บทที่ 1 เจ้าหมาน้อย
บทที่ 1
เจ้าหมาน้อย
ดวงตาคมกร้าวดุจราชสีห์จ้องมองนางสุนัขจิ้งจอกที่กำลังร่ายรำไม่วางตา ไม่อาจบอกได้ว่าหมิงหงเยี่ยนพึงใจหรือไม่พึงใจ เพราะใบหน้าของเขาเรียบเฉยดั่งไร้ความรู้สึก
สังหารคนก็ใบหน้าเรียบเฉยเช่นนี้
ดีใจก็ใบหน้าเรียบเฉยเช่นนี้
เสียใจก็ใบหน้าเรียบเฉยเช่นนี้
จนทุกคนต่างลือว่าแม่ทัพหมิงหงเยี่ยนเป็นบุรุษไร้ใจ ไร้รัก ไร้ความเมตตา ไร้ความรู้สึก เขามีชีวิตอยู่เพื่อดื่มกินโลหิตศัตรูเท่านั้น แม่ทัพหมิงเป็นสหายคนสนิทของโอรสสวรรค์ตั้งแต่เยาว์วัย อีกทั้งยังช่วยปราบปรามกบฏครั้งใหญ่ นับเป็นหัวหอกสำคัญในการช่วยให้บัลลังก์มังกรมั่นคง
ที่ผ่านมาแม่ทัพหมิงหงเยี่ยนไม่สนใจอิสตรีนางใด ต่อให้โอรสสวรรค์พยายามจับคู่ให้เขากับองค์หญิงเจ็ด เขาก็กล้าที่จะออกปากปฏิเสธโดยไม่หวั่นเกรงอาญา
สตรีสำหรับเขาแล้วเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเจ้ามารยา บีบน้ำตาจอมปลอม รอยยิ้มและเสียงหัวเราะแสนเสแสร้งของพวกนางล้วนบาดหูเขายิ่งนัก ในหัวใจและหัวสมองของพวกนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น
ที่ผ่านมาเขากอดสตรีก็เพียงเพื่อบำบัดกามราคะเท่านั้น ไม่คิดผูกพัน ไม่คิดมอบใจ ไม่คิดอยากหยุดอยู่ที่สตรีนางใดนางหนึ่ง เขาผลัดเปลี่ยนสตรีดุจผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ประดับกาย
ดังนั้นเมื่อองครักษ์เยว่มาแจ้งว่าคุณหนูใหญ่ไท่ขอทำหน้าที่อุ่นเตียงเพื่อแลกกับชีวิต เขาจึงได้อนุญาตโดยไม่จำเป็นต้องไตร่ตรอง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหล่าคุณหนูจากครอบครัวที่รอวันประหารชีวิตพยายามเสนอตัวนอนกับเขาเพื่อหวังให้ตนเองมีชีวิตรอด
เมื่อเสนอมีหรือที่เขาจะไม่สนอง...
แม่ทัพหมิงตักตวงกามา ยืดระยะเวลาลมหายใจของพวกนางไปอีกหน่อย ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ หากพวกนางปรนนิบัติเขาจนเป็นที่น่าพอใจนางอาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ถึงหนึ่งเดือน เมื่อเขาเบื่อหน่ายเขาก็จะมอบนางให้ไปเป็นอนุภรรยาของเหล่าทหารใต้บังคับบัญชา
แต่หากสตรีนางใดพยายามจะครอบครอง หรือทำให้เขาไม่ถูกใจ เขาก็จะมอบความตายให้นางได้เดินทางตามครอบครัวไปยังปรโลก ด้วยยาพิษไร้สีไร้กลิ่นไร้ความรู้สึกเจ็บปวด หาใช่แท่นประหารบั่นศีรษะที่น่าหวาดหวั่น
นั่นนับเป็นความกรุณาอย่างถึงที่สุดที่เขาจะมอบให้แก่บุตรสาวของขุนนางกังฉินฉ้อราษฎร์บังหลวง
ทว่า...
สตรีตรงหน้านี้กลับทำให้หมิงหงเยี่ยนรู้สึกหวิวโหวงในหัวใจ เป็นความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนที่เขาเห็นลูกสุนัขกำลังหยัดยืนด้วยสี่ขาอันสั่นเทา ใบหน้าของมันแม้หวาดกลัวแต่กลับมีดวงตากล้าหาญ มันตะเบ็งเสียงเห่ากรรโชกดั่งตนเองเป็นราชสีห์
แม้กลัวจนตัวสั่นแต่มันกลับไม่ยอมถอยหลัง พร้อมจะสู้จนตัวตาย นั่นเพราะสุนัขตัวนั้นปกป้องแม่สุนัขที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนหายใจรวยรินอยู่เบื้องหลัง ในขณะที่ลูกสุนัขตัวอื่นๆ หวาดกลัวจนหนีไปหลบอยู่หลังแม่สุนัขใกล้ตาย บางตัวถึงกับหนีเตลิดไปไกล
ภาพในวันนั้นตราตรึงในหัวใจของหมิงหงเยี่ยนไม่คลาย เป็นความประทับใจที่ทำให้ชายหนุ่มได้เข้าใจว่าความรักและการปกป้องมันเป็นเช่นไร
โดยที่ลูกสุนัขตัวนั้นสอนให้เขาได้รู้จัก...
สอนมนุษย์คนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาอย่างเดียวดายอ้างว้าง ให้เข้าใจว่าความแข็งแกร่งไม่จำเป็นต้องแข็งกร้าว ความอ่อนโยนไม่จำเป็นต้องอ่อนแอเสมอไป
แล้วเหตุใดกัน เหตุใดเขาจึงมองเห็นไท่อี่หลินซ้อนทับลูกสุนัขที่แสนกล้าหาญตนนั้นเล่า
การร่ายรำที่ไม่ประสาแต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น น้ำตาแห่งความสิ้นหวังที่ไหลออกมาแต่นางกลับไม่แยแส ไม่พยายามฟูมฟายร้องขอความสงสารจากเขาแม้แต่น้อย ต่อให้ฝ่าเท้าของนางจะบาดเจ็บอาบไปด้วยเลือดสีแดงสดทว่านางกลับมุ่งมั่นร่ายรำไม่คลอนแคลน
‘เจ้าลูกหมาน้อย เจ้าทำให้ข้าสนใจ...’
แม่ทัพหนุ่มยกจอกสุราขึ้นดื่ม ดวงตาที่แข็งกร้าวอ่อนแสงลง มองหยดเลือดบนผืนกรวดที่ราวกับจะย้อมผืนดินด้วยความรู้สึกหลากหลาย มองหยาดน้ำตาที่หลั่งรินออกจากดวงตาคู่สวยด้วยความรู้สึกคับแน่นไปทั้งอกซ้าย
แล้วจู่ๆ ไท่อี่หลินก็เริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ แม่ทัพหมิงไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดเขาจึงรู้สึกโกรธจนใบหน้าแดงก่ำที่เห็นสายตากักขฬะของเหล่าทหารใต้บังบัญชามองไท่อี่หลินอย่างโลมเลียหื่นกระหาย
ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาได้ตะโกนสั่งออกไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ปิดตาของพวกเจ้าเสีย ไม่เช่นนั้นข้าจะควักลูกนัยน์ตาของพวกเจ้าทิ้งให้หมด!”
ความโกรธแล่นปราดจนเขาเผลอกำจอกสุราในมือจนแตกกระจาย
ร่างเล็กสะดุ้งน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงตวาดลั่น กระนั้นนางก็ยังคงร่ายรำต่อไป นางฉีกยิ้มออกมาอย่างเย้ายวนแม้ว่าหัวใจกำลังร่ำไห้ ฝ่าเท้าเจ็บปวดจนแทบไร้ความรู้สึก
ไท่อี่หลินร่ายรำด้วยท่วงท่าที่ยั่วยวนยิ่งขึ้น ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวทำให้สองเต้าแทบจะโผล่พ้นออกจากตู้โตว ก้นกลมขาวผุดผาดโผล่ออกมาจากผ้าผืนบางราวกับจะกระตุกหัวใจของคนมองให้หลุดลอย
ทันใดนั้นเองแม่ทัพหมิงใช้วิชาตัวเบาย่างก้าวในอากาศลงมาหยุดยืนยังเบื้องหน้าหญิงสาว แขนแข็งแกร่งตวัดร่างบอบบางของนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว
แล้วโดยที่ไท่อี่หลินไม่ทันตั้งตัว แม่ทัพหมิงก็ประกบเรียวปากบดจูบอย่างรุนแรงดุดัน!
“อื้อ...”
