ตอนที่6 ต่างคนต่างมีคนอื่น?
วายุรับมือถือจากตะวันมาดู มันคือภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เขาอยู่กับคนอื่นไม่ว่าจะเป็นที่ห้าง ที่ผับ ร้านอาหาร แต่ที่เยอะที่สุดก็คงจะเป็นที่ผับ ร้านเหล้า พวกสถานบันเทิงหลายๆแห่ง ล่าสุดเลยก็วิดีโอที่หน้าตึกคณะเขาเองเมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากเลื่อนดูจนหมดวายุจึงเงยหน้าขึ้นมามองร่างบางตรงหน้าที่กำลังมองมาที่เขานิ่งๆไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา
“ก็ตามที่เห็น”
“ง่ายดีนะครับ ผมต้องการคำอธิบายมากกว่านี้”
“…………….”
“ไม่สิ ผมขอเปลี่ยนคำถามก็แล้วนะ”
“อะไร”
“ที่ผ่านมาพี่เคยรักผมบ้างไหม”
“...............”
“เหอะ ไม่เคยรักสินะ” ตะวันเค้นเสียงในลำคอออกมาอย่างสมเพชตัวเอง ที่กล้าถามคำถามแบบนั้นออกไป
“มันไม่ใช่แบบนั้น”
“ไม่รักก็พูดออกมาเถอะครับ ถ้าคนรักกันจริงๆเขาไม่ทำเรื่องอะไรแบบนี้หรอก และก็คำว่ารักอ่ะถ้าพี่รักผมจริงๆ พี่ก็คงบอกผมมานานแล้วตั้งแต่คบกันมาพี่ก็ไม่เคยบอกคำนั้นกับผมเลยสักครั้ง ที่ผ่านมาก็คงมีแค่ผมนั่นแหละที่หลับหูหลับตาไม่รับรู้อะไรเลย ทั้งๆที่ทุกอย่างมันชัดเจนมาตั้งนานแล้ว” ตะวันพูดร่ายความรู้สึกตัวเองออกมา ทั้งมองหน้าของวายุไปด้วย
“..............”
“ถ้าพี่ทำเรื่องแบบนี้ลับหลังผมมาตลอดทำไมไม่บอกเลิกผมก่อนละครับจะได้ไม่มีพันธะอะไรผูกมัด”
“มันไม่ใช่แบบนั้น” วายุเลือกที่จะปฏิเสธออกไป แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะอธิบายอะไรออกไปให้อีกคนเข้าใจ
“แล้วมันแบบไหนล่ะที่ผมให้พี่ไปมันไม่พอหรอ หรือเป็นพี่เองกันแน่ที่ไม่รู้จักคำว่าพอ” ตะวันที่รอฟังคำอธิบายต่างๆจากปากของวายุก็เริ่มที่จะหัวเสียขึ้นมา ที่อีกคนไม่ยอมอธิบายอะไรเลย เอาแต่ปฏิเสธเรื่องที่เขาพูดถามออกไป
“มันไม่ใช่ไม่พอ”
“เหอะ! แล้วจะให้ผมคิดยังไงครับ ในเมื่อตัวพี่เองก็มีคนอื่นมาตลอดทั้งๆที่คบอยู่กับผมนอนกับผม”
“ก็มึงไม่ยอมไปอยู่คอนโดกู”
“อย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างดีกว่านะ เพราะเรื่องที่อยู่เราคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว” เรื่องที่อยู่ที่พักนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่วายุกับตะวันมีปัญหากันมาตลอด วายุอยากให้ตะวันย้ายไปอยู่ด้วยแต่ว่าตะวันกลับไม่ยอมย้าย
“แต่กูอยากให้มึงย้ายไปอยู่ด้วยไง”
“ที่ผมไม่ย้ายไปเพราะอยากให้เราต่างมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองบ้าง ไม่ใช่ให้พี่ไปหิ้วคนอื่นมานอนด้วยแบบนี้ แค่ผมไม่ย้ายไปอยู่ด้วยทำให้พี่มีคนอื่นได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรอ?” ตะวันพูดเหตุผลของตัวเองออกไป นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พูดกันเรื่องนี้ แต่พูดเท่าไหร่ก็ยิ่งทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้นจนต้องปล่อยเลยตามเลยจนมาถึงทุกวันนี้
“ก็กูเหงา มึงไม่เข้าใจหรอก”
“นี่เรียกว่าเหตุผลหรือข้ออ้างครับ”
“กู...” ร่างสูงของวายุคิดหาคำมาแก้ตัวไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเขาทำมันจริงๆ ทำลงไปแบบไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเลยว่าจะรู้สึกยังไงกับการกระทำพวกนั้นของเขา
“ถ้าที่ผ่านมามันไม่มีความหมายอะไรเลยเราก็ควรพอดีไหมครับ” ตะวันถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้นิ่งที่สุดเท่าที่เจ้าตัวจะทำได้ เขาไม่อยากทนอีกแล้ว ไม่อยากอ่อนแออีกแล้ว
“หมายความว่าไงวะ” วายุตวาดออกมาเสียงดังที่ได้ยินคำพูดนั้นของตะวัน
“เลิกกันไงครับ ต่างคนต่างไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ พี่ก็จะได้ทำตามใจพี่ไม่ต้องมาสนใจผม ไม่สิ!ปกติพี่ก็ไม่เคยจะสนใจผมอยู่แล้วนี่”
“ฟังกูอธิบายก่อนได้ไหมวะ”
“ผมยังต้องฟังเรื่องโกหกอะไรจากพี่อีกอย่างงั้นเหรอ”
“กูไม่ได้ตั้งใจ มันแค่อารมณ์ชั่ววูบ”
“อารมณ์ชั่ววูบ เหอะ! พี่ทำเรื่องแบบนี้ลับหลังผมมากี่ครั้งแล้วล่ะ” อารมณ์ชั่ววูบเขาว่ามีครั้งเดียวมันก็เกินพอแล้ว แต่นี่อะไรทำเรื่องแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วยังจะมาอ้างว่าแค่อารมณ์ชั่ววูบได้อยู่อีกเหรอ
“.............” พอเจอคำถามนี้ทำให้วายุนิ่งเงียบลงทันที เพราะเขาทำเรื่องแบบนี้ลับหลังร่างบางตรงหน้าบ่อยมาก แทบจะทุกครั้งที่ไปเที่ยวเขามักจะหอบหิ้วเพื่อนนอนกลับห้องด้วยตลอด จนพวกเพื่อนๆเขาด่าจนไม่รู้จะด่ายังไงแล้ว
“ที่จริงถ้าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวผมก็พอเข้าใจนะว่าอารมณ์ชั่ววูบแต่นี่คือมันไม่ใช่ไง มันบ่อยเกินไปจนเหมือนจะเป็นสันดานแล้วนะครับ”
ตะวันเอ่ยออกมาอย่างเย้ยหยันให้ตัวเองที่กลายเป็นคนโง่ในสายตาแฟนและคนอื่นที่รู้เรื่องพวกนี้ของร่างสูงตรงหน้ามาโดยตลอด ในขณะที่เขาเองไม่เคยรู้เรื่องอะไรของแฟนตัวเองเลยสักเรื่อง โง่ดีนะว่าไหม? เพราะเขาไม่ค่อยชอบที่เข้าไปในสถานที่แบบนั้นในขณะเดียวกันนั้นมันเป็นสถานที่ที่แฟนเขาชอบ ก็คงจะแบบนี้สินะมีอะไรกลับมาให้กินที่ห้องตลอดแบบไม่เคยขาด ขนาดในเวลาปกติร่างสูงก็เป็นหนุ่มฮอตอยู่แล้วยิ่งไปอยู่ในสถานที่อโคจรแบบนั้นก็มีแต่คนวิ่งเข้าหาไม่ว่าจะผู้หญิงหรือแม้กระทั่งผู้ชายยังหลงเสน่ห์เขาเลย
“กูยอมรับว่าตัวเองผิด แต่กูขอโอกาสหน่อย”
“โอกาสหรอ? ที่ผ่านมานี่คือยังไม่พออีกหรอ? ถ้าพี่แคร์หรือมีความรู้สึกอะไรกับผมจริงๆคงเปลี่ยนตัวเองตั้งนานแล้วไม่ใช่มีเรื่องมีราวจนผมมารับรู้เองแบบนี้”
“กูขอโทษ”
“ครับ ผมรับคำขอโทษของพี่”
“งั้นก็แสดงว่ามึงยอมให้โอกาสกูแล้ว?”
“ไม่ครับ ผมรับแค่คำขอโทษแต่ไม่มีโอกาสจะให้พี่แล้ว”
“ได้ไงวะในเมื่อมึงก็รับคำขอโทษกูแล้ว”
“เลิกกันเถอะครับ” พูดออกมาเสียงแผ่วเหมือนกับคนหมดแรงก็ไม่ปาน ก็ใช่ว่าเขาอยากจะพูดประโยคนี้ออกมา แต่เขาไม่อยากทนอยู่กับคนที่ไม่รักเขา นี่สินะ!ที่เขาว่าคนบอกเลิกก็ใช่ว่าจะไม่เจ็บ คนที่เจ็บที่สุดก็น่าจะเป็นเขาเองนี่นี่แหละทั้งๆที่เป็นฝ่ายบอกเลิก มันก็สมควรแล้วล่ะที่เป็นแบบนี้เพราะเขารักอีกฝ่ายแค่ข้างเดียว วายุไม่เคยรักเขาเลย และตัวของวายุเองก็คงจะไม่มานั่งเสียใจหรอกแค่เรื่องที่เขาขอเลิก น่าจะดีกับวายุซะอีกจะได้ไม่ต้องทำอะไรลับๆล่อๆ ไม่ต้องกลัวว่าแฟนจะเห็น จะเที่ยวไปเอากับใครก็ได้ตามใจชอบ
“ไม่เลิก! ยังไงกูก็ไม่เลิก!!” วายุตะโกนโวยวายออกมา ไม่มีทางหรอกที่เขาจะเลิกกับคนตรงหน้า ไม่มีทาง!!!
“ถ้าไม่เลิกก็ต่างคนต่างมีคนอื่นดีไหมครับ...ถ้าเหงาเราค่อยมาเจอกันดีไหม?”
“!!!!!????”
คิดไม่ถึงเลยว่าตะวันจะกล้าพูดประโยคนี้ออกมามันหนักกว่าประโยคบอกเลิกซะอีก ทำไมตะวันเปลี่ยนไปมากขนาดนี้แค่ไม่กี่วันที่ไม่เจอกันคนเราสามารถเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรอวะ หรือว่าจะมีใครทำให้เปลี่ยนปกติมีหรอที่ร่างบางจะกล้าพูดจะกล้าว่าเขาแบบนี้ ทำไมถึงกล้าบอกเลิกเขา? มันต้องมีอะไรที่เขายังไม่รู้แน่ๆ หรือว่าข่าวในเพจบ้าๆพวกนั้นจะเป็นเรื่องจริง ตะวันมีคนใหม่อย่างนั้นเหรอวะ!!?
