ตอนที่5 กระตุ้น
“ฉันต้องไปหาพี่รหัสที่ห้อง 010911 เดี๋ยวถ้าแกส่งงานเสร็จตามฉันไปที่ห้องนั้นนะ” นิสาพูดกับเพื่อนตัวเองก่อนจะถือกระเป๋าออกจากห้องไปทันที
พริมาได้แต่พยักหน้ารับก่อนจะเขียนรายงานของตัวเองที่ใกล้จะเสร็จแล้วต่อ เขียนเสร็จก็เอาไปส่งไว้กับหัวหน้าห้องแล้วเก็บกระเป๋าตามเพื่อนไปที่ชั้นบนตามที่นิสาได้บอกไว้เพราะวันนี้พวกเธอมีนัดกันไปเดินเล่นหลังเลิกเรียนทำให้เธอไม่ได้แยกกลับห้องพักก่อน
และแม้ว่าพวกเธอจะอยู่ปีหนึ่งแต่มหาลัยที่เธอเรียนไม่ได้บังคับการอยู่หอใน อาจเพราะเป็นมหาลัยเอกชนทำให้การเรียนใช้ชีวิตที่นี่ค่อนข้างอิสระทั้งการเรียนการแต่งตัว และเพื่อความปลอดภัยของเธอนั่นทำให้ครอบครัวได้ซื้อคอนโดขนาดสองห้องนอนให้พักอาศัยและจะได้สะดวกหากครอบครัวขึ้นมาหาที่นี่ด้วยนั่นเอง
พริมาขึ้นมาถึงชั้นเก้าก่อนจะเดินไปยังห้องที่นิสาได้บอกไว้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้วบวกกับเป็นวันศุกร์ด้วยหรือเปล่าเลยทำให้นักศึกษาในตึกค่อนข้างน้อยและเงียบ ยิ่งขึ้นมาชั้นสูงขนาดนี้ยิ่งเงียบจนดูน่ากลัว
แต่หลังจากพริมาเดินเข้ามาใกล้ห้องเรื่อยๆ ก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันดังแว่วออกมาจากห้องและเป็นเสียงของผู้ชาย ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดอะไรเพราะคณะที่เธอเรียนมีชายหญิงเรียนคละกันเป็นเรื่องปกติ ห้องเธอรวมถึงห้องรุ่นพี่ของพวกเธอทุกห้องก็มีชายหญิงด้วยกันทั้งนั้น เธอจึงเดินต่อไปจนถึงหน้าห้องเพื่อจะไปนั่งรอบนที่นั่งปูนตามชานห้อง
“!” แต่เมื่อถึงหน้าห้องเธอก็ชะงักทันทีกับภาพที่เห็นตรงหน้า ภาพภายในห้องที่มีรุ่นพี่อยู่ในนั้นประมาณสี่ห้าคนเท่านั้นและเป็นผู้ชายทั้งหมด
ที่สำคัญกว่านั้นพวกเขาก็คือรุ่นพี่ปีสี่ไม่ใช่รุ่นพี่ปีสอง รุ่นพี่ที่เธอไม่กล้าเผชิญหน้าด้วยเลยตั้งแต่เปิดเทอม
“เปลี่ยนใจชอบพี่แทนได้นะ” เมื่อพวกเขาหันมาเห็นเธออาจเพราะจากเสียงรองเท้าของเธอก็หันมามองเป็นตาเดียว และก็เป็นชวดลที่รีบลุกและเดินออกมาจากห้องเป็นคนแรกแล้วพูดกับพริมาขึ้น
“เอ่อ...” พริมาได้ยินแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงพร้อมกับรู้ตัวทันทีว่าถูกเพื่อนสนิทเล่นเข้าให้แล้ว ท่าทางวันนั้นที่เพื่อนสนิทบอกจะจัดให้พร้อมหน้าตาไม่น่าไว้ใจนั่นเธอก็ไม่ไว้ใจเลยสักนิด แต่ไม่คิดว่าเพื่อนเธอจะทำอะไรแผลงๆ กับเธอได้ขนาดนี้
“ไหนว่ามีเรื่องจะคุยกับพี่ครับ” พริมากำลังหมุนตัวจะหนีสถานการณ์ที่ทำตัวไม่ถูกแต่แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจนทำให้ชะงักอยู่กับที่ราวกับถูกสาป เสียงที่เธอจำได้ตั้งแต่วันแรกที่เขาพูดกับเธอไม่เคยลืม
“.....” หัวใจพริมาเต้นโครมครามอย่างหนัก เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาแล้วก็ว่าได้ ยิ่งเต้นแรงขึ้นตอนที่เธอเห็นปลายรองเท้าผ้าใบสีดำคู่หนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ ปลายรองเท้าของเจ้าของเสียงที่พูดกับเธอก่อนหน้านี้
เหตุการณ์แบบนี้มันทำให้เธอย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้เจอกับเขา ตอนที่เธอกำลังหนีการคัดเลือกแล้วไปชนกับเขาเข้า ตอนนั้นเธอกับเขาก็ยืนอยู่ต่อหน้ากันแบบนี้ หัวใจเธอเต้นแรงแบบนี้ แต่ต่างกันออกไปที่ตอนนั้นที่มองหน้าเขาได้ แม้จะมองด้วยความนิ่งอึ้งก็ตาม มองอย่างที่ตอนนี้ไม่กล้ามองเลย
“เพื่อนน้องบอกให้พี่รอเพราะน้องมีเรื่องจะคุยกับพี่” เทวินทร์พูดสิ่งที่เขายอมรอออกไป สิ่งที่เพื่อนของรุ่นน้องตรงหน้าหนีเพื่อนตัวเองวิ่งมาหาเขาแล้วถามวิชาเรียนคาบสุดท้ายของเขาที่หมดคาบพร้อมกับพวกเธอ นั่นเลยทำให้เธอขอให้เขารออยู่ที่นี่เพราะเพื่อนของเธอมีอะไรจะคุยด้วย
เขาคิดไว้อยู่แล้วว่ารุ่นน้องสาวตรงหน้าคงไม่รู้เรื่องอะไร แต่เพราะอยากรู้ว่าเธอจะกล้าพูดในสิ่งที่เพื่อนเธอบอกเขาหรือเปล่าและเขาก็อยากดูท่าทีของเธอด้วย นั่นทำให้เขาเลือกจะนั่งอยู่ที่นี่กับเพื่อนของเขาแม้ว่าอาจารย์จะปล่อยจนเพื่อนไปกันหมดแล้วก็ตาม
“มีอะไรก็พูดมาสิครับ” เทวินทร์ที่มองคนขี้กลัวก้มหน้างุดก้าวเข้าหาเธออีกหนึ่งก้าวพร้อมกับเธอที่ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวราวกับหวาดกลัวเขามาก
หมับ!
“อ๊ะ!” เสียงร้องดังขึ้นเบาๆ จนรู้สึกจั๊กจี้หลังจากร่างบางที่ถอยไปด้านหลังเพื่อหนีแต่ต้นแขนของเธอถูกจับไว้ทั้งสองข้างจากชวดลที่ก้าวเข้ามาจับดันเธอไว้ไม่ให้ถอยแล้วพูดขึ้น
“เพื่อนพี่คนนี้มันชอบกินเนื้อสด ถ้าน้องเปลี่ยนใจมาชอบพี่เดี๋ยวพี่พาไปจากตรงนี้เอง” ความเจ้าเล่ห์ของมันปรากฏออกมาทันที ส่วนคำว่าชอบกินเนื้อสดก็เป็นอันรู้กันดีว่าหมายถึงอะไร
“มึงเลิกแกล้งน้องเขาได้แล้ว ไป!” กวินทร์เห็นร่างบางที่ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ตอนนี้ได้แต่เอ่ยขึ้นแล้วดึงเสื้อชวดลพาเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนทำให้ตอนนี้เหลือเพียงเทวินทร์และพริมา
“จะพูดไหม ถ้าไม่พี่จะไป” เทวินทร์ยังเห็นเธอเงียบและเอาแต่ก้มหน้าเขาก็พูดขึ้นอย่างรู้สึกเบื่อเล็กน้อยเพราะเขาไม่ค่อยชอบผู้หญิงขี้อายมากๆ แบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าเธอสวยถูกใจเขาก็คงไม่ยืนพูดคนเดียวกับเธออยู่แบบนี้
แต่ต่อให้สวยแล้วเอาแต่เงียบหลบหน้าหลบตาทั้งที่เผชิญหน้ากันหลายนาทีแล้วก็ใช่ว่าจะเป็นข้อยกเว้นให้เขาใจเย็นได้ เมื่อเขาพูดจบและเห็นว่าเธอยังไม่กล้าพูดอะไรสุดท้ายเทวินทร์ก็เลือกจะหมุนตัวเพื่อเดินตามเพื่อนของเขาไปจากตรงนี้
และการกระทำนี้ก็เหมือนได้ไปกระตุ้นหญิงสาวให้รวบรวมความกล้าให้ตัวเองอย่างไม่อยากเสียดายทีหลัง เมื่อเธอเห็นปลายเท้าเปลี่ยนทิศทางก็รู้ว่าเขากำลังหมุนตัวเดินออกไปจากเธอ นั่นทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมามองแผ่นหลังกว้างของคนที่อยู่ในชุดนักศึกษาแต่กลับยังดูดี ดูดีแม้กระทั่งแผ่นหลัง
แม้จะไม่เคยทำแบบนี้ แม้จะกลัวและเขินอายแค่ไหน แต่มาถึงขนาดนี้แล้วเธอก็ไม่อยากปล่อยให้ทุกอย่างเสียเปล่าไป และนั่นก็ทำให้เธอพูดในสิ่งที่เขินอายที่สุดออกไปมา
“หนูชอบพี่ค่ะ!”
