บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 พบกันอีกครั้ง

ตอนที่ 3

พบกันอีกครั้ง

วันเปิดภาคการศึกษา

"ดีใจจังที่พิมพ์ยังได้อยู่ห้องเดียวกับธาร ไม่อย่างนั้นชีวิตมอปลายพิมพ์ต้องลำบากแน่ๆ" พิมพ์มาดาก็ยังคงเป็นพิมพ์มาดา หญิงสาวยังคงเป็นเด็กสาวที่ร่าเริง มองโลกในแง่ดี มีความสดใส

"ไม่หรอก พิมพ์เองก็เรียนเก่ง ถึงไม่มีธาร พิมพ์ก็ไม่ได้เดือดร้อน" ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มบางๆให้กับเพื่อนสาวคนสนิท บางครั้งธารธาราก็อดสงสัยตัวเองไม่ได้ เธอยิ้มกว้างๆแบบคนอื่นเป็นไหมนะ

"ที่พิมพ์พูดไม่เกินจริงเลยสักนิดนะธาร ถึงพิมพ์จะไม่มีธารได้ แต่การมีธารอยู่ด้วยมันดีกว่ามากนะ"พิมพ์มาดาพูดอย่างประจบประแจง แขนเรียวกระโดดกอดแขนธารธารา แก้มใสถูไถไปกับต้นแขนเรียวอย่างออดอ้อน

"ไม่ต้องมาอ้อนเลย เข้าโรงเรียนกันได้แล้ว เดี๋ยวจะสายเอา" พูดจบสองสาวก็พากันเดินเข้าโรงเรียน ชีวิตมัธยมปลายได้เริ่มขึ้นแล้วสินะ ขอให้ทุกอย่างเงียบสงบและผ่านไปอย่างง่ายดายทีเถอะ ธารธาราได้แต่อธิษฐานในใจ

นักเรียนในห้องต่างพากันจับจองที่นั่งตามความต้องการของตัวเอง เนื่องจากเปิดเทอมวันแรกยังไม่รู้แน่ชัดเกี่ยวกับกฏระเบียบ หรือการจัดลำดับที่นั่ง ดังนั้นทุกคนเลยเลือกที่นั่งตามอัธยาสัย ธารธาราและพิมพ์มาดาเลือกที่นั่งติดริมหน้าต่าง แถวที่สามนับจากหน้าห้อง อาจเป็นเพราะทั้งสองคนไม่ชอบความโดดเด่น เลยเลือกที่จะนั่งถอยหลังมาหน่อย

"ธารนั่งริมหน้าต่างเลย เดี๋ยวเรานั่งริมทางเดินเอง" พิทพ์มาดายื่นข้อเสนอ เธอรู้ธาธารธาราชอบนั่งติดริมหน้าต่าง แต่เพราะเป็นคนพูดน้อยและขี้เกรงใจ หญิงสาวเลยไม่เอ่ยปากขอร้องอะไรใครง่ายๆ ยิ่งเป็นเรื่องหยุมหยิมเช่นเรื่องที่นั่งด้วยแล้ว หากพิมพ์มาดาบอกว่าเธอต้องการนั่งริมหน้าต่าง แน่นอนธารธาราย่อมสมยอมอย่างไม่มีข้อแม้อยู่แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่พิมพ์มาดาเลือกที่นั่งริมทางเดิน และยอมให้ธารธารานั่งริมหน้าต่าง เพื่อนของเธอควรได้รับอะไรอย่างที่ใจต้องการบ้าง ใช่ว่าเพื่อนเธอเป็นคนยอมคนไปเสียทุกอย่าง เพราะเป็นคนรักความสงบ ไม่ชอบมีปัญหา ทำให้เธอเลือกที่จะไม่มีปัญหา อะไรยอมได้ก็ยอม

"ทำไมพิมพ์ไม่นั่งริมหน้าต่างล่ะ พิมพ์ชอบนั่งริมหน้าต่างไม่ใช่หรอ" ธารธาราแย้งขึ้น

"พิมพ์อยากลองนั่งริมทางเดินบ้าง อีกอย่างนะ ธารก็รู้ว่าพิมพ์เป็นคนชอบเดินไปเดินมา จะเข้าออกบ่อยก็เกรงใจธาร ให้พิมพ์นั่งริมทางเดินนั่นแหละดีแล้ว" เสียงแข็งขันของพิมพ์มาดาทำให้ธารธาราพยักหน้าจำยอมแต่โดยดี

"คนนั้นใช่คนที่มึงชนเขาล้มหรือเปล่า"จอมทัพเพ่งพินิจ จ้องหน้าธารธารา ก่อนจะสะกิดศีลเสมอให้มองตาม

"เออใช่จริงด้วย" ศีลเสมอที่มองตาม เมื่อแน่ใจขายาวก็ก้าวเข้าไปหาธารธาราทันที

"สวัสดี จำเราได้ไหม เราที่ชนเธอล้มวันประกาศผลสอบ"ศีลเสมอทักทายอย่างเป็นกันเอง

"อืม สวัสดี" ธารธารารับคำก่อนจะกล่าวทักทายเพื่อรักษามารยาท

"เราชื่อศีลเสมอนะ เรียกเราศีลก็ได้ ส่วนนี่ไอ้ทัพ จอมทัพ" ศีลเสมอแนะนำตัวเองก่อนจะไม่ลืมที่จะแนะนำเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ

"สวัสดีเราชื่อพิมพ์ พิมพ์มาดา ส่วนนี่ธารธารา เรียกว่าธารเหมือนเราก็ได้ ธารพูดไม่ค่อยเก่ง อย่าถือสาเลยนะ" พิมพ์มาดารียแก้ตัวแทนธารธาราที่ถามคำตอบคำ ทำให้สองหนุ่มทำหน้ากระอักกระอ่วนกับบทสนทนาที่มี

"อ๋อ แบบนี้นี่เอง" จอมทัพพยักหน้าอย่างเข้าใจ

"วันนั้นที่เราชนเธอล้ม เธอเป็นยังไงบ้าง" ศีลเสมอถามอย่างห่วงใย

ธารธาราเอามือลูบหน้าผากอย่างเผลอตัว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ตอบคำถามของศีลเสมอ

"เราไม่เป็นไร นายไม่ต้องกังวล" น้ำเสียงหวานเอ่ยเสียงเรียบ

"อื้ม แบบนั่นก็ดีแล้ว" ในที่สุดศีลเสมอก็ยอมแพ้ ธารธาราไม่ตอบรับไมตรีจากเขาเลย แม้หญิงสาวจะตอบคำถามเขาตลอด แต่การตอบแบบขอไปทีทำให้เขาเสียความมั่นใจไม่น้อย คงจะจริงอย่างที่พิมพ์มาดาได้บอกไว้ว่าธารธาราพูดไม่เก่ง แม้ในวงสนทนาจะมีอยู่สี่คน แต่กลับได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของพิมพ์มาดาและจอมทัพเป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีบางคราที่มีเสียงของศีลเสมอสอดแทรกขึ้นมาบ้าง แต่กลับไม่ได้ยินเสียงของธารธาราเลยสักนิด เธอนั่งฟังเงียบๆ ไม่ทีความเห็นใดๆสักนิด

'เป็นคนเข้าถึงยากจริงๆ' ศีลเสมอมองสีหน้าเรียบเฉยที่กำลังก้มอ่านหนังสือในมืออย่างตั้งใจ เขาคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อลบความรู้สึกผิดที่ชนเธอล้มวันนั้น แค่คำขอโทษคงไม่พอ

"ธาร ใช่ธารธาราที่สอบได้อันดับหนึ่งใช่ไหม" จอมทัพเหมือนนึกขึ้นได้ 

"ใช่ธารเก่งใช่ไหมล่ะ " พิมพ์มาดาตอบแทนอย่างภาคภูมิใจในตัวเพื่อนของตัวเอง

"เก่งสิ ทำให้คนที่สอบได้ที่หนึ่งมาตลอดอย่างไอ้ศีลเสียหลักเลยนะสิ" 

"เสียหลักอะไรกัน ไอ้ทัพมึงก็พูดเกินไป" ศีลเสมอแย้งขึ้น แม้เขาจะรู้สึกผิดหวังเล็กๆที่อันดับตกลงมา แต่เขาก็ไม่ได้ยึดติดขนาดนั้น การแข่งขันมักมีคนเก่งมาแทนที่เสมอ เขาเข้าใจตรงจุดนี้ดี

"แต่ธารก็เก่งจริงๆนั่นแหละ " ศีลเสมอลองชวนธารธาราคุยอีกครั้ง เผื่อหญิงสาวจะอยากผูกมิตรกับเขาบ้าง แต่ไม่เลยธารธาราเพียงยิ้มอ่อนๆให้เขาเท่านั่น

"ขอบคุณนะ" แค่นั้นจริงๆสำหรับคำพูดที่หลุดออกจากริมฝีปากบางของธารธารา

'พูดน้อยขนาดนี้ กลัวดอกพิกุลจะร่วงหรือยังไง' ศีลเสมอคิดอย่างหงุดหงิด แต่เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากข่มความหงุดหงิดเก็บไว้ในใจ หากหญิงสาวยิ้มกว้างกว่านี้อีกสักนิด ใบหน้าหวานที่เรียบเฉยอยู่ตอนนี้คงจะสดใสขึ้นมาไม่น้อย ธารธาราเป็นคนสวย ใบหน้าที่หน้ารูปไข่ ริมฝีปากบางกระจับรับกับจับมูกเชิดที่ดูจะเป็นคนรั้นนิดๆ นัยย์ตาหวานที่แลเศร้าอยู่ตลอดเวลา แต่แววตากลับเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆเลยสักนิด หากจะคิดว่าธารธาราเป็นผู้หญิงสวยที่ไร้สเน่ห์เลยคงไม่ใช่ นี่ต่างหากล่ะที่เป็นเสน่ห์ของเธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel