บทที่ 2 จุดเริ่มต้น (3)
บทที่ 2
จุดเริ่มต้น (3)
“ผมไม่อยากวุ่นวายไปจ้างคนอื่น คุณเป็นคนที่รู้ปัญหาของผมดีที่สุด แล้วที่สำคัญคุณก็กำลังเดือดร้อนพอดี”
“การที่ดิฉันเดือดร้อนมันไม่ได้แปลว่าดิฉันจะยอมทำทุกอย่างนะคะ” ลูกศรตอบกลับพัลวัน น้ำเสียงแข็งกว่าปกติหลายเท่าเพราะรู้สึกไม่พอใจที่เขายกเหตุผลนั้นขึ้นมา
“ผมรู้ แต่ผมแค่กำลังคิดว่าเราต่างก็มีปัญหาเหมือนกัน คุณเองก็รู้จักผม ส่วนผมก็รู้จักคุณ การทำข้อตกลงร่วมกันมันก็น่าจะง่ายกว่าไม่ใช่เหรอ” ราเมศวร์บอกด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่มีส่วนของความหยอกเย้าพูดเล่นเพราะเขาตั้งใจจะแต่งงานกับเธอจริง ๆ
แน่นอนว่าคนอย่างเขาย่อมมีคนอยากเข้าประตูวิวาห์ด้วยอยู่แล้ว และด้วยเงินตราที่มีมากมายก็ทำให้เขาสามารถหาเจ้าสาวปลอม ๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่เขาคิดว่าการทำข้อตกลงแบบนี้ย่อมละเอียดอ่อนและต้องรักษาความลับเป็นอันดับหนึ่ง ลูกศรเป็นเลขาที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเธอได้พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่าเธอมุ่งมั่นและทุ่มเทเพื่องานมากจริง ๆ
มีหลายครั้งที่เธอถูกทาบทามจากบริษัทคู่แข่ง แต่เธอก็ยังยืนหยัดอยู่ข้างเขาและทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่นิดเดียว
เพราะเธอเป็นแบบนี้เขาถึงได้ไว้ใจดึงเธอเข้ามาในเส้นทางเดียวกัน
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี แต่เจตนาของผมมันไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นเลยนอกจากการแต่งงานหลอก ๆ และแน่นอนว่าเราสองคนต่างก็ได้ผลประโยชน์ทั้งนั้น”
“ผลประโยชน์ที่คุณว่าคือเงินเหรอคะ” เธอกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน และผลประโยชน์เดียวที่นึกออกก็คือเรื่องนี้
“ทุกอย่างที่คุณต้องการ” แค่เธอเสนอเขาก็พร้อมสนอง หากอยากได้มากกว่าเงินเขาก็ยินดีที่จะมอบให้
ไม่มีอะไรที่คนอย่างราเมศวร์หามาไม่ได้อยู่แล้ว
“เก็บเอาไปคิดก่อนก็ได้ แต่อย่านานนักล่ะ เพราะถ้าผมหาเจ้าสาวได้แล้วทุกอย่างก็คือจบ” เสียงเข้มเอ่ยเหมือนใจดี หากแต่มันเป็นการย้ำชัดและกดดันเธอลึก ๆ ว่าหากเธอยังชักช้ามันจะไม่มีโอกาสครั้งที่สอง
“คะ...คุณจะให้เท่าไหร่คะ” เสียงเล็กสั่นเครืออย่างนึกอาย เธอละอายใจเหลือเกินที่ต้องถามเรื่องนี้กับเขา
แต่มันก็คือเรื่องเดียวที่เธอให้ความสนใจมากที่สุด
“คุณอยากได้เท่าไหร่ล่ะ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา นึกพอใจที่เห็นเธอเริ่มโอนอ่อนคล้อยตาม
“หนึ่ง...”
“สิบล้าน”
ลูกศรกำลังจะพูดจำนวนเงินหนึ่งแสน แต่ราเมศวร์กลับเสนอตัวเลขที่มากกว่านั้นหลายสิบเท่าขึ้นแทรก แน่นอนว่าเลขาสาวถึงกับชะงักไปทันที เหมือนกับหลุดไปในห้วงความฝันที่ไม่มีวันได้สัมผัส เงินจำนวนนั้นหากพยายามทั้งชีวิตก็ไม่มีทางหาได้
“ยี่สิบล้านดีกว่า” เห็นอีกฝ่ายเงียบไปก็เพิ่มจำนวนขึ้นอีกเท่า คราวนี้หญิงสาวถึงกับได้สติรีบลนลานส่งคำพูดปราม
“มันไม่เยอะไปเหรอคะคุณเมศวร์”
“แลกกับอิสระของคุณไง คุณต้องแต่งงานกับผมเป็นปี ๆ เลยนะ เงินสิบล้านผมก็คิดว่าน่าจะเหมาะสม”
“เป็นปีเลยเหรอคะ!” นอกจากจะตกใจกับจำนวนเงินแล้วยังต้องมาตกใจกับระยะเวลาที่ต้องแต่งงาน
เธอลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปสนิท ความโลภบังตาจึงสนใจกับแค่ตัวเงินที่จะได้รับเท่านั้น พอกลับมาถึงความจริงก็ทำให้คิดหนักและเริ่มชั่งใจเหมือนตอนแรก
“สองสามปีเลยแหละ” ไม่ใช่แค่ปีเดียวที่เธอจะต้องแต่งงานกับเขา
“เอ่อ...”
“ห้าสิบล้านก็ได้ หรือจะ...”
“แค่หนึ่งล้านก็พอค่ะ ฉันขอเท่านั้น!” เสียงเล็กร้องขึ้นบอกจำนวนเงินที่ต้องการเพื่อยุติการเพิ่มจำนวนที่ทำเอาเธอแทบหัวใจวาย หากไม่ห้ามเขาคงไล่ไปถึงหนึ่งร้อยล้านแน่
ตามเดิมที่ตั้งใจไว้ว่าจะเสนอแค่หนึ่งแสน แต่หากต้องแลกกับอิสรภาพนานหลายปีแบบนั้นก็คิดว่าเงินหนึ่งล้านก็น่าจะคุ้ม
เธอไม่ได้ตั้งใจจะหวังกอบโกยด้วยวิธีนี้โดยตรง ถึงอย่างไรแล้วเธอก็ยังมีเงินเดือนจากการเป็นเลขา เพราะหากหมดระยะสัญญาเธอจะได้มีทางไปต่อไม่ใช่หวังรอแค่เงินหลังหย่าจากเขาอย่างเดียว
“แปลว่าตกลง?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วทวนถาม ใบหน้าปรากฏด้วยรอยยิ้มกว้างที่ปิดไม่มิดถึงความดีใจ
“ค่ะ ฉันตกลงค่ะ ฉันเองก็กำลังเดือดร้อนอยู่จริง ๆ นั่นแหละค่ะ” ยอมรับอย่างไม่อายว่าเธอตอบรับเพราะเงิน นี่เป็นทางเดียวที่เธอจะสามารถหาเงินมาให้แม่ได้
“ฮึ...พูดง่ายแบบนี้สิค่อยสมกับที่เป็นเลขาของผม”
