บท
ตั้งค่า

5 พรหมลิขิตบันดาล

ความตื่นเต้นถูกพ่นออกทางริมฝีปากห่อเข้า...ซ้ำๆ

การยืดลำตัวให้ตรงขึ้น ช่วยให้ความรู้สึกนั้นเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นมาได้

วันนี้สุนทรีต้องเข้าประชุมกับทีมประสานงานลูกค้าต่างชาติเป็นครั้งแรก หลังจากที่อยู่ในทีมลูกค้าภายในประเทศมาตลอด

เธออยู่ในชุดสูทเสื้อและกางเกงสีครีม ซึ่งเป็นยูนิฟอร์มของทางบริษัท ขนาดพอดีตัว ทำผมทรงฟักทองเกล้าเอาไว้อย่างเรียบร้อย...ยกขึ้นฉีดสเปรย์ทับมาอีกที

งานนี้...ต้องเป็นงานแจ้งเกิดของเรา!

“ลูกค้ามากันแล้ว” เสียงหนึ่งในทีมว่าอย่างรีบๆ เมื่อเดินก้าวเข้ามาในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท คนเตรียมพร้อมอยู่แล้ว สูดลมหายใจลึกเข้าอีกหนึ่งทีก่อนพ่นออก เอื้อมไปหยิบปากกาไอแพดเอาไว้แน่น ตบกองเอกสารที่เตรียมมาให้เข้าที่...เรียกความมั่นใจว่าตัวเองได้พร้อมจริงๆ

มองไปยังประตูที่เริ่มมีคนทยอยเดินเข้ามา ในจังหวะที่เร่งรีบไม่แพ้กัน

ข้อมูลที่เธอได้ทราบเกี่ยวกับบริษัทคู่ค้านั้น คือเป็นบริษัทที่ต้องการเช่าพื้นที่ในแอปพลิเคชั่นศูนย์รวมห้างครบวงจรของบริษัทที่เธอทำอยู่

คล้ายๆ กับจะมาเปิดร้านในห้าง แต่เป็นห้างแบบออนไลน์ที่มีความล้ำยุคล้ำสมัยอันดับหนึ่งเจ้าแรกของประเทศในขณะนี้

ซึ่งแว่วว่า สินค้าหรือร้านที่ทางนั้นมี...ก็เกี่ยวกับอาหารสุขภาพ การดูแลตัวเองครบวงจร ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอมีข้อมูลอยู่จนล้นมือเสียด้วย

“เชิญทางนี้เลยครับ” สำเนียงภาษาอังกฤษของคนไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่าง วสันต์ ดำรงเทพ หัวหน้าฝ่ายสานสัมพันธ์ลูกค้าต่างชาติ ที่เป็นส่วนหนึ่งของแผนกสานสัมพันธ์ลูกค้า ทำเอาเธอต้องรีบหันไปมอง

วสันต์เป็นหนุ่มใหญ่วัย 35 ปีที่ยังดูดี แถมยังโสด

สุนทรีปลื้มเขามานาน ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ใหม่ๆ เพราะเขาสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีที่สุดในบริษัท เธอมีเขาเป็นไอดอล แต่ไม่ใช่ในลักษณะชู้สาวแต่อย่างใด

“ขอบคุณมากครับ” ชาวต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีทองสองสามคน เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง

หากแต่เรือนร่างหนึ่ง...ที่ทำให้รอยยิ้มต้อนรับของหนึ่งคนในห้องประชุมใหญ่ ต้องค่อยๆ เผือดลง

“เชิญทางนี้เลยครับคุณภาสกร”

“ขอบคุณครับ” ใบหน้าเรียบเฉย แววตามุ่งมั่น...หากแต่ฉายความเป็นมิตร มุมปากเผยยิ้มเยือนน้อยๆ ยังคงเหมือนเก่า แต่กลับส่งผลให้หัวใจดวงหนึ่งเต้นเร่าขึ้นมา

เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?

“น้องซีครับ...เหม่ออะไร” เสียงกระซิบจากอีกฝั่งหนึ่ง ทำเอาปากกาไอแพดของหญิงสาวหล่นร่วง หลุดจากมือ

“คะ...คะ?” เธอสะดุ้งเล็กน้อย หลุดออกจากภวังค์ พร้อมหันไปเห็นสายตาทุกคู่ที่จดจ้องมาที่ตัวเอง

รวมไปถึง...แววตาคู่นั้น ที่ไม่ได้เจอกันมาร่วมสามเดือนด้วย

สายตาของเขายิ่งทำให้เธอประหม่า หญิงสาวจึงต้องรีบหลบตา หยิบเอกสารที่วางอยู่พร้อมลุกขึ้น

“แจกเอกสารลูกค้า...” พี่สาวหนึ่งในทีมรีบกระซิบ ในขณะที่เธอรวบรวมสติของตัวเองกลับมาได้

งานแรกที่เธอเตรียมมาอย่างดีกำลังจะล้มเหลวไม่เป็นท่า เพียงเพราะมาเห็นหน้าเขาอย่างนั้นน่ะเหรอ?

ไม่ได้การละ

ทั้งหมดที่ทำมา...มันก็ไร้ประโยชน์ไปเลยอย่างนั้นน่ะสิ ภาพตัวเองฝึกภาษาอังกฤษอย่างหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหม นั่งสมาธิฝึกจิต...หวนย้อนเข้ามาในขณะที่เธอยืดตัวขึ้น

รองเท้าส้นสูงที่พยุงร่างงามสง่าเอาไว้ ทำให้เธอเรียกความมั่นใจกลับมาได้อย่างล้นปรี่

“นี่เอกสารค่ะ” เธอเอ่ยสำเนียงภาษาอังกฤษออกไป พร้อมอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ยื่น...

เริ่มที่ ‘เขา’ คนที่ทำเอาใจของเธอเต้นตูมตามไปเมื่อสักครู่ ตามด้วยชาวต่างชาติอีก 3 คนที่ยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร

สุนทรียิ้มให้คนทั้งหมด รวมไปถึงคนที่เธอทำเหมือนเขาไม่ได้มีอิทธิพลอะไรกับเธอแล้ว แม้แต่น้อย...

“ข้อหัวนี้ ไม่มีการขยายความหน่อยเหรอครับ” ภาสกรเอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบๆ หลังจากที่เปิดเอกสารทันทีแบบคร่าวๆ

ชื่อเสียงของการเพอร์เฟคไปทุกเรื่องของเขา ทำเอาทั้งทีมรีบกลืนน้ำลายไปตามๆ กัน เชิงหวั่น

“มีค่ะ...เพียงแต่จะอธิบายเพิ่มตอนนำเสนอค่ะ” ตอบกลับอย่างมั่นใจ ติดไปทางเสียงแข็งนิดๆ เพราะรู้แน่ว่าเขาน่าจะ ‘แกล้ง’ เธอไปอย่างนั้น

นั่นมันยิ่งทำให้ความหวั่นไหวกะทันหัน ติดลบลงไปในทันที

“คุณอธิบายได้ไหมครับ”

“เอ่อ...” วสันต์เห็นท่าไม่ดี จึงรีบเดินจะเข้ามาพูดแก้สถานการณ์ให้

“ได้ค่ะ ในส่วนของหัวข้อตรงนี้...เป็นจุดสำคัญอันดับสาม ของการนำสินค้าลงมาขายกับห้างออนไลน์ของเรา โดยเฉพาะถ้าเป็นสินค้าจากต่างประเทศ การตลาดก็จะมีความพิเศษออกไป แต่ทางเราจะทำการตลาดให้อย่างแน่นอนค่ะ” สำเนียงภาษาอังกฤษอันคล่องแคล่วถูกเปล่งออกไป

จนทุกคนที่กลืนน้ำลายไป รีบพากันพ่นลมหายใจออกมา เชิงโล่ง

ตลอดการสนทนาเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เพราะอยากจะให้ชาวต่างชาติเข้าใจ และทุกคนดูพึงพอใจและเข้าใจในการสื่อสารของเธอ

“ขอบคุณครับ” แววตาเรียบเฉยคู่นั้น หันมาสบกับเธอตรงๆ พร้อมฉายความรู้สึกบางอย่างออกมาชั่วครู่

มันเหมือนจะมีรอยยิ้มอยู่ในนั้น

ชื่นชมอยู่ในที...

ไม่หรอก! เธอรีบค้อมศีรษะให้เขาตามมารยาท ก่อนก้าวกลับไปยังที่ของตัวเอง ยิ้มรับแววตาชื่นชมของทุกคนที่เปิดเผยออกมาเหมือนเทคะแนนให้น้องใหม่ ที่ทำได้ดีมาก

ทีมงานของฝ่ายสานสัมพันธ์ลูกค้าต่างชาติ มีทั้งหมด 6 คนอยู่เดิม เธอมาเป็นคนที่ 7

เมื่อก่อนฝ่ายนี้จะออกไปคุยในส่วนของการทำการตลาดกับลูกค้าอื่นๆ บ้าง ซึ่งเป็นการชั่วคราว ไม่ได้มีสัญญาระยะยาวเหมือนรายนี้

ก่อนจะมีการนำเสนอของปาหนัน เลิศทรัพย์ อีกหนึ่งในไอดอลของสายงานที่สุนทรีชื่นชม ภาสกรก็ได้อธิบายคร่าวๆ ถึงความต้องการของลูกค้าต่างชาติ ซึ่งน่าจะเป็นลูกค้าของเขาอีกที

คนที่มั่นใจว่าตัวเองจะไม่มีวันกลับไปรู้สึกอะไรอีก แอบชื่นชมเขาอยู่ลึกๆ เพราะเขาทำได้ยอดเยี่ยม...สมกับเป็นคนที่เก่งหาจับตัวยากคนหนึ่ง แม้จะไม่ได้เป็นไฮโซ ไฮซ้อมาจากไหน แต่สามารถสร้างทุกอย่างมาได้ด้วยตัวเอง

“ผมชอบใจ ที่ได้ยินว่าจะมีการทำการตลาดให้ หวังว่าแผนการตลาดที่เตรียมเอาไว้น่าจะเยี่ยมยอดและถูกทิศทาง สมกับเป็นห้างออนไลน์ที่ดีที่สุดของประเทศนะครับ” เขาว่าอย่างเชื่อมั่น ไม่ได้มีแววของการดูถูกหรือปรามาสแต่อย่างใด

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ หากผิดพลาดประการใดหรือคุณภาสกรมีอะไรจะแนะนำทางเรา สามารถแนะนำได้นะครับ ทางเรายินดีมาก ที่จะได้นักการตลาดมือหนึ่งอย่างคุณมาช่วยพวกเราอีกแรง” วสันต์รีบว่า จนเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนทั้งห้องประชุมออกมาได้

“ไม่หรอกครับ ทีมคุณภาพขนาดนี้...ผมคงได้แต่เสริมเล็กน้อย” เขาว่ายิ้มๆ เชิงนิ่งตามแบบฉบับ แต่รอยยิ้มนั้นกลับส่งเลยไปยังคนที่ดูสดใสเปล่งประกายกว่าใครอื่น

รูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น...ดูแข็งแรงสุขภาพดี และการแต่งหน้าแต่งกายที่ดูดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ยังไม่น่าชื่นชมเท่าแววตาเปล่งประกายที่เต็มไปด้วยพลังของการอยากจะเรียนรู้ และหลงใหลกับงานตรงหน้าราวกับเฝ้ารอมาตลอด

มันทำให้เขา...อดที่จะยิ้มออกมาจากใจจริงไม่ได้

‘ซีมีความฝันนะคะ...ว่าอยากจะสวย เก่ง เท่ห์และก็มากไปด้วยความสามารถ โดยเฉพาะกับเรื่องงาน แต่ก็ไม่เคร่งขนาดพี่พุธหรอก’

สุ้มเสียงของเธอในวันนั้น ย้อนเข้ามา...ในวันที่เขาเห็นว่าเธอทำได้จริงๆ แล้ว

อาจจะเพราะเธอได้กลับไปโฟกัสที่ตัวเอง มากกว่าโฟกัสที่เขา ตลอดช่วงเวลาที่คบกัน

คิดไปถึงตรงนั้น แววตาคมก็สะดุดเล็กน้อย...ก่อนรีบกลบเกลื่อน และหันไปฟังการนำเสนอด้วยความมั่นใจ ของสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่ทำออกมาได้น่าสนใจ

สลับกับเหลือบไปมองคนยิ้มกว้างตลอดเวลาเล็กน้อย

เวลามีแพชชั่นกับอะไร...ก็จะทุ่มสุดใจอย่างนี้ตลอดสินะ เด็กน้อย

“เป็นยังไงบ้างคะ...แผนการต้อนรับของพวกเรา หากสงสัยตรงไหน ขอขยายความเพิ่มเติมได้เลยนะคะ” พอจบการนำเสนอปาหนันก็รีบว่า จนหนึ่งในทีมจากบริษัทต่างชาติต้องยกมือขึ้น พร้อมสอบถามถึงข้อสงสัย

ปาหนันรีบอธิบาย พร้อมให้โอกาสคนรอจังหวะได้ช่วยขยายด้วย

“ในส่วนของการตรวจสอบสินค้า ทางเราได้ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีเกี่ยวกับสินค้าที่พวกคุณได้ส่งรายละเอียดเข้ามาก่อนหน้า ซึ่งมีอยู่สองตัวนะคะ...ที่อาจจะต้องได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม เพราะกลุ่มเป้าหมายของเราเป็นคนไทยและชาวต่างชาติในไทยที่ต้องการดูแลสุขภาพ

ซึ่งแน่นอนค่ะว่ากลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติสินค้าเหล่านี้ตอบโจทย์แน่นอน แต่กับลูกค้าชาวไทย น่าจะต้องมีอะไรที่แปลกใหม่หรือเสริมเพิ่มเติมเข้ามาค่ะ” ฝ่ายนั้นพยักหน้าพร้อมจดข้อมูลสำคัญลงไป รวมไปถึงคนที่ตั้งใจฟังกว่าใครด้วย

“ลองยกตัวอย่างได้ไหมครับ?” หญิงสาวหันมายังต้นเสียง ที่ยังคงระบายไปด้วยความนิ่ง แววตาไม่ได้สื่อถึงความรู้สึกใดนอกจากทำงานล้วนๆ

“ได้แน่นอนค่ะ แต่ทั้งนี้เป็นเพียงการนำเสนอในมุมมองของทางเรานะคะ ส่วนการปรับให้เข้ากับสินค้าและเอกลักษณ์ของลูกค้า อาจจะต้องนำไปปรับใช้ดูอีกทีค่ะ

ในฐานะที่ดิฉันดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย รับประทานอาหารสุขภาพเป็นประจำ บวกกับข้อมูลที่ทางเราได้เก็บมา สินค้ายังมีข้อเสียสำหรับลูกค้าคนไทยดังหัวข้อต่อไปนี้ค่ะ...” ว่าพร้อมกดเลื่อนหน้าจอ ตามที่ตัวเองได้ทำตารางมา ให้เข้าใจได้ง่าย

ซึ่งทำให้ทุกคนพยักหน้ายอมรับอย่างพร้อมเพรียง

โดยเฉพาะคนโยนคำถาม...เธอจะมองว่าเขาแกล้งยังไงเขาไม่ได้สน เพียงแต่ความตั้งใจจริงของคนที่เป็นที่ปรึกษาให้กับคนมามากมาย เขามองว่าวิธีนี้

คือวิธีที่เขาจะช่วยให้เธอได้เฉิดฉายได้มากที่สุด

ภาสกรมองออก...ว่านี่จะเป็นงานแรกของเธอ ดูจากทั้งการตื่นเต้น เตรียมความพร้อมและปลื้มเหมือนรอคอยมานานแสนนาน เขาอ่านคนและสถานการณ์เก่ง และคิดว่าน่าจะเดาไม่ผิดเสียด้วย

“ขอบคุณครับ เป็นประโยชน์มาก” และรีบเอ่ยชมเสริมทับ ทันทีที่เธอได้อธิบายจบ

“ใช่ครับ ผมชอบไอเดียคุณ...ซื้อเลยได้ไหม?” หัวหน้าทีมของฝ่ายนั้นอย่าง จอห์น คาเรล ว่าอย่างจริงจังจนสุนทรียิ้มใหญ่

“จริงเหรอคะ?” เธอว่าอย่างตื่นเต้น จนปาหนันต้องรีบพูดต่อให้ถึงวิธีการคุยรายละเอียดในภายหลัง ซึ่งแน่นอนว่าโปรเจคนี้คนเสนอไอเดีย ที่คิดว่าจะพูดไปเพราะเป็นแค่ตัวอย่าง ได้ดูแลมันเต็มตัวแน่

“จริงสิ...ทำเยี่ยมขนาดนี้ เลิศมากค่ะคุณน้อง” สมใจ เรืองเดช คนที่นั่งข้างๆ รีบกระซิบพร้อมยกนิ้วให้

และการนำเสนอของทางลูกค้าก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยผู้นำเสนอหลักคือภาสกร ที่พูดอังกฤษสลับภาษาไทยเพราะบางอย่างยังต้องใช้การสื่อสารภาษาไทยอยู่ นั่นคือเหตุผลที่บริษัทนี้เลือกเขา

คนพูดได้ 8 ภาษา ไทย อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน อาหรับ สเปนและญี่ปุ่นอย่างเขา เป็นที่ต้องการของบริษัททั่วโลก

เพราะไม่ได้มีแค่ความสามารถในการอ่านขาดในทางธุรกิจ ทั้งการเงิน การตลาด การผลิตและการบริหาร แต่เขามีความสามารถในการสื่อสารเป็นเลิศในทุกภาษาอีกด้วย

พอการประชุมได้เสร็จสิ้นลง ภาสกรก็ได้หันมามองเธออย่างเต็มตา เปิดเผย จนคนที่กำลังเก็บทุกอย่างลงในแฟ้มของตัวเองอย่างสดใส เตรียมตัวเดินออกจากห้องไปเหมือนคนอื่นต้องสะดุด

มองแบบนี้ทำไม?

“คุณวสันต์ครับ...พอดีว่าเรื่องโปรเจคที่ลูกค้าสนใจ ผมสามารถประสานงานผ่านคุณหรือผ่านใครโยตรงไหมครับ?” เขาเอ่ยกับวสันต์เป็นภาษาไทย แต่สายตาตกกระทบมาที่เธอเด่นชัด

“ปกติคุณภาสกร...ไม่ใช่คนที่จะสนใจใครง่ายๆ” สมใจรีบกระซิบ ก่อนตบไหล่น้องสาวที่เอ็นดูเบาๆ ก่อนเดินจากห้องประชุมไป

“ผ่านผมก็ได้ครับ แต่ผ่านน้องซีด้วยเลยก็ได้ น้องชื่อสุนทรี ชื่อเล่นคือซีครับ...ซีมานี่เร็ว” วสันต์ว่าอย่างใจดี พร้อมกวักเรียกรุ่นน้อง

หญิงสาวเดินมาหยุดยืนตรงหน้าสองหนุ่ม ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างมืออาชีพ ราวกับไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับคนตรงหน้าแต่อย่างใด

“แลกคอนแท็กกับคุณภาสกรเอาไว้สิ จะได้นัดเพื่อเข้าไปคุยโปรเจคด้วยกัน”

“เอ่อ...คือว่าเรื่องโปรเจคนี้ ซีขอคุยกับหัวหน้าก่อนนะคะ” เธอหมายถึง ดวงฤดี มีรักษ์ หัวหน้าแผนกที่คอยผลักดันเธอแต่ไม่ว่างมาเข้าร่วมประชุมด้วย

“โอ๊ย เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก พี่ดวงคงจะยิ้มแก้มปริที่เด็กปั้นตัวเอง ทำงานแรกอกมาเยี่ยมขนาดนี้...แลกคอนแท็กไว้ก่อนน่ะดีแล้ว ยังไงจะได้คุยผ่านคุณภาสกรเขาได้เลย”

ทีท่าอึกอักของสุนทรีทำเอาคนยืนนิ่ง มีรอยหนึ่งกลิ้งในแววตา หญิงสาวมองออกว่า...เขาน่าจะขันตัวเองนั่นแหละ!

“ก็ได้ค่ะพี่สันต์...ขอไอดีทีนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแอดไปเอง” คนที่บล็อกเขาเอาไว้ ทำเป็นว่าไปอย่างนั้น เพราะรู้ดีว่า...ถ้าแค่ปลดบล็อกก็น่าจะเรียบร้อยแล้ว ไม่ถึงกับต้องแอดใหม่หรอก

ภาสกรเลือกที่จะยื่นเป็นคิวอาร์โค้ดไปให้ และเธอก็จำต้องสแกนไปก่อนตามนั้น ก่อนจำต้อง ‘ปลดบล็อก’ คนที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้วนกลับมาเจอมาก่อน

คุยอะไรด้วยนิดหน่อยตามมารยาท หญิงสาวก็รีบบอกลาสองหนุ่ม อ้างเรื่องงานและหลบออกมาทันที

เธอไม่มีทีท่าประหม่าแต่อย่างใด ดูมั่นใจและไม่หวั่นไหวใดๆ เลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งเดินกลับมาถึงโต๊ะห้องทำงานตัวเอง

Passakorn: ปลดบล็อกรึยัง

ข้อความที่เด้งตามมาทันทีนั้น ทำเอาเธอไม่ยอมกอดอ่าน “ปล่อยให้คิดว่าเราไม่ยอมปลดบล็อกดีไหมนะ”

Passakorn: ถ้าวันนี้ยังไม่อ่านทั้งวัน จะได้บอกวสันต์ ว่าติดต่อเราไม่ได้

นั่นประไร...สุนทรีย่นหน้าใส่โทรศัพท์เล็กน้อย

“ทีตอนเป็นแฟนกัน ไม่เห็นเคยจะพิมพ์อะไรยาวๆ แบบนี้ได้เลย...เหอะ!” แล้วหญิงสาวก็ต้องกดอ่าน พร้อมตอบกลับเขาไป รู้สึกหวั่นใจกลับการวนกลับมาเจอกันครั้งนี้

โดยที่ลืมไปเลยว่า ตัวเองเคยประกาศวาจาเอาไว้เช่นไร

‘เออ ก็แล้วแต่พรหมลิขิตเลย!’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel