3
ทรงจันทร์เดินจนขาลากจากเส้นทางโรงยิมภายในมหาวิทยาลัย จนเธอคิดว่าควรจะโบกรถสักคันเพื่อขอติดท้ายไปยังป้ายรถเมล์
หญิงสาวตั้งใจโบกรถกระบะ แต่รถคันแรกที่ขับเข้ามาทางประตูมหาวิทยาลัยคือรถเก๋ง เธอลองยกมือโบก และไม่แปลกใจที่รถคันนั้นขับผ่านเลยไป
“โธ่เอ๊ย...กะแล้วเชียว...ใจจืดใจดำ”
ทรงจันทร์บ่นกับดินฟ้าอากาศ แต่แล้วรถคันนั้นก็เบรก และถอยกลับมาจอดตรงหน้าเธอ
“จะไปไหนเหรอ...มาด้วยกันไหม”
คนขับกดปุ่มลดกระจกและเอ่ยถาม เขาไม่ได้แต่งชุดนักศึกษา เพียงแต่สวมเสื้อยืดสีเรียบธรรมดา
“จะไปป้ายรถเมล์ทางโรงอาหารค่ะ ขอบคุณที่กลับมารับ”
เมื่อทรงจันทร์เข้าไปในรถก็สังเกตเห็นเสื้อช็อปสีครามที่มีสัญลักษณ์เกียร์ที่เบาะหลัง เธอจึงเดาได้ว่าเขาสังกัดคณะวิศวกรรมศาสตร์ เธอไม่ค่อยรู้จักคนจากคณะนี้ ใบหน้าของเขาที่มองจากด้านข้าง สังเกตได้ถึงสันจมูกได้รูปและริมฝีปากบาง ดวงตากลมเรียวปลายเหมือนตาหงส์ เธอเชื่อว่าหน้าตาแบบนี้ เขาคงได้ปรากฏตัวตามเพจข่าวหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยมาบ้างแล้วแน่ๆ
ทรงจันทร์ไม่ค่อยได้คุยกับเขาตลอดเวลาที่นั่งอยู่เบาะหน้าด้วยกัน เธอประเมินจากรถยนต์และอุปกรณ์ภายในก็พอทราบได้ว่าเขาต้องมีฐานะพอสมควร ชายหนุ่มจึงเพิกเฉยเมื่อเห็นเธอโบกรถ แต่เพราะเธอขยับปากบ่นจุกจิก...เขาจึงได้ถอยรถกลับมารับ
“เราชื่อเติร์ดนะ...อยู่ปีสาม...เธอชื่ออะไร?”
ชายหนุ่มถามเมื่อถึงป้ายรอรถในมหาวิทยาลัย ทรงจันทร์เหลียวกลับมายิ้มให้เขา อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้แล้งน้ำใจเสียทีเดียว
“แยม...อยู่ปีสามเหมือนกัน ถ้าบังเอิญเจอกันอีกก็ทักกันได้นะ”
ความจริง เธอมีชื่อเล่นว่าจันทร์ แต่เมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัย...ก็มีเพื่อนชื่อซ้ำกันอยู่ในภาควิชาเดียวกัน ทรงจันทร์จึงต้องสร้างชื่อเล่นใหม่ และกลายเป็นว่านั่นคือตัวตนใหม่ที่คนในมหาวิทยาลัยต่างรับรู้ว่าเธอมีชื่อเล่นว่าแยม
ทรงจันทร์บังเอิญได้พบกับเขาอีกระหว่างนั่งตรวจเพลทที่จะใช้แปรอักษรบนแสตนด์เชียร์ ชายหนุ่มเข้ามาคุยและรับเพลทจากชมรมเชียร์มาตรวจอยู่ใกล้ๆ จากนั้นจึงชวนเธอไปรับประทานอาหารด้วยกัน
เธอนึกว่าเขาจะชวนไปโรงอาหารภายในมหาวิทยาลัย แต่กลายเป็นว่าชายหนุ่มพาเธอไปที่ลานจอดรถและขับรถออกไปที่ภัตตาคารข้างนอก
“พอดีอาหารในมอไม่ค่อยถูกปากน่ะ มื้อนี้เราเลี้ยงเอง”
ทรงจันทร์ได้สังเกตชื่อของเขาที่อยู่บนปกรายงานเตรียมส่งอาจารย์ ชายหนุ่มมีชื่อจริงว่า `ไอราพัท’ ระหว่างนั่งรถไปด้วยกันหญิงสาวได้ชวนเขาคุยด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย นักศึกษาวัยเดียวกันย่อมเข้ากันได้ง่ายอยู่แล้ว นั่นเพราะอย่างน้อยระบบการสอบก็คัดกรองคนที่มีโลกทัศน์ระดับเดียวกันให้เข้ามาอยู่ในรั้วสถาบันการศึกษา แม้เขาและเธอจะต่างพื้นเพกันก็ตาม
“ชื่อเล่นเติร์ดนี่เป็นลูกคนที่สามรึเปล่า?”
“อ้าว..รู้ได้ไงเนี่ย” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “ก็ใช่ละนะ คำว่าเติร์ดมันแปลว่าสามแบบนั้น”
“ถุงไม้กอล์ฟอยู่เบาะหลัง แสดงว่าชอบเล่นกอล์ฟนะเนี่ย” เธอสังเกตอีก
“ใช่ ฝึกมาตั้งแต่เด็กเลย ความจริงเราไม่ค่อยอยากเรียนมหา’ลัยหรอก อยากจะฝึกกอล์ฟให้เต็มเวลา แต่ทางบ้านขอให้เรียนไปด้วยฝึกไปด้วย เพราะเขายังไม่เห็นความจริงจังของเรามากพอ เราก็โอเคนะ อย่างน้อยเรียนมหา’ลัยก็ได้เจอเพื่อนวัยเดียวกันบ้าง”
ไอราพัทพาเธอไปยังภัตตาคารแนวตะวันตก เขาดูคุ้นเคยกับการสั่งเมนูอาหารหน้าตาแปลกๆ และรู้จักการจับช้อนส้อมสำหรับอาหารแต่ละจาน เธอต้องคอยทำตามเขา จนบรรยากาศบนโต๊ะอาหารมื้อนั้นราบรื่นผ่านไปด้วยดี
ทรงจันทร์บังเอิญได้พบเขาอีกตามตึกเรียน แม้ไอราพัทจะเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่เขาก็ต้องเรียนวิชาพื้นฐานที่ถูกบังคับโดยมหาวิทยาลัยด้วย
“ผลสอบมิดเทอมวิชานี้ไม่ดีเลย สงสัยจะตกอีก” ชายหนุ่มบอกกับเธอที่เดินมาด้วยกัน
“ยังเหลืออีกครึ่งเทอม อย่าเพิ่งท้อสิเติร์ด”
“เราไม่ชอบวิชานี้นี่นา ช่างเหอะ...เรียนไม่จบก็ไม่เป็นไร”
ไอราพัทพูดอย่างไม่แยแส ทรงจันทร์ได้แต่ถอนใจเพราะเธอรู้ว่าเขามาเรียนก็เพื่อเข้าสังคมวัยรุ่นเท่านั้น ถึงชายหนุ่มจะอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่เขาก็ไม่ได้เรียนภาควิชาเกี่ยวกับเครื่องจักรกลที่มีเนื้อหาการเรียนเข้มข้น เขาอยู่ในสาขาที่ผสมผสานการบริหารจัดการเทคโนโลยี ซึ่งคนที่เรียนสาขานี้หากไม่เหลวไหลเกินไปอย่างไรเสียก็ต้องเรียนจบได้
“เราเคยได้ A วิชานี้นะ เราจะติวให้ เติร์ดว่างวันไหนนัดวันมาได้เลย”
