ตอนที่ 4 ของขวัญใต้โต๊ะ
ตอนที่ 4
ของขวัญใต้โต๊ะ
"ธาร เก็บกระเป๋าเสร็จเราไปซื้อขนมที่โรงอาหารกันไหม เมื่อเช้าพิมพ์ตื่นสายไม่ทันได้กินข้าวเช้า" พิมพ์มาดาก็ยังคงเป็นพิมพ์มาดา หญิงสาวสรรหาเรื่องราวมาเล่าให้ธารธาราฟังได้ทั้งวี่ทั้งวัน แต่แปลกที่ธารธารากลับไม่เคยรู้สึกเบื่อหรือรำคาญเพื่อนคนนี้สักนิด เธอทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี ตอบรับบ้างเพื่อให้พิมพ์มาดารับรู้ว่าเธอยังสนใจรับฟังและยังอยู่ในบทสนทนา
"เอาสิ ธารก็อยากหาของลูกอมมาไว้ติดกระเป๋าเหมือรกัน เมื่อเช้าเปิดกระเป๋าดูถึงได้รู้ว่าหมดแล้ว" ธารธาราตอบพิมพ์มาดา นานมากแล้วที่ธารธาราจะตอบพิมพ์มาดาด้วยประโยคยาวๆแบบนี้ หากไม่ใช่เรื่องเรียนหรือเรื่องที่ต้องอธิบาย ธารธารามักจะทำเพียงแค่ยิ้มเล็กเล็ก และพยักหน้าเท่านั้น
"งั้นรีบเก็บกระเป๋าแล้วไปกันเถอะ"น้ำเสียงกระตือรือร้นของพิมพ์มาดา ทำให้ธารธารายิ้มตามอย่างอดไม่ได้ รอยยิ้มบางๆบนใบหน้าหวานที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนักสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยอย่างศีลเสมอได้ผ่านมาเห็น ธารธาราไม่ได้ยิ้มแค่ปาก แต่นัยย์ตาหวานก็ยิ้มด้วยเช่นกัน
'ยัยนี่ยิ้มเป็นด้วยหรอ แต่ยิ้มแล้วน่ารักชะมัด'
เขากำลังคิดว่าจะหาซื้อของขวัญสักชิ้น หรือขนมสักอย่างมาให้ธารธาราแทนคำขอโทษ ไม่รู้ทำไมความรู้สึกผิดถึงติดอยู่ในใจเขาไม่หายไปเสียที หรือเพราะหญิงสาวไม่ถือสาหาความเขา เขาเลยรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้ชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้น หากหาของขวัญให้สักชิ้น หรือขนมสักอย่างแล้วหญิงสาวรับไว้ ความรู้สึกที่ค้างคาอยู่ในใจคงหายไปเสียที แล้วถ้าไม่รับล่ะ นั่นสิถ้าธารธาราปฏิเสธที่จะรับของเขาล่ะ เธอดูเป็นคนไม่ได้รับของจากใครง่ายๆอยู่แล้ว
"ไม่รับก็ยัดใส่ใต้โต๊ะก็ได้ว่ะ" ศีลเสมอบอกกับตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปทักทายสองสาวที่เขาเดินตามหลังมา
"หวัดดีพิมพ์ หวัดดีธาร มาแต่เช้าจัง แล้วนี่จะไปไหนหรอ?"
"หวัดดีศีล นี่ไม่เช้าแล้ว สายแล้ว" พิมพ์มาดาสัพยอกศีลเสมออย่างเป็นกันเอง ผิดกับอีกคนที่เมื่อกี้ยังยิ้มอยู่เลย ถึงจะเป็นยิ้มบางๆแต่มันก็คือยิ้ม ตอนนี้กลับทำสีหน้าเรียบเฉย นัยย์ตาว่างเปล่า
"แล้วจะไปไหนกันล่ะ?"
"ไปซื้อขนมอ่ะ ศีลเอาอะไรไหม? ฝากพวกเราซื้อได้นะ" พิมพ์มาดาอาสาอย่างขันแข็ง ศีลเสมอก็หล่อสะดุดตาเธออยู่ไม่น้อย แต่เธอถือคติว่าการคบเพื่อนร่วมห้องเรียนหากเลิกรากันขึ้นมาจะมองหน้ากันไม่ติดเสียเปล่า แล้วความรักวัยนี้จะหาความมั่นคงมาจากไหน
"ไม่ดีกว่า พอดีที่บ้านเราเพิ่งกลับจากต่างประเทศได้ขนมมาเพียบเลย พิมพ์กับธารแบ่งไปกินสิ" ศีลเสมอยื่นถุงกระดาษใบใหญ่ให้สองสาว พิมพ์มาดากำลังจะเอื้อมมือรับแล้ว แต่ธารธาราจับแขนหญิงสาวไว้ก่อน
"ขอบคุณนะ แต่ไม่เป็นไร" ธารธาราตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะดึงแขนพิมพ์มาดาเดินเลี่ยงออกไป เธอไม่ได้โกรธเกลียดศีลเสมอ แต่การเข้าไปพัวพันกับหนุ่มหน้าตาดีอย่างเขา ปัญหาอาจจะตามมาไม่น้อย เธออยากใช้ชีวิตสงบสุข ไม่อยากต้องคอยมาปวดหัวกับเรื่องไร้สาระพวกนี้
"ว่าแล้วเชียว ยัยนี่การผูกมิตรกับคนรอบตัวเป็นศูนย์สุดสุด แต่ช่างเหอะ" ศีลเสมอยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหยิบลูกอมรสช็อกโกแลตใส่ใต้โต๊ะธารธารา พร้อมกับกระดาษโน๊ตที่เขาพยายามบรรจงคัดทั้งคืน เขาคิดไว้ไม่มีผิดว่าธารธาราไม่มีทางรับของของเขา หรือของใคร ยกเว้นคนเดียวที่เธอจะยอมรับคือพิมพ์มาดา
'ช่วยรับไว้หน่อย แทนคำขอโทษที่เราชนธารล้มวันนั้น หากธารเอามาคืนเราจะไม่เลิกวอแวกับธาร
ศีลเสมอ'
เขายิ้มคนเดียวอย่างพึงพอใจในความคิดของตัวเอง ทีนี้แหละธารธาราก็ไม่กล้าเอาของที่เขาให้มาคืนเขาแล้ว
และทุกวันหลังจากนั้นธารธาราก็ได้รับของขวัญใต้โต๊ะมาจนถึงทุกวันนี้ ความรู้สึกดีค่อยค่อยเบิกบานภายในใจของหญิงสาว ต่อให้ใจแข็งเป็นหินผาแค่ไหน หากเจอการกระทำที่ศีลเสมอทำให้เธอย่อมมีความรู้สึกหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย วันนี้ก็เช่นกัน ธารธาราลูบกล่องช็อกโกแบตที่ถูกสอดไว้ใต้โต๊ะ ก่อนจะสาดสายตามองเจ้าของที่กำลังวิ่งตามลูกบาสอยู่กลางสนามบาส สีหน้ามุ่งมั่นตั้งใจของเขารวมถึงสิ่งที่เขาทำมาตลอดอย่างสม่ำเสมอ มันทำให้เธอตกหลุมรักเขาอย่างหาทางออกไม่เจอ ตัวธารธาราเองก็ไม่คิดจะแก้ไขอะไร ในเมื่อรู้สึกแล้วก็ปล่อยให้มันรู้สึกไปแบบนี้นั่นล่ะ ทุกอย่างย่อมมีทางของมันให้ก้าวเดินเสมอ หากไม่สมหวังเธอก็ยินดีที่จะยอมรับความเจ็บปวดนี้
