ตอนที่ 7 ช่อกุหลาบของใคร?
“เดี๋ยวผมเรียกหมอก่อน” เฮนรี่เอ่ยบอกและต่อสายหาพยาบาลทันที
“คนไข้ฟื้นแล้ว” เฮนรี่เอ่ยบอกผ่านไมโครโฟน และวางสายทันที
“ค่ะ ช้าๆ นะลูก” วิกตอเรียเอ่ยบอกเธอ กลัวเธอจะสำลักน้ำ เพราะดูดเอา ดูดเอา แล้วเธอมองไปเห็นช่อดอกกุหลาบสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ช่อกุหลาบของใครคะ” แคนรี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน พยาบาลบอกว่าเขาไม่ประสงค์ออกนาม” วิกตอเรียเอ่ยบอก ทันใดนั้นแพทย์และพยาบาลสาวหนึ่งคนก้าวเข้ามาตรวจร่างกายเธอ
“ยังปวดหัวอยู่ไหมครับ” นายแพทย์เอ่ยถามเธอ
“ไม่ค่อยปวดค่ะ” แคนรี่เอ่ยบอกหมอ
“คุณหนูโนเวลไม่เป็นอะไรแล้วครับ สองวันก็ออกโรงพยาบาลแล้วครับ” แพทย์เอ่ยบอกทันที
“ขอบคุณหมอ” เฮนรี่เอ่ยบอกเขา
“ครับท่าน ขอตัวครับ” เขาเอ่ยบอก แล้วก้าวเดินออกไปพร้อมกับพยาบาล วิกตอเรียกอดแคนรี่ แคนรี่ก็กอดเธอตอบ
“ขอบคุณพระเจ้า และขอบคุณมิสเตอร์มอร์แกนที่พาลูกมาส่งลูกโรงพยาบาลได้ทันเวลา” เฮนรี่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดีใจ
“เจคอปช่วยหนูหรือคะ” แคนรี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเธอคิดว่าเขาน่าจะอยู่ในงานในตอนนั้น
“ใช่จ้า วันนั้น....”
วิกตอเรียเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟังทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ
“หนูออกจากโรงพยาบาล หนูต้องไปขอบคุณเขา” แคนรี่เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมา
“แคนรี่!!!”
เสียงของสามสาวเพื่อนๆ ดังขึ้นมา และเข้ามาหาเธอ อีกสามหนุ่มเดินตามมาข้างหลัง
“จำพวกฉันได้ไหม” เจนเอ่ยถามเธอทันที
“จำได้สิ เบลล่า เจน แคท จอร์จ อดัม แล้วนั้นใคร” แคนรี่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วชี้ไปตามเจ้าของชื่อ แล้วทอดสายตามองพี่ชายแฝดตัวเอง
“จำเอ็ดเวิร์ดไม่ได้เหรอ” เบลล่าเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ใคร ไม่รู้จัก” แคนรี่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“จำได้ทุกคน แต่จำฉันไม่ได้ ฉันไปแล้ว” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงผิดหวัง แล้วเดินหนี
“ไปแล้วเหรอพี่ชายเรายังไม่ได้บริหารปากกันเลยนะ” แคนรี่บอกเขา เขาหันกลับมา
“เดี๋ยวโดนไม่ใช่น้อย” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย และเผยรอยยิ้ม ทำให้ทุกคนพากันหัวเราะ เพราะแฝดคู่นี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ยังเด็ก
“น้อยใจด้วย ดีกันนะ” แคนรี่เอ่ยบอกน้ำเสียงยียวนชูนิ้วก้อย
“ไม่ ไม่ปฏิเสธ หายไวๆ นะ” เอ็ดเวิร์ดเอ่ย และกอดแคนรี่ทันที
“กลัวไม่มีใครเถียงหรือ” แคนรี่เอ่ยถาม
“ต้องไปทำงานแล้ว เดี๋ยวไม่มีค่านมให้ลูกกิน” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยบอก
“เกินไปละ อีกไม่กี่เดือนจะได้เป็นน้าแล้ว” แคนรี่เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มให้เขาแล้วทุกคนบอกลาเธอ แล้วออกไป
“คุณแม่ค่ะ คุณพ่อค่ะ ไปพักผ่อนเถอะค่ะ หนูอยู่กับรีร่า กับลูเซียได้” แคนรี่เอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะดูสีหน้าของพวกเขาดูอิดโรย
“พ่อจะให้พยาบาลมาดูแลพิเศษนะ” เฮนรี่เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“เอาที่คุณพ่อคุณแม่สบายใจแล้วกันค่ะ” แคนรี่บอกเขา เฮนรี่จึงหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา และกดโทรออก
“ชาลี เข้ามา” เขาเอ่ยบอกจบ แล้วชายหนุ่มหน้าตาดีก้าวเดินเข้ามาทันที และก้มโค้งให้ความเคารพ
“นายคอยดูแลลูกฉัน และอยู่หน้าห้องเธอ ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น มีอะไรก็โทรบอกฉันทันที” เฮนรี่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ชาลี เขามีอายุสี่สิบปี เขาดูเป็นหนุ่มภูมิฐาน เขายังเป็นเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดของเฮนรี่ อีกทั้งเขายังดูแลแม่เธออีกด้วย ในเวลาที่เฮนรี่ไม่อยู่
“ครับท่าน” ชาลีน้อมรับคำสั่งเขา แล้วออกไป
“พ่อกับแม่ไปก่อนนะ พรุ่งนี้จะเข้ามาหา” วิกตอเรียเอ่ยบอกเธอ แล้วก้าวเดินออกไปพร้อมกับเฮนรี่
“ขอบคุณนะ เจคอป”
แคนรี่เอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม เพราะการที่เธอฟื้นในครั้งนี้ เป็นเพราะเขานั้นได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้
ห้างโลวาล่าชั้นสิบหก ซึ่งเป็นห้องประธานกรรมการของบริษัท มอร์แกน มาเก็ตติ้ง จำกัด ซึ่งผู้บริหารคนปัจจุบันของบริษัทก็คือ เจคอป มอร์แกน เขาได้เข้ามาบริหารงานได้ประมาณสามปีหลังจากจบมหาวิทยาลัยในชั้นปริญญาเอก
เขายืนทอดสายตามองแม่น้ำเทมส์ ในมือของเขานั้นถือกาแฟในด้วยกระเบื้องเคลือบสีขาว อีกทั้งมีตราหมาป่าตรงตราของบริษัท
“แคนรี่เป็นไงบ้าง ยังไม่ได้ไปเยี่ยมเธอเลย” มาร์กเอ่ยถามเจคอป ขณะที่เขาก้าวเดินมานั่งที่โซฟาตัวยาว
“ดีขึ้นแล้ว ฉันพึ่งโทรไปหามิสเตอร์โนเวลเมื่อสักครู่” เจคอปเอ่ยบอกเขา
“ดีแล้ววันนี้นายไปไหนไหม”
“ไม่ละ เย็นนี้ฉันกลับบ้านเลย”
“โอเค ฉันไปทำงานก่อน แล้วเจอกัน”
“อืม”
“ต่อไปนี้ แม่จะให้รถบอดี้การ์ดตามรถของลูกตามถึงห้าคันเช่นเดียวกับรถของพ่อ และของเอ็ดเวิร์ด”
วิกตอเรียเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลังจากกินมื้อค่ำในคฤหาสน์ริมทะเลที่เฮนรี่ซื้อให้วิกตอเรีย
“แม่คะ ให้หนูมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง แค่นี้หนูก็ไม่มีเวลาส่วนตัวอยู่แล้ว” แคนรี่เอ่ยบอก
“ครึ่งๆ ก็ได้ให้ชารีดูแลลูก ไม่ว่าจะไปไหน ให้เขาขับรถตาม หรือขับรถให้ ให้เขาดูตลอดเวลา” วิกตอเรียเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะเธอไม่อยากให้แคนรี่พบเจอเรื่องแบบนี้อีก
“ก็ได้ค่ะ” แคนรี่เอ่ยบอก และถอนหายใจยาวๆ
“แม่คะ หนูขอกลับไปนอนที่บ้านนะ” แคนรี่เอ่ยบอก
“มันอันตรายเกินไป” เฮนรี่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะที่ก้าวลงมาจากบันได
“บ้านหลังนั้นที่พ่อซื้อให้ ก็เป็นป้อมปราการชั้นดี ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ หนูจะไม่ประมาทอีกแล้วค่ะ” แคนรี่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ก็ได้แต่ห้ามไปไหนคนเดียว ต้องมีชาลีไปด้วย” เฮนรี่บอกเอ่ยบอก
“ค่ะคุณพ่อ ไปก่อนนะคะ” แคนรี่เอ่ยบอกเขา และเธอแล้วลุกจากเก้าอี้ทันที
“นอนที่นี่อีกสักคืนแล้วค่อยไป” วิกตอเรียเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“หนูคิดถึงเตียงที่นั่นแล้ว” แคนรี่เอ่ยบอกเธอ แล้วก้าวเดินออกไปจากคฤหาสน์
“ดื้อจริงๆ” เฮนรี่เอ่ยบอกและถอนหายใจ
“เหมือนใครบางคนแถวนี้ละคะ” วิกตอเรียเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“พูดแบบนี้ เดี๋ยวคืนนี้มิสซิสโนเวลจะไม่ได้นอน” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ แล้วเผยรอยยิ้มที่มุมปาก
“น่ากลัวมากมิสเตอร์โนเวล” เธอเอ่ยบอกและแล้วกลอกตา เขากลับช้อนเรียวขาและแผ่นหลังไม่ให้ทันตั้งตัว
“ปล่อยฉันลง เฮนรี่เดี๋ยวคนเห็น” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยความเขินอาย ขณะที่มือเรียวคล้องคอเขาเอาไว้
“ลูกสองแล้วจะอายอะไรครับ มิสซิสโนเวล” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วอุ้มเธอขึ้นบนบ้าน เพราะคืนนี้อีกยาวไกล
