บทที่ 3 สัญญา (2)
บทที่ 3
สัญญา (2)
“แม่ หนูกลับมาแล้ว” ทันทีที่เปิดประตูบ้านเข้าไปก็ตะโกนเรียกหาคนเป็นแม่ ปกติจะต้องมีเสียงจากโทรทัศน์ดังต้อนรับเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ตามด้วยเสียงบ่นพร่ำของแม่ที่เธอไม่ค่อยอยากฟัง แต่ทว่าวันนี้กลับมีเพียงความเงียบงันที่เกิดขึ้น
ไฟในบ้านปิดมืด ร่องรอยการอยู่แทบไม่มี เวลานี้แม่ของเธอไม่ออกไปไหนแน่นอนเพราะติดละครหลังข่าว แต่ถ้าเป็นช่วงกลางวันที่เธอไปทำงานน่ะคงไปตามหาได้ง่าย ๆ ที่วงหวย
ครืด...ครืด...
แรงสั่นครืดคราดดังมาจากโทรศัพท์ บนหน้าจอปรากฏรายชื่อของคนเป็นแม่ที่โทรเข้ามาก็พลอยทำให้ลูกศรเบาใจ
“แม่อยู่ไหน หนูกลับบ้านมาไม่เห็นเลย” หญิงสาวกดรับสายและกรอกเสียงถามทันที
“ก็กูมาเจรจาเจ้าหนี้อยู่ไงอีลูกเวร มึงหาเงินมาให้กูได้หรือยัง กูจะโดนฆ่าตายอยู่แล้วนะอีศร!”
คำตอบที่ได้รับเป็นน้ำเสียงแผดตวาดที่ทำให้มือเล็กต้องดึงมือถือออกห่างจากหู เธอแทบจำไม่ได้ว่าครั้งล่าสุดที่แม่คุยดีด้วยนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อาจจะเป็นตอนที่แม่ถูกหวยใต้ดิน หรือไม่ก็ทำเล็บสีใหม่มาอวดกระมัง
“แม่ต้องจ่ายเขาวันไหน” เสียงเล็กถามกลับ ความจริงเธอมีเงินชดใช้ให้ทั้งหมดแล้วแต่แค่ไม่อยากบอกเพราะกลัวว่าแม่จะได้ใจ อีกทั้งคงมีคำถามมากมายที่ตามมาด้วยว่าพนักงานธรรมดาอย่างเธอไปเอาเงินมาจากไหน เรื่องมันคงวุ่นวายไม่จบถ้าหากไม่ได้คุยกันต่อหน้า
“มันให้กูสามวัน มึงหาให้กูได้หรือเปล่า ครั้งนี้มันเอาจริงนะ มึงต้องหาให้กูนะลูกศร มันฆ่ากูจริง ๆ แน่”
“หนูจะหามาให้ แต่แม่สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ไปยืมใครเขาอีก แชร์ก็ไม่ต้องเล่นแล้ว หวยก็ลด ๆ ลงไปบ้าง แม่ก็รู้นี่ว่าเงินเดือนของหนูมันไม่พอใช้ ค่าใช้จ่ายเราก็มีตั้ง...”
“มึงอย่าพูดมากได้ไหม แค่หาเงินมาให้กูก็พอ กูไปขอเลื่อนวันจากมันแล้วก็รีบไปหาเงินมาให้กูด้วย ไม่งั้นมึงคงได้เห็นกูกลายเป็นศพแน่ แล้วมึงก็เอาจักรยานมารับกูด้วยนะที่ป้ายรถเมล์ กูขี้เกียจเดิน แค่นี้แหละ!”
สายถูกตัดไปทั้งที่ยังพูดไม่จบประโยค หญิงสาวโยนโทรศัพท์ลงโซฟาและระบายลมหายใจออกมาด้วยความหนักใจ
ถึงจะมีเงินมาชดใช้แต่ปัญหาก็คงไม่จบอยู่ดี เธอรู้จักนิสัยของแม่ว่าเป็นยังไง รอบที่แล้วก็ไปยืมเงินคนอื่นจนเธอต้องยื่นขอสินเชื่อเพื่อมาชดใช้คืน ตอนนี้ก็ได้แต่ใช้เงินเดือนเพื่อผ่อนจ่ายภาระที่แม่ก่อไว้ แล้วยังไม่รวมกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบเองทั้งหมด
ลำพังแค่เงินเดือนการเป็นเลขาสำหรับสองชีวิตเธอก็คิดว่ามันเพียงพอ แต่ถ้าหากแม่ฟุ่มเฟือยใช้เกินตัวแบบนี้ต่อให้มีเงินเดือนถึงหลักแสนมันก็ไม่พออยู่ดี
สิบนาทีหลังจากนั้นลูกศรก็ขี่จักรยานคันแก่ไปรับแม่ที่ป้ายรถเมล์ ยานพาหนะนี้เธอใช้งานมันมาตั้งแต่เด็กตอนที่ขี่มันไปเล่นกับกลุ่มเพื่อนแถวละแวกบ้าน จนถึงตอนนี้มันก็ยังใช้งานได้เหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปเห็นจะมีแค่เรื่องความเก่ากระมังที่ปรากฏให้เห็นว่ามันอยู่เป็นเพื่อนกันมานานขนาดนี้แล้ว
“อีศร มาช่วยกูถือของสิโว้ย นั่งบื้ออยู่ทำไม” หญิงวัยกลางคนเดินลงมาจากรถเมล์ แล้วก็แผดเสียงดังลั่นที่คนฟังอย่างลูกศรทำได้เพียงถอนหายใจด้วยความระอา
“แม่ไปไหนมาเนี่ย” เสียงเล็กเอ่ยถามพลางเดินไปช่วยถือข้าวของที่คนเป็นแม่หอบพะรุงพะรังไว้ในมือสองข้าง
“กูไปบ้านเพื่อนมา มันเปิดร้านเสริมสวยกูก็เลยไปอุดหนุน แล้วก็แวะตลาดแถวนั้นด้วย เออนี่มึงโอนเงินให้กูด้วยนะ กูยังไม่ได้จ่ายเงินเขาเลยเนี่ย ไปทำสวยมาแต่ขอติดไว้ก่อน กูบอกมันว่าจะมาขอเงินจากลูกสาวแล้วเดี๋ยวกลับถึงบ้านจะโอนให้”
ลูกศรถอนหายใจอีกครั้งพลางกลอกตาไปมา นอกจากเรื่องหวยก็เรื่องเสริมสวยนี่แหละที่แม่เก่งไม่แพ้ใคร
เป็นเพื่อนที่ดีเหลือเกิน เพื่อนเปิดกิจการใหม่ก็อุตส่าห์นั่งรถเมล์ไปช่วยอุดหนุน ส่วนตัวเพื่อนก็ใจดียอมให้จ่ายหลังรับบริการเสียด้วย
“เท่าไหร่ล่ะแม่ เมื่อวันก่อนหนูเพิ่งโอนให้แม่สามพันนะ” เธอให้เงินรายอาทิตย์กับแม่ไว้ใช้จ่าย แต่ยังไม่รวมกับค่ากินอยู่ประจำวัน
“สองพัน”
“สองพัน!? ทำไมมันแพงขนาดนั้น แม่ทำอะไรบ้างเนี่ย!” ดวงตาหวานเบิกโพลงกับจำนวนเงินที่ได้ยิน
หากแม่ไปใช้บริการที่ร้านซาลอนแพง ๆ เธอจะไม่ว่าเลย แต่นี่เป็นร้านทั่วไปที่เปิดกิจการกันเอง แถมแม่กลับมาก็อยู่ในสภาพเดิมเหมือนไม่ได้เติมแต่งหรือเปลี่ยนอะไรด้วย
“กูทำหลายอย่าง! ทำผม ทำเล็บ มึงจะถามกูทำไมนัก กูบอกให้โอนก็โอนมาสิวะ แล้วเรื่องเงินที่ต้องใช้เขาน่ะมึงก็ต้องไปหาให้กูนะ ไม่งั้นกูโดนตามฆ่าแน่ ถึงเขาจะใจดีเลื่อนวันจ่ายแต่เขาก็ไม่ธรรมดานะอีศร มันโหดมาก มีแต่คนบอกว่าถ้าไม่ยอมจ่ายมันจะส่งมากระทืบถึงบ้านเลย มึงอย่าลืมหามาให้กูด้วย!”
คนเป็นลูกถึงกับยกมือกุมขมับ ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดสักคำเพราะอ่อนอกอ่อนใจกับความฟุ่มเฟือยของแม่
“ขึ้นเถอะแม่ จะได้กลับกัน” เพราะแบบนี้เธอถึงบอกแม่ไม่ได้ว่ามีเงินนอนอยู่ในบัญชีหลักสิบล้าน นี่ยังหนักใจเลยว่าจะอธิบายยังไงให้แม่เข้าใจว่าเธอต้องแต่งงานกับเจ้านายที่รวยล้นฟ้าอยู่คนละระดับ
ขืนรู้ว่าทำไปเพราะเงินหลักสิบล้านมีหวังโดนผลาญตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้แน่
เงินเป็นสิบล้านสำหรับเธอสามารถใช้จ่ายได้ทั้งชีวิต แต่สำหรับแม่เธอมั่นใจว่ามันคงอยู่ติดตัวได้ไม่กี่วัน
“อีศรมึงขี่ดี ๆ สิวะ ทำไมมันส่ายแบบนี้”
“โอ๊ย แม่ก็นั่งเฉย ๆ สิ มือก็กอดหนูไว้ก็ได้”
“กูไม่กอดมึงหรอก โอ๊ย...ขี่ดี ๆ อีศร!”
สองแม่ลูกทรงตัวอยู่บนเบาะจักรยานที่คนหนึ่งเป็นคนขี่ส่วนอีกคนนั่งซ้อน กว่าจะคลายความทุลักทุเลก็โดนหยิกโดนตีไปหลายที
แต่ปัญหายังไม่คลายดีก็มีเสียงตะโกนจากทุกทิศทางที่ดังขึ้นเรียกความสนใจ ใบหน้าของสองแม่ลูกหันขวับไปทางด้านหลัง ก่อนจะเบิกตากว้างตกใจเมื่อปะทะเข้ากับแสงไฟหน้ารถที่ส่องกระทบเข้ามาในระยะอันใกล้
“เฮ้ย! รถเบรกแตก”
คำพูดที่ดังลอยมาให้ได้ยินเป็นคำสุดท้ายที่สองแม่ลูกรับรู้ จากนั้นร่างกายก็ถูกกระแทกเข้ากับตัวรถอย่างรุนแรงจนลอยหวือกลางอากาศแล้วตกกระทบลงกับพื้น พร้อมด้วยสติที่ถูกพรากสู่ความดำขลับในเวลาถัดมา
ปัง!
โครม!
“เฮ้ย! มีคนถูกรถชน มาช่วยกันเร็ว!”
