ตอนที่ 8 เขาเป็นเกย์?
แคนรี่ก้าวเดินภายในห้างโลวาล่า เป็นห้างขนาดใหญ่มีทุกสิ่งอย่างให้เลือกสรร เธอก้าวมาบันไดเลื่อนพร้อมบอดี้การ์ดสามคน รวมถึงชาลีที่เดินตามเธอมายังร้านเสื้อผ้าบุรุษ พนักงานสาวจึงเดินมาเธอด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ” พนักงานเอ่ยถามเธอ
“ฉันจะซื้อสูทให้ผู้ชาย ช่วยแนะนำให้ด้วยนะคะ ลักษณะของเขา เขาสูงประมาณร้อยแปดสิบ ผิวขาวอมชมพู ไม่อ้วนและไม่ผอมมากเหมือนคนออกกำลังกาย” แคนรี่เอ่ยบอกพนักงาน
“สักครู่ค่ะ” พนักงานเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วก้าวเดินเข้าไปในร้าน เอาสูทในไม้แขวนสี่ตัวมาให้เธอดู มีสีดำ สีเทา สีขาว สีน้ำตาลไม่มีลาย มันดูคลาสสิก และมีเสน่ห์ เธอกลับเลือกไม่ถูก เพราะไม่เคยซื้อเสื้อผ้าให้ผู้ชายด้วย พี่ชายเธอ เธอก็ยังไม่เคยซื้อให้เลย
“คุณคิดว่าเอาแบบไหนดีที่สุด ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสูทชุดไหนที่เขาจะชอบ ฉันจะเอาไปเป็นการแสดงการขอบคุณเขาเท่านั้น” แคนรี่เอ่ยบอกพนักงาน
“สีเทาดีไหมคะ ใส่ทำงานได้ด้วยค่ะ” พนักงานเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ตกลงเอาตัวนี้คิดเงินเลยค่ะ” แคนรี่เอ่ยบอก
“1, 199 ปอนด์ ค่ะ” พนักงานเอ่ยบอก เธอจ่ายเงิน และรับของจากพนักงาน บอดี้การ์ดรับถุงกระดาษสีขาวจากมือของเธอ
“ไปกันเถอะ” แคนรี่บอกเอ่ย พวกเขาก็เดินตามเธอออกไป แต่ทว่ากลับมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เธอ และกลุ่มบอดี้การ์ด
แคนรี่ก้าวเดินมายังตึกด้านหลังห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นสำนักงานของห้างโลวาล่า เธอมองสำนักงานแห่งนี้เป็นสีขาวสะอาดตา ต่างจากสำนักงานของบริษัทโนเวลที่เป็นสีขาวและสีทอง เพราะเขาใช้สีวันเกิดของมารดาเธอ ซึ่งเป็นวันจันทร์ ทำให้สำนักงานใหญ่ของบริษัทเป็นสีทองและสีขาวเกือบทั้งหมด รวมไปถึงสาขาย่อยในหลายประเทศ
แคนรี่เดินมาพร้อมบอดี้การ์ดของเธอสองคน พวกเขาทำตามคำสั่งของเฮนรี่ ถึงเธอจะไม่ชอบก็ตามที แต่เพื่อความสบายใจของพ่อกับแม่ เธอจึงจำนนในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้พวกเขาเป็นห่วง
“ขอพบมิสเตอร์เจคอป มอร์แกนค่ะ ดิฉันแคนรี่ โนเวล” แคนรี่บอกพนักงานต้อนรับด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ได้นัดท่านประธานไว้หรือเปล่าคะ” พนักงานสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นกัน
“เปล่าค่ะ” แคนรี่เอ่ยบอก
“สักครู่นะคะ” พนักงานเอ่ยบอก แล้วเธอกดปุ่มของเครื่องโทรศัพท์ต่อสาย
“มิสกรีน มิสโนเวลขอเข้าพบ” เธอเอ่ยบอกจบ และรอสายเพียงชั่วครู่และวางทันที
“เชิญค่ะ” พนักงานเอ่ยบอก และเธอลุกจากเก้าอี้มาหาแคนรี่ที่ยืนอยู่ แคนรี่หันไปหาชาลีกับบอดี้การ์ดอีกหนึ่งคน
“ชาลี เดฟ รอฉันที่ล็อบบี้นะ” แคนรี่เอ่ยบอกพวกเขา เดฟจึงยืนถุงกระดาษที่มีกล่องสีเทาอยู่ด้านในนั้นให้เธอโดยทันที
“ครับคุณหนู”
แคนรี่ก้าวเดินตามพนักงานเข้าไปที่ลิฟต์ พนักงานคนเดิมเข้ามาด้วย และกดไปที่ชั้นสิบหก พอถึงชั้นสิบหก เธอก็ออกจากลิฟต์พร้อมกับพนักงานคนเดิม เธอพาเดินบนพรมสีแดงที่ทอดยาวไปยังประตูบานใหญ่ที่ทำด้วยกระจก และตัวห้องทำด้วยกระจกสีเทา เธอคิดว่าด้านในคงเห็นด้านนอก ซึ่งด้านนอกก็ไม่เห็นด้านในเช่นตอนนี้ เธอมองไปยังโต๊ะหินอ่อนที่อยู่หน้าห้องซีอีโอของบริษัท มีเลขานุการหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่หน้าห้อง พนักงานสาวพูดกับเธอเพียงสองสามคำ แล้วพาแคนรี่เข้าไปในห้อง ส่วนพนักงานคนนั้นก็ไปยังลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นล่าง
เลขานุการเปิดประตูให้เธอเข้าไปในห้องของซีอีโอของบริษัท เธอจึงก้าวเดินเข้าไปทันที
“นั่งรอท่านที่โซฟาก่อนนะคะ อีกสักครู่บอสจะมาพบคุณค่ะ” เลขานุการเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แคนรี่ก้าวเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวสีดำ แล้วเลขานุการก็ก้าวเดินออกไป แม่บ้านวัยกลางคนนำน้ำเปล่าและกาแฟวางให้เธอบน
“ขอบคุณค่ะ” แคนรี่เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แม่บ้านยิ้มให้เธอเช่นกันและก้าวออกไป แคนรี่ทอดสายตามองไปโดยรอบห้องไม่มีใครอยู่ เธอจึงยกแก้วน้ำเปล่าทรงยาวขึ้นดื่มหนึ่งคำ
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าหนักๆ ก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอจึงวางแก้วลงที่บนโต๊ะกระจก และลุกขึ้นยืนทันที
“แคนรี่มานานหรือยังครับ” เจคอปเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม และผายมือมาทางโซฟายาว เธอจึงนั่งลงอีกครั้ง เขาจึงนั่งลงที่โซฟาตัวเล็กที่นั่งได้เพียงคนเดียว
“พึ่งมาถึงค่ะ” เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“มีอะไรหรือเปล่าถึงมาพบผม” เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ฉันมาขอบคุณที่คุณช่วยชีวิตฉันไว้” เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม และหยิบถุงกระดาษสีขาววางไว้บนโต๊ะกระจกทันที
“ไม่ต้องก็ได้ ผมเต็มใจที่จะช่วยคุณ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำใสใจจริง
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“นี้ก็เย็นแล้วเราไปกินอาหารเย็น ผมเลี้ยงเอง” เจคอปเอ่ยบอก
“ได้ค่ะ”
“ไปกันเลย”
“ชุดสเต็กเนื้อวากิวมักไวน์แดงสองที่ และรอยอล เดอมาเรีย สองแก้ว”
เจคอปเอ่ยบอกบริกร
“ชุดสเต็กเนื้อวากิวมักไวน์แดงสองที่ และรอยอล เดอมาเรีย สองแก้ว ไม่เกินสามสิบนาทีพร้อมเสิร์ฟครับ” บริกรเอ่ยทวนรายการและก้าวเดินออกไป
นี้คุณสั่งไวน์ราคาแพงหูฉีกถึง 111 ปอนด์
“สเต็กเนื้อวากิวที่นี่อร่อยที่สุด ลงหนังสือหลายฉบับ” เจคอปเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเคยมากินค่ะ แต่ไม่เคยกินไวน์ราคาแพงหูฉีกขนาดนี้” แคนรี่เอ่ยบอก
“ผมชอบดื่มมันตลอด ที่บ้านผมมีเป็นลังสนใจไปบ้านผมไหม”
“ผู้ชายอะไรชวนผู้หญิงเข้าบ้านไม่ดีนะ” เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม และหยิบแก้วทรงไวน์ที่มีน้ำเย็นอยู่ในแก้ว เพื่อดื่มดับกระหาย
“ผมถามจริงๆ คุณก็รู้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงคนไหนตอนที่เราเรียนอยู่ด้วยกัน” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่เธอกลับตกตะลึงเพราะคิดว่าเขาเป็นเกย์ และเป็นแฟนกับมาร์ก เธอเห็นว่าเขาไปไหนมาไหนด้วยกันไม่เคยห่าง
“คุณไม่ได้...”
“คุณคิดว่าผมเป็นเกย์เหรอ” เขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ใช่ฉันคิดแบบนั้นมาตลอด ตอนนี้ฉันก็เชื่อในความคิดฉัน” เธอบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาลุกขึ้นและก้าวเดินมาหาเธอจับมือเรียวของเธอลุกขึ้นมาด้วย
