บทนำ 3
“มึงก็ดูพ่อกูสิ เผาแม่ยังไม่ทันจะถึงสามเดือนพาผู้หญิงกร้านโลกมาด้วย แถมยังเอาลูกติดมาอยู่ในบ้านยกย่องเป็นคุณหนูอีกคน กูเห็นแล้วอยากอ้วกใส่หน้า ใครอยากนับญาติด้วยวะ” ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม หยิบแก้วน้ำมาดื่มจนหมดแล้วถอนหายใจเสียงดังระบายความหงุดหงิด
“อีกไม่นานมึงก็ไปเรียนต่อ ไม่ได้เห็นแล้ว” บอกตามที่คิด
เขาวางแผนไปเรียนปริญญาตรีที่ต่างประเทศนานแล้ว ขณะที่กิตติกรไม่ใคร่จะสนใจเท่าไหร่ เพิ่งอยากไปเพราะแฟนสาวก็ไปเช่นเดียวกัน ช่วงนี้ถึงได้วิ่งวุ่นหาเอกสารประกอบการสมัครและพยายามใช้เส้นสายเท่าที่มีเดินเรื่อง
“นั่นแหละที่กูกลัว ถ้าเกิดกูไปเรียนต่อที่เมกาพ่อจะไม่ถูกปอกลอกจนหมดตัวเหรอ”
“พ่อมึงโง่หรือไง เขาฉลาดพอ...ไม่ต้องห่วงหรอก มึงห่วงตัวเองดีกว่าว่าจะสอบติดหรือเปล่า” คนฟังถึงกับหน้าหงอยอย่างเห็นได้ชัด จากอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อครู่โดนเพื่อนสนิทปราบอยู่หมัด เอนกายพิงพนักเก้าอี้แล้วแหงนหน้ามองฟ้า พอจะรู้ตัวดีว่าตนเองไม่ใช่คนเก่งเท่าไหร่นัก ไม่รู้ว่าจะสอบติดหรือเปล่า
“มันไม่มีสมาธิอ่านหนังสือนี่หว่า อีกอย่างกูก็ไม่ได้เก่งจนเข้าไอวีลีกได้เหมือนมึง ของกูมหา’ลัยไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ” พูดอย่างปลงตก ไม่ต้องเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกก็ได้ขอเพียงได้ไปอยู่ใกล้แฟนสาวก็เพียงพอแล้ว
“อ่านบ้างเถอะ ให้มันมีความรู้ในสมอง” โดนเพื่อนเบรกจนต้องยิ้มเฝื่อน
“ครับคุณชาย” นั่งคุยกันสักพักก็แยกย้าย กิตติกรไปหาแฟนสาวขณะที่เขาเองก็โทรคุยกับแฟนสองสามประโยคค่อยวาง
ชายหนุ่มขึ้นไปบนห้องเพื่ออ่านหนังสือยามว่าง หน้าต่างถูกเปิดไว้เขาจึงเดินมายืนรับลม สายตาเหลือบไปเห็นเด็กหญิงที่นั่งแกว่งชิงช้าเพียงลำพัง บรรยากาศรอบตัวดูเหงาเสียเหลือเกิน
มือหนาเลือกปิดม่านแล้วกลับมาอ่านหนังสือ ลมพัดผ่านเข้ามาในห้อง กลิ่นดอกมะลิที่เพิ่งผลิบานโชยเข้ามา เริ่มรู้สึกง่วงจึงล้มตัวลงนอนบนเตียง ชีวิตแสนสงบของเขากำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว
หลังจากวันนั้นก็มักมีเด็กหญิงคนหนึ่งมุดรั้วเข้ามาเล่นกับเจ้าแจ็คกี้ โดยที่เขาไม่รู้ว่าไปผูกสัมพันธ์กันตอนไหน เมื่อสัปดาห์ก่อนยังดูเหมือนหวาดกลัว แต่ตอนนี้วิ่งไล่กันสนุกสนาน คนที่หม่นหมองคราวนั้นหายไปไหนแล้ว
“แจ็คกี้ๆ กินไหม อร่อยนะ” ลอบเข้ามาบ้านรั้วติดกันก่อนยื่นเนื้อปลาสีขาวให้แก่เจ้าสี่ขา ซึ่งมันก็แค่เข้ามาดมแต่ก็เมินทันที ร่างสูงที่ถือหนังสือลงมาจากบนห้องหมายจะอ่านเล่นที่สวนก็ชะงัก แอบมองดวงหน้าหวานที่หม่นลง
“ไม่กินเหรอ...” เธอพึมพำเสียงเบาแล้วพยายามยื่นอาหารไปใกล้ปากแจ็คกี้ แต่ยังคงโดนมันเมินเหมือนเดิม
ทัพพ์เห็นอย่างนั้นก็เดินเข้าไปเอาขนมแท่งโปรดของเจ้าโกลเด้นมาจากในบ้าน เรียกมันด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เพียงได้ยินก็ทำให้สุนัขขี้เล่นรีบวิ่งเข้ามาหาเจ้าของ แสดงความจงรักภักดีอย่างยิ่งเพราะเห็นถุงขนมของตัวเอง
“แจ็คกี้”
“แฮะๆ” หนูน้อยมองตามเสียงแล้วเห็นว่าสัตว์ที่ตนพยายามผูกไมตรีด้วยวิ่งหนีไปไม่เหลียวกลับมามอง แถมมันยังกินอาหารจากคนอื่นอย่างเอร็ดอร่อยอีกต่างหาก นึกน้อยใจแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนัก มองตามร่างสูงที่เดินมานั่งยังเก้าอี้ที่วางของว่างไว้เรียบร้อย
เพียงแค่เขาเอ่ยปากว่าจะมาอ่านหนังสือที่นี่ แม่บ้านก็เตรียมทุกอย่างเอาไว้เพื่อคุณหนูคนเดียวของบ้านไม่ขาดตกบกพร่อง
ความเงียบของเขาไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มดูน่ากลัวสักนิด กลับดึงดูดหนูน้อยให้เดินเข้ามาหาด้วยความสนใจ เมียงมองเขาไม่กล้าพูดอะไร เลือกจะยืนอยู่ห่างๆ แล้วประสานมือไว้หน้าขา คล้ายกำลังตัดสินใจว่าควรเข้าไปหาหรือกลับบ้านของตัวเอง
แต่ยังอยากเล่นกับเจ้าแจ็คกี้นี่น่า...
“พี่อ่านหนังสือเหรอคะ” ชวนคุยอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ใช่” เขาตอบเสียงเรียบ ดวงตาจดจ้องตัวอักษรตรงหน้าไปเรื่อย จนเสียงของเธอเงียบจึงได้ละสายตาขึ้นมามองคนตรงข้าม เห็นคนอายุน้อยกว่าจ้องมองขนมบนจานพลางลอบกลืนน้ำลาย เขาอดขำไม่ได้แต่ยังตีหน้านิ่ง
“กินขนมสิ” เลื่อนจานไปใกล้เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่ว่าง เธอได้ยินอย่างนั้นก็รีบเดินมาหาเขา กำลังจะหยิบขนมมากินแต่ก็ชะงัก
“ขอบคุณค่ะ” ยกมือไหว้ค่อยนั่งลงตรงข้ามเขา เริ่มหยิบขนมมากินด้วยความหิว พอรู้ว่าอร่อยก็กินเยอะกว่าเดิม ยิ้มกว้างแสดงถึงความสุขยามได้กิน ขนมล้นจานที่แม่บ้านจัดมาให้เขาหมดลงภายในเวลาอันรวดเร็ว
ร่างสูงเงยหน้ามองหนูน้อยที่ยิ้มแผละ รู้สึกผิดที่แย่งอีกฝ่ายกินจนหมดแต่เขาก็ไม่ได้ดุหรือพูดอะไรให้เธอเสียใจ
“พี่จะไปไหน” ท้วงถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกจากเก้าอี้
“อ่านหนังสือจบแล้วจะเข้าบ้าน” ตอบตามจริง ชายหนุ่มไม่รู้จะนั่งอยู่ตรงนี้ไปทำไมเพราะตนไม่ใช่คนชวนคุยเก่งหรือชอบเล่นกับเด็ก
“หนูมาเล่นด้วยได้ไหม” ทอดเสียงถามพลางช้อนตามองเขาด้วยความหวัง คนที่บ้านหลังนั้นไม่ต้อนรับเธอเลยสักคน มีเพียงเจ้าแจ็คกี้ที่อยู่เป็นเพื่อน และพี่ชายตรงหน้าแสนใจดีที่แบ่งขนมให้กิน ดวงตากลมจึงเปี่ยมความหวังหลังถามจบ
“ตามใจสิ...ถ้าเจอก็มา” คิดสักพักแล้วตอบ สร้างความดีใจให้เธอเป็นอย่างมาก
“ค่ะ” ตอบรับเสียงใสแล้ววิ่งกลับบ้านโดยใช้ช่องทางขนาดเล็กมุดออกไป เขามองตามแล้วก็อดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ แต่แล้วปากหยักที่ยกขึ้นกลับมาเรียบเป็นเส้นตรง พึมพำกับตัวเองเสียงเบา
“แต่เราคงไม่ได้เจอกันอีกนาน...”
อีกไม่นานเขาก็จะไปต่างประเทศแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลับไทยเมื่อไหร่...
