บท
ตั้งค่า

บทนำ 2

“ไปอ่านหนังสือ” เดินขึ้นบันไดเข้าห้องของตัวเอง เล่นเอาคุณชนจันทร์เผยอปากค้าง ขัดใจกับนิสัยของทัพพ์เสียเหลือเกิน ไม่มีอะไรได้ดั่งใจคนเป็นแม่บ้างเลย

“ลูกชายของคุณมีอารมณ์กับเขาบ้างหรือเปล่า แต่ละวันทำหน้าตายไม่พูดจา ฉันล่ะอยากมีลูกผู้หญิงสักคนไว้คอยพูดจาปราศรัยด้วย นี่อะไรได้ลูกเป็นเจ้าชายเย็นชา ไม่ได้ดั่งใจเอาซะเลย” นึกแล้วก็หงุดหงิดจนไล่ให้แม่บ้านออกไปเพราะต้องการพูดเรื่องส่วนตัวกับสามีเพียงสองคน

“อ้าว คุณมาโวยกับผมได้ยังไง ไปบอกเจ้าทัพพ์มันสิ” รีบโยนให้ลูกชายเพราะไม่อยากรับฟังคำบ่น คุณชนจันทร์ถอนหายใจเสียงดังแล้วเหลือบมองคนที่นั่งกึ่งนอนอ่านนิตยสารเศรษฐกิจโลกก็ขัดใจมากกว่าเดิม

เหมือนว่าการรวมตัวกันของครอบครัวจะจบลงแล้ว จึงลุกยืนพลางเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

“เฮ้อ อารมณ์เสีย ไปหาเพื่อนดีกว่า” สองพ่อลูกนิสัยเหมือนกันไม่มีผิด อยากพูดคุยอะไรด้วยก็นิ่งแข็งเป็นหิน เอาเรื่องทั้งหมดไปพูดกับเพื่อนดีกว่า

“บ้านค่อยสงบขึ้นหน่อย” พอภรรยาออกจากบ้านก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที ลุกไปเดินชมต้นกล้วยไม้ในโรงเรือนแล้วฮัมเพลงมีความสุข ขณะที่บ้านข้างกันทะเลาะเสียงดังไม่หยุด พร้อมด้วยเสียงโครมครามที่ตามมาจนต้องหนีเข้าบ้าน

คนที่อ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็หยิบหูฟังมาใส่ เปิดเพลงโมสาร์ทเพิ่มสมาธิแล้วจดจ่อกับตัวอักษรตรงหน้า

ผ่านไปกว่าสองสัปดาห์ที่เขาเพิ่งสอบเสร็จ เอกสารต่างๆ ถูกเตรียมไว้หมดแล้ว เขามีความปรารถนาแรงกล้าที่จะเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ปีก่อนที่เข้างานสังคมกับมารดา ทำกิจกรรมเพื่อสังคมก็เพราะต้องการเก็บเป็นประวัติสมัครเข้าเรียน

วันนี้จึงเป็นวันว่างของเขาได้มีโอกาสมานั่งเล่นที่สวน มีน้ำเย็นและขนมวางไว้ตรงหน้า หยิบนิตยสารธุรกิจมานั่งอ่านเล่น พร้อมกับมองสุนัขสายพันธ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์วิ่งเล่นไปมาในสวน อมยิ้มเล็กน้อยยามมันวิ่งไล่จับผีเสื้อจนชนต้นไม้ตามความเด๋อของมันเอง

เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำมาดื่มคลายร้อน ฤดูหนาวผ่านไปรวดเร็ว ทิ้งเพียงความเสียดายเอาไว้ที่ต้องลาจากมัน ทว่าสำหรับเขาแล้วไม่ได้เสียดายมากเท่าไหร่ อย่างไรก็นั่งในห้องแอร์ไม่ค่อยออกไปข้างนอก หรืออย่างมากก็ออกแค่ประเดี๋ยวประด๋าว อย่างตอนนี้ที่ได้มารับลมธรรมชาติ นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ในเขตรั้วบ้าน

ก็มีความสุขไปอีกแบบ...

“เอามานะ เอาบันบันมานะ” เสียงร้องตะโกนดังเข้ามาใกล้ เขาเงยหน้ามองหาเจ้าของเสียงกลับไม่พบ แม้แต่สุนัขของตนก็หายไปเช่นเดียวกัน

จนกระทั่งหันไปเห็นรูเล็กที่ถูกคลุมไว้ด้วยเถาวัลย์พังเพราะเจ้าโกลเด้นตัวโตมุดจนไปหาบ้านข้างเคียง พร้อมคาบสิ่งของบางอย่างเอาไว้ในปาก คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันทีแต่ยังไม่ยอมลุก เลือกนั่งนิ่งมองสถานการณ์

มันวิ่งเล่นไปทั่วขณะที่เจ้าของเสียงคลานผ่านรูเล็กเข้ามา เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเด็กหญิงเต็มตาและพอจะทราบว่าหล่อนคือใคร...

ลูกติดของแม่เลี้ยงเพื่อนเขานั่นเอง

เจ้าตัวใส่ชุดทะมัดทะแมงเสื้อยืดสีขาวทับด้วยเอี๊ยม เปียผมสองข้างและหน้าตาที่มอมแมมเหมือนไปคลุกดินคลุกฝุ่น ขนาดจับมาขัดสีฉวีวรรณก็ยังไม่มีเค้าความเป็นคุณหนูของบ้านเศวตวิกรเลยสักนิด เขานึกสงสัยว่าผู้หญิงที่คุณอาเลือกมาเคียงข้างจะสวยแค่ไหน

แต่ถ้าดูจากลูกแล้ว คิดว่าแม่ก็คงไม่ได้สวยสักเท่าไหร่หรอก

“แจ็คกี้!” เรียกสุนัขตัวโปรดเสียงดัง มันได้ยินก็วิ่งมาหาเจ้านายพร้อมคาบตุ๊กตาเอาไว้ เด็กหญิงเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“แฮ่กๆๆ”

แววตาเด็กหญิงน่าสงสารจนเขานึกเห็นใจ หยิบตุ๊กตาออกจากปากของเจ้าแจ็คกี้พลางมองหล่อนที่ค่อนขยับเข้ามาใกล้ ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาคลอเบ้าเหมือนสุนัขถูกทิ้งที่หวาดกลัวสิ่งรอบกาย จนคนมองนึกเอ็นดูเผลอยกยิ้มมุมปาก

“มาเอาไปสิ” ยื่นตุ๊กตาที่ไม่น่าพิสมัยไปตรงหน้าเธอ ดวงหน้ากลมเงยมองเขา ยังคงยืนนิ่งคล้ายตัดสินใจบางอย่าง ค่อยกระเถิบเข้าใกล้เขาแล้วยื่นมือไปรับตุ๊กตาตัวนั้นเอาไว้ ยกมือไหว้พลางเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง

“ขอบคุณค่ะ”

มองตุ๊กตาที่บิดาเป็นคนมอบให้ตัวเองแล้วกอดเอาไว้ไม่นึกรังเกียจว่ามันจะสกปรกมากแค่ไหน พ่อของเธอจากไปและมันกลายเป็นตัวแทนของท่าน

ชายหนุ่มจ้องภาพตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ เหตุใดหล่อนจึงรักตุ๊กตาที่ดูสกปรกยิ่งนัก ทว่าการถามไถ่ทั้งที่เพิ่งพบหน้าไม่ใช่วิสัยของเขาจึงปล่อยผ่าน หมายจะยกเครื่องดื่มและขนมให้เธอเป็นการปลอบใจที่สุนัขของตนไปก่อกวนเพื่อนบ้าน

ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยออกไปสักคำ เพื่อนสนิทที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกลับเดินเข้ามาพร้อมตะโกนเสียงดัง จนหนูน้อยสะดุ้งโหยงหันไปมองก่อนกรูถอยมาหลบอยู่ข้างหลังเขา คล้ายจะใช้ทัพพ์เป็นเกราะกำบัง

“มาที่นี่ทำไม!” กิตติกรจ้องมองลูกติดของผู้หญิงกลางคืนด้วยแววตาวาวโรจน์ หลายวันที่ผ่านมาบ้านร้อนราวกับไฟเพราะสองแม่ลูกที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า พอจะมาหาเพื่อนกลับพบเด็กหญิงคนนั้นอยู่กับทัพพ์ จะไม่ให้ตนโมโหได้อย่างไร

“เฮือก หนู มาเอาบัน บันค่ะ” หลบหลังร่างหนาที่ไหล่กว้างจนบังเธอมิด ตอบเสียงสั่นในลำคอจนแทบไม่ได้ยิน มีเพียงคนที่นั่งบนเก้าอี้ซึ่งได้ยินชัดเจน รับรู้ถึงอาการสั่นกลัวของหนูน้อยได้เป็นอย่างดี

“มาทางไหนก็ไสหัวกลับไปทางนั้นเลย ไป!” ตะโกนเสียงดังพร้อมหมายจะเข้ามาลากอีกฝ่ายออกไป แต่เจ้าของบ้านก็รีบยืนพลางคว้าแขนเพื่อนเอาไว้ เด็กหญิงตัวสั่นเงินงกพลางมองทางที่ตัวเองเข้ามา

“ค่ะ ค่ะ” วิ่งไปออกช่องขนาดเล็กที่เพื่อนทั้งสองเคยทำไว้ตอนเด็กจะได้ไปมาหาสู่กันสะดวกไม่ต้องออกทางประตูใหญ่ ทว่าเวลาผ่านไปความเป็นเด็กก็จางหายพร้อมความทรงจำที่เริ่มเลือนราง รูเล็กนั้นจึงถูกปิดเอาไว้ไม่มีใครผ่าน

นอกจากเจ้าแจ็คกี้ที่ชอบมุดไปเล่นบ้านข้างๆ บ่อยครั้ง...

“หยุดเห่าเป็นหมาบ้าสักที รำคาญ” ปล่อยเพื่อนเป็นอิสระเมื่อหญิงสาวหายลับไปแล้ว ค่อยนั่งลงที่เดิมแล้วมองกิตติกรด้วยสายเรียบนิ่ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel