บท
ตั้งค่า

ตอนที่5 แอบซุกใครไว้ในห้อง

ตื๊ดดด ตื๊ดด

“สวัสดีครับ” เสียงหวานอย่างกับผู้หญิงของตะวันดังขึ้นทักทายปลายสายที่โทรเข้ามาอย่างสุภาพตามแบบฉบับของเจ้าตัว

[อยู่ไหน] เสียงเข้มดังมาตาสาย

“อยู่ห้างแถวหอพักครับ พี่วายุมีอะไรรึเปล่า”

[จะกลับตอนไหน]

“น่าจะอีกสักพักครับ”

[รีบกลับ กูจะเข้าไปหาที่ห้อง]

“พี่มีอะไรรึเปล่า คุยในสายก็ได้ครับกว่าผมจะถึงห้อง” เมื่อเห็นว่าอีกคนดูมีธุระจึงเอ่ยออกไปแบบนั้นถ้ารอเจ้าตัวกลับถึงห้องก็คงจะอีกนาน

[ทำไมไม่อยากให้กูไปหา?] เสียงที่ดังอยู่ปลายสายเพิ่มความเข้มของเสียงลงมาอีกอย่างไม่ค่อยพอใจ

“ไม่ใช่ครับ” ตะวันถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ทำไมต้องโทรมาหาเขาวันนี้ด้วยนะ ปกติมีหรือที่วายุจะเป็นคนโทรมาหาเขาแล้วถามอะไรแบบนี้ ยิ่งเป็นเวลาเย็นๆ แบบนี้วายุแทบไม่เคยโทรมาหาเขาด้วยซ้ำ

[หึ! รึซุกใครไว้ที่ห้อง] เสียงที่ดังมาในสายไม่บอกก็รู้ว่าอีกคนอยู่ในอารมณ์ไหน ไม่รู้ว่าอีกคนไปโมโหอะไรให้ใครมาอีก

“เปล่าครับ”

[งั้นมึงก็รีบกลับ! ให้ถึงห้องก่อนหนึ่งทุ่มนะอย่าสาย] บอกอย่างคนเอาแต่ใจก่อนที่จะวางสายไปดื้อๆ ยังไม่ทันที่ตะวันจะได้ตอบรับอะไรออกไป ตะวันได้แต่ส่ายหัวให้กับหน้าจอมือถือที่มืดสนิทลงไปแล้ว คงต้องรีบกลับสินะ

“…......” ตะวันมองมือถืออย่างงงๆ อะไรของเขานี่ก็ผ่านมานี่ก็ผ่านมาได้สักอาทิตย์หนึ่งแล้วหลังจากที่มีข่าวของพี่วายุกับหญิงสาวรุ่นน้องคนนั้น แต่เขาก็ยังไม่กล้าคุยเรื่องที่อยู่ในใจให้คนพี่ฟังเลย เขากลัวอันนี้เขายอมรับแต่ก็คงจะถึงเวลาแล้วล่ะที่จะคุยกันเรื่องนั้น ปล่อยไว้ค้างคาใจนานเขาก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกเพราะตั้งแต่วันนั้นมาพวกเขาสองคนก็ไม่ได้คุย ไม่ได้เจอกันอีกเลยจนมาถึงวันนี้ที่วายุโทรมาหา

19:10 น.

ร่างสูงของวายุเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาดิจิตอลข้างฝาผนังในห้องของตะวันอย่างฉุนเฉียว นี่มันเลยเวลาที่เขาบอกร่างบางไว้แล้วนี่!รึว่าลืม? ก็ไม่น่าใช่เพราะปกติตะวันป็นคนที่ตรงต่อเวลามากหรือว่าจะไปเถลไถลที่ไหนปกติกลับห้องกี่โมงกัน หรือว่าไม่กลับห้องตัวเองแล้วร่างบางไปไหน ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโมโหแต่ก่อนที่จะได้โมโหคิดไปไกลกว่านั้นเสียงประตูก็ดังขึ้นมาก่อน

แอ๊ดดดด

“อ้าว พี่มาถึงนานแล้วหรอครับ” ตะวันเอ่ยถามออกมาพลางก้มหน้ามองเวลาในนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือ ตะวันยืนอยู่หน้าประตูห้องก่อนจะถอดรองเท้าเปลี่ยนมาสวมเป็นสลิปเปอร์คู่โปรดแทน

“สักพัก” เขาไม่อยากบอกร่างบางหรอกนะว่าเขามารอหลังจากวางสายจากคนตรงหน้าน่ะ เอาจริงๆเขาก็ระแวง(?) คนตรงหน้าไม่น้อยว่าจะซุกซ่อนใครไว้ในห้องอย่างที่เขาคิดรึเปล่า เขาเลยแอบมาดูก่อนเพราะตะวันได้ให้กุญแจกับเขาไว้ตั้งแต่คบกันได้ครึ่งปี

“ครับ แล้วนี่พี่ทานข้าวมารึยัง ให้ผมทำอะไรให้ทานก่อนไหม” ตะวันว่าแล้วเดินหอบหิ้วข้าวของที่ซื้อมาผ่านร่างสูงที่นั่งอยู่บนโซฟาไปยังห้องครัว ที่จริงเขามาถึงก่อนเวลาที่ร่างสูงบอกสักพักแล้วล่ะ แต่เขาไม่กล้าเข้าห้อง ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับร่างสูงที่นั่งมองตามเขานิ่งๆอยู่บนโซฟา

“ยัง ทำอะไรง่ายๆมาให้หน่อยละกัน”

“ครับ” ตะวันรับคำอย่างแผ่วเบาก่อนจะลงมือทำอะไรกับข้าวง่ายๆให้ร่างสูงสองสามอย่าง

โดยที่มีแต่ของโปรดของวายุ ส่วนทางด้านของวายุนั้นหันไปมองตะวันอยู่เป็นช่วงๆ เขาไม่ค่อยได้มองดูร่างบางเวลาทำอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่เพราะปกติก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว มีบ้างที่มาค้างมากินข้าวด้วยกันแต่เสร็จแล้วเขาก็ออกไป ปกติตะวันจะพูดคุยกับเขามากกว่านี้ เจ้าตัวคุยไม่เก่งหรอกแต่ก็ถามไถ่เขาตลอด แต่วันนี้มันไม่ใช่ความรู้สึกเขาบอกแบบนั้น ดูเหมือนร่างบางที่อยู่ในครัวจะหลบหน้าเขา!! เขารู้สึกว่าตะวันตีตัวออกห่างจากเขาอย่างเห็นได้ชัด

“มีอะไรให้กินบ้าง” ตะวันไม่รู้ตัวเลยว่าวายุเดินเข้ามาในครัวตั้งแต่ตอนไหนรู้ตัวอีกทีก็มีร่างสูงยืนซ้อนอยู่ข้างหลังเสียแล้ว

“ไก่ทอดเกลือ ผัดผักรวม และไข่ตุ๋นหมูสับครับ”

“ทำไมทำเยอะ มึงก็ยังไม่ทานข้าวมาหรอ?”

“ยังครับ”

“เป็นอะไรรึเปล่า มีเรื่องอะไรจะบอกกูไหม?” เมื่อเห็นท่าทีของคนร่างบางวายุก็ถามเสียงเข้มขึ้นอีกเท่าตัว ทำไมเขาจะดูไม่ออกไอ้ท่าทีนิ่งเฉยแบบนี้ ดูก็รู้ว่ามีเรื่องจะคุยกับเขาแต่เจ้าตัวยังไม่ยอมพูดออกมา คอยดูเถอะถ้าพูดอะไรออกมาไม่ถูกใจเขาเจ้าตัวจะโดนอะไรบ้าง หึ!

“ไม่มีครับ พี่วายุออกไปรอที่โซฟาเถอะอีกสักหน่อยก็เสร็จแล้วเดี๋ยวผมเรียก”

“…..…..” วายุเงียบยืนมองหน้าตะวันนิ่งๆ

“เฮ้อออออ ทีจริงก็มีครับแต่ทานข้าวเสร็จค่อยคุยกันนะ” ตะวันว่าพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หลังจากที่ถูกร่างสูงมายืนมองหน้ากดดันกันอยู่แบบนี้

“หึ! จะคุยเรื่องอะไรก็คิดดีแล้วๆกัน ถ้าพูดอะไรออกมาแบบไม่คิดกูจัดการมึงแน่ตะวัน” ว่าจบก็เดินหุนหันออกไปจากห้องครัวทันที ทำให้ตะวันถอนหายใจออกมายาวๆอีกรอบอย่างคิดไม่ตก

“พี่วายุมาทานข้าวเถอะครับ ผมจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว” ตะวันเดินออกมาตามวายุที่นั่งรออยู่บนโซฟาหน้าทีวี

“อืม” บนโต๊ะอาหารที่มีแต่ของโปรดเขา ทำให้เขาชำเลืองมองหน้าร่างบางที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังตักข้าวเข้าปากอย่างนิ่งๆจนทำให้ตะวันรู้สึกถึงสายตาที่มองมาทำให้เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมามองตรงไปยังร่างสูงอย่างไม่ยอมหลบสายตา

“พี่มองหน้าผมทำไมครับ”

“ทำไม? กูจะมองหน้าแฟนตัวเองนี่ไม่ได้เลยหรอ”

“ไม่ใช่แบบนั้นครับ”

“หึ หรือว่ากูไม่มีสิทธิ์แล้ววะ” วายุเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันอยู่ในที ทำให้ตะวันเม้มริมฝีปากแน่น

“พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไร ทานข้าวเถอะครับ”

“หึๆ ทานข้าวเสร็จเรามีเรื่องคุยกันยาวแน่ตะวันเตรียมคำตอบของมึงเอาไว้ดีๆด้วยล่ะ”

“ครับ ผมก็มีเรื่องจะคุยกับพี่เหมือนกัน” ว่าจบทั้งคู่ก็ลงมือทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างเงียบๆ

ปกติรสชาติอาหารของตะวันจะอร่อยมากเวลาที่เขาได้ลิ้มรส แต่วันนี้อาหารที่เข้ามาในปากเขามันไม่มีรสชาติเอาซะเลย ในหัวตอนนี้มันมีแต่เรื่องของเขาสองคนวนเวียนผสมปนเปกันไปหมด จนทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่ไม่อยากอาหาร จึงเงยหน้าขึ้นมองไปยังร่างบางที่เงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับเขาพอดี ทำให้ทั้งเขาและตะวันเบนสายตาไปคนละทิศทาง ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองจนในที่สุดการทานข้าวที่แสนอึดอัดก็สิ้นสุดลง เมื่อวายุตัดสินใจรวบช้อนและดื่มน้ำตามไป ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกเดินออกไปจากห้องครัวปล่อยให้ร่างบางของตะวันมองตามแผ่นหลังนั่นไป ไม่นานักตะวันก็ลุกขึ้นเก็บโต๊ะจนเรียบร้อยก่อนจะเดินตามวายุออกไป นั่งที่โซฟาตรงข้ามกับร่างสูงทั้งคู่ต่างนั่งจ้องมองตากันนิ่งๆ อยู่นานไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา จนในที่สุดเป็นตะวันเองที่ทนต่อความเงียบไม่ไหว

“พี่มีอะไรจะอธิบายกับเรื่องพวกนี้ไหมครับ ...พี่วายุ” ตะวันเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือถือในมือตัวเองไปตรงหน้าของวายุ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel