บทที่ 4 เหตุใดต้องห่วงใยนาง
บทที่ 4
เหตุใดต้องห่วงใยนาง
“ท่านหมอมาแล้วขอรับท่านแม่ทัพ”
เมื่อองครักษ์เยว่รายงาน แม่ทัพหมิงหงเยี่ยนเพียงพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองสาวใช้ทางด้านหลังที่กุลีกุจอใส่เสื้อผ้าให้คุณหนูใหญ่ไท่อี่หลินแล้วเสร็จพอดี
หมอทหารเดินเข้ามาทำความเคารพผู้บังคับบัญชาอย่างแข็งขัน ก่อนจะเร่งตรวจชีพจรของไท่อี่หลิน พบว่าร่างกายของนางอ่อนแอและขาดสารอาหารที่เป็นประโยชน์มาเป็นระยะเวลานาน เมื่อพบเจอเรื่องเครียดจึงทำให้ร่างกายย่ำแย่ แต่โดยรวมแล้วไม่มีสิ่งใดน่าเป็นกังวล จากนั้นหมอทหารจึงทำแผลที่ฝ่าเท้าให้คุณหนูใหญ่ไท่อย่างเบามือ
ทุกขั้นตอนแม่ทัพหมิงล้วนยืนมองอยู่ไม่ห่าง เขาจึงได้เห็นว่าแผลที่ฝ่าเท้าของนางนั้นเหวอะหวะชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน เศษหินเศษกรวดเล็กๆ ฝังเข้าไปในผิวเนื้อสีแดงชาด หมอต้องค่อยๆ คีบเศษหินเหล่านั้นออก นำความเจ็บปวดมาให้เจ้าของร่างที่หลับใหลจนกระสับกระส่าย เหงื่อหยดโตผุดขึ้นเต็มใบหน้า
“อื้อ!”
ใบหน้าซีดเผือดส่ายสะบัดไปมาจนเรือนผมยุ่งเหยิง เรียวปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง แม้ดวงตาจะหลับสนิททว่ากลับมีหยาดน้ำตาไหลรินออกมาเป็นสาย
หมิงหงเยี่ยนรู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างกดทับลงที่กลางอก ไวกว่าความคิดเขายื่นมือไปสกัดจุดปราณเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้หญิงสาว
ไท่อี่หลินจึงสงบลง ใบหน้าที่บิดเบี้ยวเหยเกดูผ่อนคลาย หมอจึงคีบเศษหินเศษกรวดออกจากฝ่าเท้าของนางได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ทว่าทุกการกระทำของแม่ทัพหมิงล้วนอยู่ในสายตาขององครักษ์เยว่และท่านหมอเซี่ย ทั้งสองอยู่ในกองทัพพยัคฆ์หมอกมานานมีหรือจะไม่รู้ว่าแม่ทัพหมิงเป็นคนเช่นไร ทั้งเย็นชา โหดร้าย ไร้ความเมตตา
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นผู้บังคับบัญชาที่แสนแข็งกระด้างแสดงกิริยาอ่อนโยนต่อสตรี
สิ่งที่ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกมีหรือที่หมิงหงเยี่ยนจะไม่รู้สึก เขาขมวดคิ้วมุ่นด้วยความหงุดหงิดตนเองที่เผลอทำเรื่องโง่เง่าลงไป
‘ทำไมข้าต้องห่วงใยนางด้วย! ช่าวไร้สาระนัก!’
นั่นคือคำถามและคำสบถที่ผุดขึ้นในหัวใจ แน่นอนว่าแม่ทัพหนุ่มไม่อาจค้นหาคำตอบ เขากัดฟันกรอดจนสันกรามปูดโปนก่อนจะฮึดฮัดก้าวออกจากเรือนนอนหลังเล็กซอมซ่อราวกับกำลังหนีความรู้สึกประหลาดที่พุ่งเข้าจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว
“เจ้าคอยดูแลรับใช้คุณหนูใหญ่ไท่ให้ดี”
องครักษ์เยว่เห็นว่าแม่ทัพหมิงใส่ใจแม้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของคุณหนูใหญ่ไท่อี่หลิน จึงได้สั่งให้สาวใช้คอยดูแลอาการของคุณหนูใหญ่ไท่
“เจ้าค่ะ”
สาวใช้รีบก้มหน้ารับคำ ก่อนจะเหลือบตามองคุณหนูใหญ่ด้วยสายตาดูแคลน นั่นเพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาคุณหนูใหญ่ไท่มีชีวิตอยู่ในจวนอย่างไร้ตัวตน อาศัยอยู่กับฮูหยินเอกที่ถูกคุมขังในเรือนเล็กท้ายจวนห่างไกลผู้คน
‘วางถิง’ เป็นสาวใช้คนสนิทของคุณหนูรองไท่ฉินฉินผู้อ่อนหวานงดงามเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เวลานี้สกุลไท่ได้รับเคราะห์กรรมอย่างไม่เป็นธรรม หากว่าผู้ที่อยู่ในอ้อมกอดของแม่ทัพหมิงหงเยี่ยนคือคุณหนูรองไท่ฉินฉินคงดีไม่น้อย
เพราะการที่คุณหนูใหญ่ไท่อี่หลินตกอยู่ในอ้อมกอดของแม่ทัพหมิงดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ต่อตระกูลไท่เท่าใดนัก มิหนำซ้ำยังทำเรื่องโง่ๆ จนสลบไปแทนที่จะได้ปรนนิบัติท่านแม่ทัพเพื่อความโปรดปราน
วางถิงทรุดตัวลงที่เตียงนอนอีกฝั่งหนึ่ง เดาได้ว่าคงเป็นเตียงนอนของฮูหยินเอกผู้เป็นมารดาของคุณหนูใหญ่ไท่ สองแม่ลูกนอนอุดอู้อยู่ในห้องแคบๆ ภายในเรือนเล็กหลังนี้มีห้องกินข้าวและห้องครัวแยกออกไปต่างหากก็จริงอยู่ กระนั้นกลับเรียกได้ว่าคับแคบชวนอึดอัด ฝาไม้กระดานบางจุดผุพังไม่ได้รับการซ่อมแซม
วางถิงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเจ้านายอย่างไม่ให้ความเคารพ อย่างน้อยๆ คืนนี้นางไม่ต้องถูกคุมขังจนต้องนอนเบียดเสียดกับเหล่าบ่าวชายและสาวใช้ในโรงเลี้ยงม้า
สาวใช้นอนคิดโน้นคิดนี่พลิกตัวไปมาไม่อาจข่มตานอนหลับ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากเรือนเล็กไปยังคุกใต้ดินของสกุลไท่ซึ่งบัดนี้เป็นคนสกุลไท่ที่ถูกคุมขังอยู่ในนั้น
“ข้าคือสาวใช้ที่ท่านแม่ทัพหมิงปล่อยตัวออกมาจากโรงเลี้ยงม้าเจ้าค่ะ ข้าต้องการพบคุณหนูรองไท่เพียงครู่เดียวเท่านั้น”
วางถิงอ้างชื่อแม่ทัพหมิงอย่างหน้าตาเฉย ทหารยามพอจะได้ยินมาบ้างว่าแม่ทัพปล่อยสาวใช้ออกมาคนหนึ่งเพื่อให้คอยดูแลคุณหนูสกุลไท่จึงได้พยักหน้าปล่อยนางเข้าไป
“ครู่เดียวเท่านั้นนะ คุยธุระเสร็จแล้วก็รีบออกมา ห้ามชักช้าเด็ดขาด”
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”
วางถิงรีบก้าวเข้าไปข้างในคุก คุกห้องแรกขังพ่อบ้าน หัวหน้าสาวใช้ ผู้ช่วยเข่อ รองผู้ช่วยหวง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนสนิทของประมุขไท่ทั้งสิ้น แม่ทัพหมิงตั้งใจจะประหารคนเหล่านี้เพราะมีส่วนเกี่ยวพันกับทรัพย์สินที่ยักยอกไป
คุกห้องถัดไปเป็นฮูหยินเอก ฮูหยินรองและคุณหนูรองไท่ ก่อนหน้านี้คุณหนูใหญ่ไท่ก็ถูกขังรวมอยู่ในห้องนี้เช่นกัน ส่วนคุกห้องตรงกันข้ามคือเป็นห้องที่ขังประมุขไท่ คุณชายสาม และคุณชายสี่ ซึ่งคุณชายทั้งสองนี้ล้วนเกิดจากฮูหยินรองทั้งหมด
“คุณหนูรองเจ้าขา บ่าวมีข่าวสำคัญมาบอกเจ้าค่ะ”
วางถิงไม่รอช้ารีบปราดเข้าไปเกาะลูกกรงเหล็ก เพื่อบอกข่าวดีแก่เจ้านายสาวด้วยความภักดี
“จะมีข่าวอันใดสำคัญสำหรับคนที่กำลังต้องโทษประหารชีวิตเช่นข้าอีก”
คุณหนูรองไท่ฉินฉินเบือนสายตามองเหม่อพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหมดอาลัยตายอยาก พรุ่งนี้เช้าผู้คนในสกุลไท่ทั้งหมดก็จะถูกประหารชีวิต ไม่มีแม้ปาฏิหาริย์ให้คาดหวัง
“มีสิเจ้าคะคุณหนูรอง เพราะเวลานี้คุณหนูใหญ่ทำพลาดอุ่นเตียงให้ท่านแม่ทัพหมิงไม่สำเร็จ อีกทั้งยังโง่ทำตัวเองบาดเจ็บสาหัสจนฝ่าเท้ามีแผลเหวอะหวะน่าสยดสยอง แผลน่ากลัวขนาดนั้นจะมีบุรุษใดกล้ากอดนางกันเล่าเจ้าคะ”
วางถิงเล่าพลางห่อไหล่เข้าหากัน ภาพแผลน่ากลัวที่ฝ่าเท้ายังติดตา
