ตอนที่ 2 ห้องทำงานไม่ใช่ที่ปลอดภัย
ตอนที่ 2
ห้องทำงานไม่ใช่ที่ปลอดภัย
หลังเหตุการณ์อันน่าตกตะลึงในลิฟต์เมื่อเช้านั้น พิมพ์ดาวพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะตั้งสติให้กลับมาเป็นเลขาที่ดี ให้สมกับตำแหน่งเลขานุการฝึกงานที่เธอใฝ่ฝันมานานแสนนาน แต่ทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย เมื่อ ความทรงจำอันร้อนฉ่าจากสัมผัสของเขาคืบคลานเข้ามาในห้วงความคิดแทบจะทุกนาที ราวกับภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำไม่รู้จบ
มือเรียวที่กำลังกดคีย์บอร์ดเอกสารสำคัญยังคงสั่นไม่หาย ใจเต้นระรัวทุกครั้งที่ได้ยิน เสียงรองเท้าหนังเนื้อดีของเขาเดินผ่านหน้าโต๊ะทำงาน เพียงแค่เงาที่ทอดผ่านก็ทำให้เธอสะดุ้งเฮือกแล้ว
“เลขาพิมพ์ดาว”
เสียงเรียบลึก ทุ้มกังวานของประธานหนุ่มดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้พิมพ์ดาวถึงกับสะดุ้งตัวโยน เธอหันขวับไปมองอย่างรวดเร็ว ดวงตาโตเบิกกว้างด้วยความตกใจระคนประหม่า เมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าอย่างสง่าผ่าเผย พร้อมกับดวงตาคู่คมกริบที่อ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ค่ะ” เธอตอบรับเสียงแผ่ว
“เอาแฟ้มการเงินเข้ามาให้ในห้องฉัน...ตอนนี้”
น้ำเสียงของเขานิ่งสนิทราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นลม ทว่านัยน์ตาอันร้อนแรงกลับแผดเผา ราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัวให้มอดไหม้ไปกับเปลวไฟแห่งความปรารถนาที่เขาจุดขึ้น
พิมพ์ดาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เสมือนก้อนหินที่ถ่วงอยู่ในลำคอ ความร้อนผ่าวแล่นจากใบหน้าลงมาถึงลำคอ เธอรีบคว้าแฟ้มเอกสารสำคัญที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานด้วยมือที่ยังคงสั่นเทา ก่อนจะรีบเดินตามร่างสูงใหญ่ของประธานหนุ่มเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวที่อยู่บนชั้นบนสุด
บานประตูไม้เนื้อแข็งหนักอึ้งปิดสนิทลงทันที หลังเธอก้าวเข้ามาภายในห้อง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมผู้ชายราคาแพงที่ผสมผสานกับกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟคั่วบดชั้นดีลอยอวลอยู่ทั่วห้อง กลิ่นนั้นโอบล้อมเธอไว้ราวกับจะเชื้อเชิญให้จมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความลุ่มหลง พิมพ์ดาวไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตาเขาตรงๆ ได้แต่ก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเอง
“แฟ้มค่ะ...” เธอเอ่ยเสียงเบา พยายามยื่นแฟ้มให้เขาด้วยมือที่พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่สั่นไหว
แต่เขาไม่ได้รับ...ตรงกันข้าม คีรัณย์กลับเดินอ้อมโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่วางอยู่กลางห้อง แล้วเอื้อมมือดึงแฟ้มจากมือเธออย่างเฉยชา ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะไม้เนื้อดีอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาคมกริบของเขายังคงจดจ้องอยู่แต่ที่ใบหน้าของเธอ ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ จงใจทอดจังหวะให้เธอได้รับรู้ถึงทุกก้าวที่ใกล้เข้ามา
เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นไม้เนื้อแข็งดัง “กึกๆ” ราวกับเสียงเต้นของหัวใจเธอที่รัวแรงขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะทะลุออกมานอกอก แรงเต้นที่ส่งผ่านไปทั่วทั้งร่างทำให้เธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว
“คุณไม่คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในลิฟต์เลยเหรอ” เขาถามเสียงเบา แต่ชัดถ้อยชัดคำทุกพยางค์ ริมฝีปากหยักลึกยกยิ้มบางอย่างเจ้าเล่ห์ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของพิมพ์ดาวเต้นผิดจังหวะ
“ฉะ...ฉันไม่แน่ใจว่าควรพูดถึงหรือเปล่า...” เธอตอบเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู ก้มหน้าหลบสายตาคมกริบของเขาอย่างสิ้นเชิง
“แต่ฉัน...คิดถึง”
เขาขยับเข้ามาใกล้จนริมฝีปากร้อนผ่าวแทบจะแนบชิดกับใบหูของเธอ ก่อนจะจับปลายคางเรียวของเธอเงยขึ้นมาให้สบตาเขาตรงๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความปรารถนาที่ไม่อาจปกปิดได้
“และฉัน...อยากได้อีก”
จูบแรกทาบลงมาบนริมฝีปากของเธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ แต่กลับแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนที่ทำให้พิมพ์ดาวถึงกับตัวอ่อนระทวย เขากดเธอลงบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ โดยที่แฟ้มเอกสารยังคงวางอยู่ข้างๆ อย่างไม่ถูกเขี่ยตกพื้น ราวกับต้องการให้เธอได้รับรู้ถึงความร้อนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นบนพื้นที่แห่งการทำงานนี้
มือใหญ่ของเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธออย่างแนบแน่น ไม่รีบร้อน แต่กลับทำให้หัวใจของเธอเต้นสั่นระริกแทบขาดใจ
“วันนี้ฉันจะไม่รีบเหมือนในลิฟต์...”
เสียงของเขาแหบพร่า ดวงตาคมกริบโลมเลียรูปร่างของเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างพึงพอใจ เสมือนกำลังสำรวจผลงานชิ้นเอกที่น่าหลงใหล
คีรัณย์นั่งลงบนเก้าอี้หนังบุนวมอย่างสง่างาม ก่อนจะออกแรงดึงพิมพ์ดาวให้มายืนคร่อมบนต้นขาแข็งแกร่งของเขา มือใหญ่ของเขาเลื่อนขึ้นไปโอบรัดสะโพกผายของเธอไว้แน่น ร่างของเธอสั่นระริกตามสัมผัสที่ร้อนแรงของเขา
“ขึ้นมานั่งบนตักฉัน...แล้วปลดกระโปรงเอง” น้ำเสียงทุ้มต่ำสั่งด้วยความเย้ายวน พิมพ์ดาวอึกอักเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ยอมทำตาม ร่างของเธอเบียดแนบชิดกับหน้าอกแกร่งของเขา หัวใจเต้นระรัวไม่หยุดราวกับกลองศึก
เมื่อกระโปรงตัวสวยถูกร่นขึ้นสูงเหนือเอว คีรัณย์ก้มลงจูบต้นขาเนียนของเธอเบาๆ ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้า แต่เร่าร้อนจนกระทั่งถึงจุดที่เปียกชื้นแม้จะยังไม่ได้แตะต้อง
“รอฉันอยู่ตรงนี้ใช่ไหม...”
เขาพึมพำ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแกร่งลากช้าๆ ไปตามขอบชุดชั้นในลูกไม้ที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้ร่มผ้า แล้วค่อยๆ เลื่อนลงไปตามรอยแยกนุ่มนิ่มจนพิมพ์ดาวครางเสียงแผ่วออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“อืม...อย่าทำให้ฉันทรมานแบบนี้สิคะ...” เสียงหวานใสอ้อนวอน
“ฉันต่างหากที่กำลังทรมาน พิมพ์ดาว...”
ปลายนิ้วของเขาสอดเข้าไปภายในอย่างช้าๆ อย่างจงใจ ขณะที่ริมฝีปากของเขาก็ประกบจูบกับเธออย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทั้งเสียงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและเสียงเปียกชื้นที่ดังแผ่วเบาผสมผสานกันกลายเป็นบทเพลงเร้าอารมณ์ที่บรรเลงอยู่ในห้องทำงานอันเงียบงัน
เมื่อเขาดันตัวเธอให้นั่งทับเขาในท่า face-to-face บนเก้าอี้ พิมพ์ดาวก็ได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งและความเร่าร้อนที่พร้อมจะทะลวงเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ความร้อนผ่าวที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาทำให้เธอแทบจะหลอมละลายไปกับเขา
“ฉันจะรักเธอ...ตรงนี้”
เสียงเขากระซิบแนบชิดกับอกเธอ ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเชื่อมแน่นเป็นหนึ่งเดียว ความร้อนรุ่มที่ทะลักเข้ามาทำให้พิมพ์ดาวครางเบาๆ มือเรียวสวยจิกเข้าที่ไหล่กว้างของเขาไว้แน่น ร่างกายของเธอขยับตามจังหวะการกระแทกที่ดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ ลึก ช้า หนักแน่น ทุกจังหวะคือความเร่าร้อนที่ไม่อาจต้านทานได้
ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นประคองท้ายทอยของเธอ แล้วก้มลงจูบเธอซ้ำอีกครั้ง...ละมุนลึก อ่อนหวาน แต่เร่าร้อนแทบลุกเป็นไฟ จนพิมพ์ดาวแทบจะขาดใจ
“พิมพ์ดาว...ร่างกายเธอคือคำสั่งที่ฉันไม่มีวันขัดขืนได้”
เธอกระตุกเบาๆ มือเรียวสวยจิกเบาะเก้าอี้แน่นในจังหวะสุดท้ายที่เขากระแทกสุดแรง เสียงลมหายใจแผ่วแรงสะท้อนอยู่ในห้องทำงานที่เพิ่งผ่านพ้นความเร่าร้อนอันมหาศาล
เงียบงัน...พิมพ์ดาวซบอกเขา ร่างกายยังคงหอบเบาๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน มือใหญ่ของเขาลูบไล้เส้นผมของเธออย่างแผ่วเบา คล้ายจะปลอบโยนและปกป้องเธอจากโลกภายนอก
“เราจะ...ไม่บอกใครใช่ไหมคะ” เสียงหวานใสเอ่ยถามอย่างแผ่วเบาด้วยความกังวล
“ไม่ต้องบอกใคร...” เขาหอมหน้าผากเธอเบาๆ แล้วกระซิบเสียงนุ่มนวล
“แต่ฉันจะบอกเธอทุกวัน...ว่าฉันอยากได้เธอแค่ไหน” เสียงทุ้มต่ำของเขาเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ผูกมัดทั้งร่างกายและจิตใจของพิมพ์ดาวไว้กับเขาอย่างแน่นหนา
