ตอนที่ 3 ประชุมลับใน
ตอนที่ 3
ประชุมลับใน
เช้าวันนั้น...บรรยากาศในห้องประชุมใหญ่ค่อนข้างเคร่งขรึมและเต็มไปด้วยความคาดหวัง ผู้บริหารระดับสูงจากทุกแผนกมานั่งรอกันครบถ้วนตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเข้าร่วมประชุมวาระสำคัญเกี่ยวกับการลงทุนก้อนใหญ่ของบริษัทในไตรมาสหน้า ซึ่งอาจกำหนดทิศทางอนาคตขององค์กรได้เลยทีเดียว
พิมพ์ดาวก้าวเข้ามาในห้องประชุมพร้อมแฟ้มเอกสารสำคัญในมือ ใบหน้ายังคงระเรื่อขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัดจากเหตุการณ์เร่าร้อนในห้องทำงานขอประธานเมื่อวานนี้ ทุกอย่างยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ รอยจูบอันเร่าร้อน รอยสัมผัสที่ซึมลึกถึงวิญญาณ และลมหายใจอุ่นร้อนของเขายังคงวนเวียนอยู่รอบกายไม่จางหายไปไหน
และเขา...ประธานคีรัณย์...ก็กำลังนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะทางฝั่งซ้ายของโต๊ะประชุมตัวยาวอย่างสง่างามไร้ที่ติ
คีรัณย์สวมสูทสีดำเรียบหรูที่ตัดเย็บอย่างประณีต เสริมให้บุคลิกของเขาดูเฉียบคมและทรงอำนาจยิ่งขึ้น ดวงตาคมกริบใต้คิ้วเข้มจ้องมองตรงไปยังพิมพ์ดาวทันทีที่ประตูเปิดออก ราวกับรู้ว่าเธอจะต้องมา และเฝ้ารอคอยการปรากฏตัวของเธออยู่แล้ว
พิมพ์ดาวหลบสายตาคมกริบนั้นทันที หัวใจเต้นรัวด้วยความประหม่าปนความเร่าร้อนที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ภายใน เธอรีบเดินไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ ผู้ช่วยฝ่ายการเงิน ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก พชร หนุ่มหล่อมาดดีอีกคนในบริษัทที่ช่วงนี้เริ่มจะจ้องมองเธอด้วยสายตาที่มากเกินกว่าปกติ
“เมื่อคืนหายไปเลยนะครับ ไม่ตอบไลน์เลย” เสียงทุ้มของพชรเอ่ยกระซิบเบาๆ ขณะที่พิมพ์ดาววางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ
“เอ่อ...เมื่อคืนฉันเคลียร์งานให้บอสค่ะ เลยนอนดึกมาก” เธอตอบเสียงเบา พยายามไม่สบตาทั้งกับพชรและกับคีรัณย์ที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ
คีรัณย์ปรายตามามองอย่างนิ่งสงบ แต่ภายใน...กลับร้อนระอุยิ่งกว่าเปลวไฟที่กำลังแผดเผาอยู่ในใจ เขารู้สึกไม่ชอบใจเลยแม้แต่น้อยที่เห็นชายอื่นมองเธอด้วยแววตาแบบนั้น ไม่ชอบเลยที่พชรยังคงพยายามเข้าหาพิมพ์ดาว และจะไม่มีวันยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก
ไม่ชอบ...และเขาจะทำให้พชร รวมถึงทุกคนในห้องประชุมนี้ ได้รับรู้ว่าพิมพ์ดาว 'เป็นของใคร'
การประชุมเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงพากษ์และเสียงพลิกเอกสารเบาๆ พิมพ์ดาวนั่งตัวเกร็งอยู่ที่เก้าอี้มุมขวาของโต๊ะประชุมตัวยาวที่เรียงรายด้วยผู้บริหารระดับสูง คีรัณย์ยังคงนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะฝั่งซ้าย ส่วนพชรนั่งติดกับเธอทางฝั่งขวา ครึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างเชื่องช้า พิมพ์ดาวเริ่มจดบันทึกการประชุมอย่างขะมักเขม้น พลัน...
ปลายเท้าคนบางคน...สัมผัสเข้ากับต้นขาด้านในของเธออย่างจงใจ แผ่วเบา แต่ก็มากพอที่จะทำให้พิมพ์ดาวสะดุ้งเฮือก เธอหันไปมองทางพชรทันทีด้วยความตกใจระคนสงสัย แต่เขากลับก้มหน้าก้มตาจดอะไรบางอย่างลงบนกระดาษอย่างจริงจัง ไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย
จนกระทั่ง...ปลายเท้านั้นขยับอีกครั้ง คราวนี้มันเลื่อนขึ้นสูงกว่าเดิมอีกเล็กน้อย จนเกือบจะถึงขอบกระโปรงของเธอที่ทอดตัวอยู่เหนือเข่า พิมพ์ดาวกลั้นหายใจเฮือกหนึ่ง หันขวับไปอีกทางอย่างรวดเร็วเพื่อมองหาผู้กระทำ
คีรัณย์...เขานั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ สายตานิ่งเฉยราวกับไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งใดที่กำลังก่อเกิดอยู่ใต้โต๊ะประชุมอันศักดิ์สิทธิ์ แต่...
รอยยิ้มมุมปากนั่น! รอยยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็นแต่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และรู้ทัน เขารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่! และเขาก็จงใจที่จะทำมัน!
ไฟรักใต้โต๊ะปลายเท้าหนังขัดมันสีดำขยับไล้ขึ้นลงเป็นจังหวะช้าๆ บนต้นขาด้านในของเธอ ราวกับจงใจแกล้งให้เธอปั่นป่วนและเสียสมาธิ มือของพิมพ์ดาวจิกปลายปากกาแน่นจนเหงื่อชื้นเต็มฝ่ามือไปหมด ลมหายใจสะดุดกึก หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะราวกับจะหลุดออกมานอกอก
เขาขยับเท้าลึกขึ้น... จนปลายเท้าไปแตะตรงกลางจุดซ่อนเร้นที่เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างน่ากลัว พิมพ์ดาวกัดริมฝีปากแน่นพยายามห้ามเสียงครางที่แทบจะหลุดออกมาจากลำคอ อีกมือหนึ่งรีบคว้าแฟ้มเอกสารขึ้นมาบังใบหน้าตัวเองไว้ราวกับกลัวถูกใครจับได้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายใต้โต๊ะ
แต่คีรัณย์ไม่หยุด... เขากลับเลื่อนเท้าขึ้นสูงกว่าเดิมอีก จนกระโปรงของเธอร่นสูงขึ้น เผยให้เห็นต้นขาขาวเนียนที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะอย่างชัดเจน แล้วขยับปลายเท้ากดลงเบาๆ ตรงจุดที่กำลังร้อนรุ่ม
“อ๊ะ...!” เสียงครางแผ่วหลุดออกมาจากริมฝีปากบางโดยไม่ตั้งใจ พิมพ์ดาวต้องรีบไอเบาๆ กลบเกลื่อนความประหม่า
“คุณพิมพ์ดาว มีอะไรหรือเปล่าครับ?” เสียงพชรถามด้วยความห่วงใย
เธอส่ายหน้ารัวๆ รีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสั่นเครือ “ไม่ค่ะ! ฉันแค่...ไอติดคอนิดหน่อย”
คีรัณย์ส่งสายตาเฉยชามาให้เธอ แต่ในดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความพอใจอย่างเหลือล้นที่เห็นเธอสั่นไหวและอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อการประชุมใกล้จะจบลง เขาลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทว่าเปี่ยมด้วยอำนาจ
“เลขาพิมพ์ดาว...ช่วยตามเข้ามาเคลียร์สไลด์ด้วย”
หญิงสาวหน้าแดงก่ำ พยักหน้าหงึกหงักอย่างรวดเร็ว รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามเขาไปที่ห้องพักผ่อนด้านหลังห้องประชุมอย่างเลี่ยงไม่ได้
ประตูห้องพักผ่อนด้านหลังปิดลงทันทีด้วยเสียง 'คลิก' เบาๆ และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง...เขาก็ผลักเธอติดผนังอย่างรวดเร็ว
“บะ...บอส!”
“เมื่อกี้นี้เธอกล้าสบตาคนอื่น ขณะที่ฉันกำลังแตะตรงนั้นของเธอ...” เขากระซิบเสียงแหบต่ำ กัดเบาๆ ตรงติ่งหูของเธออย่างย้ำเตือน แล้วจูบซอกคอขาวเนียนของเธอแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความหึงหวงที่ไม่อาจเก็บงำได้
“รู้ไหม...ฉันหึง หึงจนแทบคลั่ง!”
เขาจับเธอนั่งลงบนโต๊ะเตี้ยกลางห้องอย่างนุ่มนวล แต่แฝงไปด้วยความรวดเร็ว มือใหญ่แหวกกระโปรงของเธอขึ้นสูงอย่างเร่งเร้า นิ้วเรียวยาวของเขาเลื่อนผ่านเนื้ออ่อนนุ่มที่ยังคงชุ่มฉ่ำจากเมื่อครู่ที่เขาปั่นหัวเธอไว้ใต้โต๊ะ
“ยังเปียกอยู่เลย... พิมพ์ดาว” เขากระซิบ ก่อนจะแทรกลิ้นลงไปช้าๆ อย่างเชี่ยวชาญ
“อ๊า...! คีรัณย์!”
เธอครางออกมาอย่างหมดทางต้านทาน ขณะที่เขาใช้ลิ้นอย่างชำนาญการ ไล้แตะเบาๆ แล้วขยับแรงขึ้นในจังหวะที่เร้าใจยิ่งขึ้น เสียงน้ำซ่านที่เกิดจากความปรารถนาของเธอบวกกับเสียงหอบเบาๆ ของพิมพ์ดาว ผสมผสานกันกลายเป็นบทเพลงแห่งอารมณ์ที่บรรเลงขึ้นในห้องพักผ่อนอันเงียบงัน
ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืน ถอนเข็มขัดออกจากกางเกง แล้วมองเธอด้วยแววตาที่แน่นขนัดไปด้วยแรงปรารถนาอันรุนแรง
“หันหลัง” เขาสั่งเสียงแหบพร่า
เธอหันหลังพิงโต๊ะ ดันสะโพกกลมกลึงยกขึ้นตามสัญชาตญาณอย่างไม่มีข้อกังขา และเขาก็สอดกายเข้ามาแน่นลึกในทันที แรงกระแทกหนักแน่นแต่ไม่หยาบคาย ลึก ช้า และแนบแน่น ทุกจังหวะบ่งบอกถึงความต้องการที่อัดแน่น
มือแกร่งของเขากุมเอวเธอไว้แน่น เสียงเนื้อกระทบกันเป็นจังหวะรุนแรงแต่กลับแฝงความรักอ่อนลึกที่ไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็น
“คุณคือของฉัน...พิมพ์ดาว...” เขากระซิบกลางเสียงครางที่ดังออกมาจากลำคอ “และไม่มีใครได้แตะต้องคุณ...นอกจากฉัน”
เสียงครางสุดท้ายของเธอถูกดูดกลืนไปกับจูบแสนหวานที่เขามอบให้ ลมหายใจของเขากระชั้นถี่ ร่างกายแนบชิดกันไร้ช่องว่างราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
หลังจากจบทุกอย่าง เขาดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่น จูบหน้าผากอย่างแผ่วเบา เป็นการปลอบโยนและแสดงความรักที่ซ่อนเร้น
“ฉันจะอดทนไม่หึง...ถ้าเธอช่วยอยู่ให้ใกล้ฉันมากกว่านี้”
หญิงสาวพยักหน้า ใจเต้นแรง พิงอกเขาเงียบๆ รับรู้ถึงความจริงที่ว่า... เธอกำลังถลำลึกเกินกว่าจะถอนตัวได้แล้ว และปรารถนาที่จะจมดิ่งลงไปในวังวนแห่งความรักที่เร่าร้อนนี้กับเขาตลอดไป
