2
หญิงสาวสบมองกล้องที่ติดตั้งตามผนัง แล้วก้มหน้ายิ้มกับเรื่องที่นางอร่ามกลัวว่าเธอจะพลาด เธอคิดไว้แล้วว่าบ้านริมแม่น้ำแบบนี้ต้องเป็นของคนมีอันจะกิน ตอนนี้จึงทราบชัดว่าเป็นชาวเมืองหลวงนี่เอง
“คุณผู้ชายคนเดียวของบ้านนี้เป็นอะไรเหรอคะ? ทำไมต้องมีคนดูแล”
“ตาบอดน่ะ แต่อันที่จริงป้าได้ยินเจ้าพีคนดูแลเขาบอกว่า...ยังไม่บอดร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ว่าต้องเข้าไปใกล้คุณเขามากๆ...เขาถึงจะมองเห็นได้รางๆ เจ้าพีบอกว่ามันเกิดอุบัติเหตุ ดวงตาคุณเขาเลยบอดแบบนี้ เดิมคุณเขาก็เป็นผู้ชายวัยหนุ่มอายุน่าจะเท่าๆ กับจันทร์นี่แหละ แล้วก็เก่งกีฬาขนาดเตรียมจะได้เป็นนักกอล์ฟติดทีมชาติแล้วนะ แต่มาเกิดเรื่องแบบนี้เจ้าตัวก็เลยเสียใจมาก โชคดีนะที่ครอบครัวรวยก็เลยส่งมาพักฟื้นที่บ้านหลังนี้ แต่ครอบครัวเขาก็จะคอยมาเยี่ยมบ่อยๆ เหมือนกัน”
ทรงจันทร์รับฟังด้วยความเห็นใจ ถึงเธอจะขัดสน แต่อย่างน้อยอวัยวะก็ยังครบอาการสามสิบสอง และร่างกายทั้งหมดก็ยังแข็งแรงดี คิดดูแล้วเธออาจจะโชคดีกว่าคุณผู้ชายของบ้านนี้ที่สูญเสียการมองเห็นไปแล้วก็ได้
“ทำไมคุณเขาเลือกมาอยู่บ้านริมแม่น้ำอย่างนี้ละคะ? ส่วนใหญ่...คนชอบไปพักร้อนกันตามทะเลมากกว่านะคะ”
“เขาอยากได้ความเงียบสงบละมั้ง จันทร์ก็รู้ว่าจังหวัดเรามันเงียบๆ ถ้าไม่มีเทศกาลก็ไม่ค่อยมีคนมา คุณเขาอยากหลบหลีกสังคม...ก็คงอยากอยู่ที่แบบนี้มากกว่าทะเลที่มีแต่นักท่องเที่ยว”
หญิงสาวเริ่มต้นเรียนรู้งานจากแม่บ้านคนเก่า เธอรู้สึกโล่งใจที่งานแม่บ้านไม่ต้องได้เข้าพบหรือพูดคุยกับคุณผู้ชายของบ้านนี้นัก ดูเหมือนเขาคนนั้นก็ชอบใช้ชีวิตเพียงลำพังบนตึก เธอพอจะเข้าใจว่าเขาเคยเป็นนักกีฬาอยู่ท่ามกลางวงสังคมมาก่อน แต่ต้องมาสูญเสียการมองเห็น มันคงทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าจนไม่อาจสู้หน้าผู้คนได้
จากนั้น ทรงจันทร์ก็ต้องเข้าสู่ขั้นตอนการสัมภาษณ์ คนดูแลบ้านนำคอมพิวเตอร์มาวางที่โต๊ะเพื่อให้เธอได้นั่งคุยกับคุณนายที่อยู่ทางไกล สตรีในหน้าจอเพียงมองแวบเดียวก็รู้ว่ามีตำแหน่งแห่งที่ในสังคมระดับไหน ทรงจันทร์ก็เคยทำงานในกรุงเทพฯและได้พบเจอคนพวกนี้มาพอสมควร
“ดูอายุยังน้อยจัง จะทำงานแทนแม่อร่ามได้ไหม?”
“ป้าอร่ามสอนงานแล้วค่ะ ดิฉันจะพยายามสานต่อให้เรียบร้อย อย่างน้อยก็ช่วงหนึ่งเดือนที่ป้าอร่ามต้องไปผ่าตัด”
“เรียนจบอะไรมา เคยทำงานแบบนี้บ้างไหม?”
“จบมัธยมจากโรงเรียนแถวนี้ล่ะค่ะ งานแม่บ้านแบบนี้ดิฉันไม่เคยทำ แต่ก็คิดว่าจะลองทำให้ดีที่สุดค่ะ”
บทที่ 2
ทรงจันทร์ไม่ได้โกหก เธอเรียนจบสายชั้นมัธยมจากโรงเรียนประจำจังหวัด แล้วเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ เธอเพียงไม่ต้องการบอกสตรีคนนี้ว่าเธอเรียนจบสูงสุดที่ระดับใด
“เอาเป็นว่า...ฉันให้ผ่าน...ถึงจะรู้สึกว่าเธออาจจะไม่เหมาะกับงานแบบนี้สักเท่าไหร่ ยังไงก็ขอให้ทำใจกับลูกชายของฉันด้วย เติร์ดเขา...ต้องการโลกส่วนตัวสูง...เธอแค่ทำงานในส่วนของเธอไป...ถ้ามีเรื่องกระทบกระทั่งกับเขาบ้าง...ก็อย่าถือสาเขาเลย”
ทรงจันทร์ยิ้มรับเมื่อได้ยินคำอนุมัติ แต่ครั้นชื่อของลูกชายผู้ว่าจ้างถูกเอ่ยออกมา ก็ทำให้หญิงสาวแอบขมวดคิ้วอยู่ในใจ
สายตาหญิงสาวมองผ่านกระจกเข้าไปในห้องนั่งเล่น แล้วเธอก็พบกับคุณผู้ชายคนเดียวของบ้านที่กำลังเดินช้าๆ มาถึงกลางห้องนั่งเล่นที่โอ่โถงแห่งนั้น เขาหันไปพูดคุยกับน้าพีซึ่งเป็นคนดูแล แต่ว่าใบหน้าของเขานั้นทำให้เธอรู้สึกตะลึงงัน
เติร์ด...อย่าบอกนะว่า...เติร์ด...ไอราพัท...
หญิงสาวพยายามซ่อนสีหน้าอิหลักอิเหลื่อที่สุดในชีวิต เธอรู้จักชายหนุ่มคนนี้ดี และเคยได้ใกล้ชิดเขาในแบบที่คนส่วนใหญ่รวมถึงครอบครัวของเขาก็อาจจะคาดไม่ถึง ทรงจันทร์คิดว่าเรื่องระหว่างเขาและเธอคงไม่มีวันได้หวนกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่าโลกจะแคบจนเหวี่ยงให้เธอได้กลับมาพบเขาอีกครั้ง
