแผ่นดินเคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านแบบพอดิบพอดี
“นี่บ้านเธอหรอ?” เขาถามกลับ ก่อนจะมองเข้าไปในตัวบ้านคล้ายกับมองหาใครบางคน
“อืม”
“แล้วไอ้พระรามอยู่ไหม?”
“ไม่อยู่”
“…..”
“ขอบใจนะที่มาส่ง” ฉันพูดพลางเก็บข้าวของใส่กระเป๋าให้เข้าที่ แล้วเปิดประตูลงจากรถมา แต่แล้วก็ต้องหยุดเดินกระทันหัน เมื่อได้ยินเสียงของเขาที่ตะโกนตามหลังมา
“เดี๋ยว!”
“อะไร?”
“ขอเบอร์หน่อยสิ”
“ห๊ะ?” ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆ เขา เพื่ออยากได้ยินประโยคเมื่อกี้ให้ชัดเจน เพราะบางทีฉันอาจจะหูฝาดไปเอง
“พอดีว่าชอบ อยากจะจีบ” แผ่นดินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แววตาของเขามันไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาทั้งนั้น
“นายพูดอะไรของนาย?” ฉันทวนถามด้วยความไม่แน่ใจ เพราะบางทีเขาอาจจะยังเมาไม่สร่างหรือไม่ก็หลงๆ ลืมๆ พูดมันออกมาแบบไม่มีสติ ผู้ชายท่าทางนิ่งๆ เฉยชาแบบเขาเนี่ยนะจะมาจีบคนกะโปโลอย่างฉัน
“พูดจริง ฉันกำลังจะจีบเธอ”
“…..” เขาพูดตอกย้ำคล้ายกับรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ แน่นอนว่าคำพูดของแผ่นดิน ทำเอาฉันช็อคไปชั่วขณะ เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน แล้วก็ไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนจีบด้วย
“ฉันรู้ว่ามันเร็วเกินไป เธอยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้”
“…..”
“เอาไว้พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันมารับ”
“ไม่…”
“ห้ามปฏิเสธ แล้วก็อย่าคิดหนี” ยังไม่ทันที่จะได้ตอบปฏิเสธ เขาก็พูเแทรกขึ้นเสียก่อน พลางจ้องหน้าฉันนิ่ง
“บ้านเธออยู่ใกล้แค่นี้ ยังไงก็หนีฉันไม่พ้นหรอก!”
“…..” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น เมื่อได้บังเอิญไปสบตากับเขาแบบไม่ได้ตั้งใจ คนอย่างแผ่นดินน่ะหรอที่จะมาชอบฉัน
ตึก ตัก ตึก ตัก ฉันกระสับกระส่ายหันซ้ายหันขวาอยู่บนเตียงนอนไปมาเพราะรู้สึกว่านอนไม่หลับ คำพูดของแผ่นดินมันยังคอยวนเข้ามาในความคิดตลอดเวลานานหลายชั่วโมง ไม่ว่าจะทำยังไง ฉันก็เลิกคิดมันไม่ได้อยู่ดี หรือว่าบางที เขาอาจจะพูดเล่นๆ ไม่ได้จริงจัง คงจะมีก็แต่ฉันที่คิดมากไปเอง
เช้าวันต่อมา…
ปึง! ปึง! นี่ไม่ใช่เสียงเคาะประตูแต่อย่างใด แต่มันเป็นเสียงทุบประตูของพี่พระราม ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเขากลับมานอนที่บ้านตั้งแต่ตอนไหน
“ยัยพาย ยัยพาย เสร็จหรือยัง!?” เสียงพี่ชายตะโกนเข้ามา ในขณะที่ฉันกำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก
“เสร็จแล้ว รอแป๊บนึง”
“เดี๋ยวพี่ลงไปรอที่รถนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ”
“เดี๋ยวพายรีบตามไป” ฉันรีบเก็บของใส่กระเป๋าอย่างลนลาน ก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดอย่างไม่คิดชีวิต เพราะถ้าไปช้าอาจจะโดนบ่นจนหูชา ขืนไม่มีใครไปรับไปส่งที่มหาลัยก็แย่น่ะสิ
“แผ่นดิน!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อลงบันไดมาแล้วเห็นแผ่นดินกับพี่พระรามยืนประจันหน้ากันอยู่
“นะ…นายเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง?”
“ประตูบ้านเธอไม่ได้ล็อก ฉันเลยเดินเข้ามา” แผ่นดินตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมกับหันมายิ้มให้ฉัน โดยไม่สนสายตาของพี่พระรามที่ยืนจ้องเขม็งอยู่
“มึงมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยไป!”
“…..”
“ใจเย็นๆ ก่อนพี่ราม” ฉันรีบวิ่งไปขวางหน้าพี่ชายเอาไว้ เมื่อเห็นว่าพระรามเดินเข้าหาแผ่นดินด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“นี่มันอะไรกันพาย แกไปสนิทสนมกับมันตั้งแต่ตอนไหน?”
“พายไม่ได้…”
“กูแค่มารับพายไปมหาลัย ไม่ได้จะมาหาเรื่อง” แผ่นดินพูดแทรกขึ้น ด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรแต่อย่างใด
“อย่ามายุ่งกับน้องกู!” สิ้นประโยคนั้น พี่รามจึงปรี่ตัวเข้าไปกระชากคอเสื้อของแผ่นดินอย่างแรง
“ก็กูจะยุ่ง แล้วมึงจะทำไม!?” แผ่นดินกระซิบตอบกลับ พร้อมกับสะบัดตัวออกจากพี่พระราม
“ไอ้แผ่นดิน!”
พรึ่บ! เพล้ง! มือหนาของพี่ชายเอื้อมไปคว้าสิ่งของที่วางอยู่แถวนั้น ก่อนจะฟาดเข้าไปที่ศีรษะของแผ่นดินอย่างแรงแบบไม่ลังเล แน่นอนว่าการของคนตรงหน้า ทำเอาหัวใจของฉันแทบจะหยุดเต้น
“พี่ราม!”
