บทที่ 4 แลก
คืนจากแม่ที่มอบความรักไม่ค่อยดี
คืนจากครอบครัวที่มีแต่ปัญหา
คืนจากคนที่ไม่เหมาะสม
ถึงแม้มันจะเป็นแค่เรื่องเล่า แต่คล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับความเป็นจริงที่สุด ประกอบกับคำบ่งบอกจากอาจารย์คนหนึ่งของตระกูลว่ารักษาบัวบูชาไม่ได้ ละทิ้งคำพูดไว้ให้ได้แค่ ที่ยังอยู่ได้ ที่ยังไม่ไปไหน เพราะบารมีจากชายถิ่นช้างใหญ่เขาไม่ให้ ในเมื่อผูกกรรมกันมา หากไม่ให้ก็ไม่มีใครพาไปได้ทั้งนั้นไม่ว่าผีหรือคน หาเขาให้เจอแล้วน้องสาวคุณจะหาย ประโยคนี้ติดในจิตใจชัชวาลย์มาจนถึงวันนี้ วันที่เลือกปักให้กุมภาเป็นพี่เขยในอนาคต
กุมภา เข้าเค้าทุกอย่าง จากที่อาจารย์บอกทุกอย่าง
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์กว่าเต็มๆ ที่ยังไร้เงาของคนที่ตามหา ทางออกที่มีแต่คำว่าตัน ไร้ทางเลือกจนไอ้ขาลหนึ่งในลูกน้องเอ่ยปากบอกให้พึ่งพระอาจย์ของตนเองเพราะเห็นคนเจ้านายนั่งนอนไม่หลับ ตอนนี้ชัชวาลย์กับลูกน้องสองคนเดินออกจากกุฏิวัดแห่งหนึ่งมาหยุดใต้ต้นโพธ์ใหญ่ในวัดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน
“เอาไงดีครับ”
ภาระกำลัง บารมีเยอะ เก่งกาจ ดุร้ายเหมือนจระเข้แต่น่าเกรงขามมากด้วยบารมีที่ยิ่งใหญ่เหมือนคชสาร คนนี้เหรอที่กำลังหา เขามากบุญที่ทำร่วมกันมานะโยม ไม่ปล่อยให้ตายหรอก ยังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน ตอนนี้คนที่กำลังค้นหาอยู่ในวัดป่าแห่งหนึ่ง เขารอนะถ้าหาเจอ
“มันป่าที่ไหนกันวะขาล”
“ทิศประจิม มันทิศตะวันตกนี่ครับนาย”
“กุลมึงหาสิ ตะวันตกของสุรินทร์มีวัดป่าที่ไหนบ้าง”
“ครับ”
“ยังไงกูต้องหาไอ้กุมให้เจอ”
คำที่ชัชวาลย์ตั้งใจ ตั้งมั่นเอาไว้ในใจ
ถึงแม้คำว่าภาวนาจะเป็นการเอ่ยขึ้นโดยการประชดแต่ก็เหมือนว่าผลของมันจะไม่เป็นไปตามที่กุมภาอยากให้เป็นเลยสักนิด เพราะตั้งแต่วันนั้นความสงบก็หมดไป วันๆ มีแต่ต้องเห็นหน้าของชัชวาลย์ทุกวันจนเบื่อขี้หน้าเต็มแก่ การเสนอหน้าของมันถึงแม้จะอยู่ในเขตรอบนอกรั้วบ้านไม่กล้าย่างก้าวเท้าเข้ามาในบริเวณของบ้านกุมภาเลยก็ตาม
รกหูรกตาชิบหาย
วันๆ มันไม่ทำห่าอะไรเลยหรือยังไง
ถึงได้ไสหัวมาที่นี่แทน แล้วรอยยิ้มร้ายของกุมภาก็เผยขึ้นเมื่อได้เห็นบุคคลมาใหม่ทั้งสามคนเดินขึ้นบันไดขึ้นท้ายสุดจากห้าร้อยกว่าขั้นกว่าจะขึ้นมาบนยอดภูเขาลูกนี้ได้ ใบหน้าของไอ้พวกมาใหม่ซีดเซียวมีเหงื่อไหลเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า ลมหายใจเหนื่อยหอบจนทรงตัวไม่อยู่ถึงต้องทรุดนั่งพื้นดินไร้สภาพอย่างชิบหาย
เหมือนปลาที่อ้าปากงาบๆ หาอากาศหายใจในน้ำแหล่งน้ำแห้งขอด ต้องดิ้นหาแหล่งน้ำเพื่อการหายใจจะได้มีชีวิตรอด
สภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก
“สะใจเลยไหม มึงยิ้มได้ทั้งที่กูกำลังจะขาดอากาศหายใจ”
“ไม่คุ้นเหรอ อาการแบบนี้มึงน่าจะคุ้นดีชัชวาลย์” ทั้งเจ้านายอย่างชัชวาลย์และลูกน้องอย่างขาลและกุลถึงกับเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินประโยคนี้จบ อาการที่กำลังเป็นหากยังนึกไม่ค่อยออกกุมภาจะได้ย้ำเตือนขึ้นใจอีกครั้ง คนตัวสูงเคลื่อนไหวร่างกายไปนั่งย่อใกล้กับบุคคลมาใหม่ “เหมือนน้องมึงไหม?”
“ไอ้กุม”
“ทรมานนะ มึงว่าไหมชัช”
แม้จะอยู่ในบริเวณของวัดแต่ว่าสายตาคมกับตวัดแข็งกร้าวไม่ยอมลดเลิกใดๆ ทั้งสิ้น หายใจหอบเหมือนกับวิ่งวนไม่เจอทางออก ร่างกายอ่อนล้าทั้งที่ไม่ได้เคลื่อนตัวไปไหน ทุกวันมีแต่คำว่าอยากตาย นรกบนดินที่คนๆ หนึ่งต้องเจอ
“มึงจะช่วยน้องกูหรือยังกุม มึงจะให้กูทำอะไร”
“ยอมหมดเลยสิ?”
“ใช่ กูยอมหมด”
“แม้แต่กูจะเอาชีวิตแม่มึงมา มึงก็ยอมใช่ไหม” ไม่มีหรอกการทำงานโดยไม่มีอะไรมาแลกเปลี่ยน ไม่มีอะไรฟรีบนโลกแห่งความอิจฉาและจอมปลอมบนโลกใบนี้ พอกุมภาเห็นใบหน้าของอดีตเพื่อนเบิกตากว้าง ยังอึ้งกับคำแลกเปลี่ยนที่ถูกเสนอไป “แลกไหม”
“นี่คือสิ่งที่มึงต้องการเหรอไอ้สัส”
“หรือมึงจะถวายชีวิตตัวเองเพื่อแม่มึงละ” สำหรับกุมภาผลมันไม่ต่างกันนักเท่าไหร่ ในเมื่อต้องแลกลมหายใจกับใครอยู่ดี มีแต่ความเห็นแก่ตัวเกิดขึ้นเท่านั้น “นี่ทางออกดีที่สุดแล้ว”
“กูจะแน่ใจได้ไงว่ามึงไม่โกหก”
“งั้นก็ไสหัวกลับไป” กุมภาท้าทายแทนที่จะตอบให้มันมากความ “แม่มึงเป็นคนขอ ก็ให้เอาลมหายใจแม่มึงมันถูกแล้ว”
