4 (ของแถม)
ของแถม
ช่วงนี้น้าออยพานายหน้าเข้ามาดูบ้านและที่ดินอยู่เรื่อย ๆ ฉันรู้สึกหัวใจหวิว ๆ อย่างบอกไม่ถูก ถ้าเกิดเธอขายบ้านได้ ฉันต้องเสียใจมากแน่ ๆ
"เตรียมเก็บข้าวของแกไว้เลยนะนังนับ..อีกไม่นานก็จะมีคนมาซื้อบ้านแล้ว"หลังจากที่นายหน้าออกไปแล้วน้าออยก็เดินมาพูดกับฉันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ราวกับว่ากำลังจะขายบ้านได้
"ไม่ขายไม่ได้เหรอคะ"ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะรู้ว่าเธอคงไม่ทำตามคำขอของฉันหรอก
"ฉันจะขาย แล้วจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับยัยเอยลูกสาวฉัน..."น้าออยชายตามองมาที่ฉันแล้วแสยะยิ้มร้าย.
"....ส่วนแกจะไปอยู่ที่ไหนก็ไป"
"แต่บ้านและที่ดินเป็นของ...."เพียะ! ยังพูดไม่จบประโยคฝ่ามือของน้าออยก็ปะทะเข้ามาที่ใบหน้าฉัน
"พ่อแกยกให้ฉันมันก็ต้องเป็นของฉัน"เธอตวาดใส่เสียงดัง ฉันยกมือลูบใบหน้าส่วนอีกข้างก็กำหมัดแน่น
"ไปให้พ้นหน้าฉัน!"ฉันกัดฟันจ้องหน้าแม่เลี้ยงตัวเองด้วยอารมณ์โกรธก่อนจะหันหลังเดินขึ้นมาที่ห้อง พอปิดประตูห้องก็ฟุบลงที่พื้น แล้วเงยหน้ากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องด้วยน้ำตาที่ไหลรินลงมา
"ฮึก ฮืออออ"หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง.ฉันไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ ใช่ไหม แม้แต่ที่ซุกหัวนอน ฉันนั่งกอดเข่าร้องไห้อย่างน่าสมเพชตัวเอง
เมื่อร้องไห้จนแทบจะไม่มีน้ำตาแล้วฉันก็ลุกขึ้นหยิบกล่องกระดาษมาใส่ของที่จำเป็น รูปพ่อรูปแม่ และรูปครอบครัวเราสามคน แล้วเอกสารต่าง ๆ บนโต๊ะหนังสือ รวมถึงหนังสือเรียน และสุดท้ายก็ดึงลิ้นชักหยิบผ้าเช็ดหน้าของรุ่นพี่ใจดีคนนั้นขึ้นมา ฉันคลี่ยิ้มกับมันทั้งน้ำตา
"นับไม่เหลืออะไรแล้ว แต่นับจะเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไว้ ถ้าเกิดได้เจอพี่เมื่อไหร่นับจะคืนให้นะ"ว่าจบฉันก็เอาผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นใส่ไว้ในกล่อง
วันต่อมา...
ระหว่างที่ฉันกำลังเดินลงบันไดมาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินสองแม่ลูกพูดคุยกัน
"แม่ ไหน ๆ นังนับมันก็ไม่มีที่ไปแล้วเอยว่าเอามันไปเป็นของแถมให้กับคนที่ซื้อบ้านดีไหม"ฉันกำหมัดแน่น ไม่คิดเลยว่าคนที่ฉันนับถือเป็นพี่สาวคนหนึ่งจะพูดออกมาแบบนี้
"ของแถม?"ผู้เป็นแม่เอ่ย
"ยกมันเป็นของแถมไปเลย เขาจะทำยังไงกับมันก็เรื่องของเขา คิกคิก"พอพี่เอิงเอยพูดจบ ฉันก็รีบก้าวขาเดินเข้าไป
"ก็ดีเหมือนกัน แม่ละเกลียดมันนัก"
"เอยก็เกลียดมันค่ะแม่..ใคร ๆ ก็ชอบบอกว่ามันสวยกว่าเอยน่าหมั่นไส้ชะมัด ให้มันไปเป็นเมียเก็บ นางบำเรอไอ้เสี่ยที่จะมาซื้อบ้านเราดีกว่า สะใจดี"
"พี่จะทำแบบนั้นกับนับไม่ได้นะ นับไม่ใช่สิ่งของ!"พูดจบสองแม่ลูกก็หันมาที่ฉัน
"แกมีสิทธิ์อะไรมาตะคอกใส่ลูกสาวฉัน"น้าออยยืนขึ้นแล้วผลักฉันจนเซ
"ก็พี่เอย..."
"แล้วจะทำไม ยัยเอยหวังดีกับแกนะนังนับ"น้าออยแทรกพูดขึ้น
"หวังดี?"พี่เอิงเอยยืนขึ้นแล้วยกแขนกอดอก
"ฉันอุตส่าห์หาที่อยู่ให้แก ไม่แน่นะเสี่ยที่จะมาซื้อบ้านอาจจะเอ็นดูแก เลี้ยงดูแกอย่างดี แกจะได้สบายไม่ต้องทำอะไรเลย"
"เหอะ..ขอบคุณนะคะที่หวังดี แต่เก็บความหวังดีของพี่ไว้เถอะ"ฉันสวนขึ้นเสียงแข็ง.
"นี่นังนับ!"น้าออยตวาดใส่อย่างไม่สบอารมณ์
"น้าจะขายบ้านขายที่ดินของพ่อก็ขายไป แต่อย่ามายุ่งกับนับ"พูดจบฉันก็กำสายกระเป๋าแล้วเดินออกจากบ้าน
"แม่ดูมันสิ ทำเป็นหยิ่งผยอง"เสียงพี่เอิงเอย
"หึ"เสียงแค่นหัวเราะของผู้เป็นแม่
ฉันมาทำงานตามปกติ ในระหว่างพักเบรคก็เข้าอินเตอร์เน็ตดูบ้านเช่าพลาง ๆ
"แม่เลี้ยงแกขายบ้านได้แล้วเหรอ"การ์ตูนเดินเข้ามาแล้วเอ่ยถามเมื่อเหลือบเห็นฉันสนใจกับหน้าจอมือถือที่แนะนำห้องเช่าบ้านเช่า
"เฮ้อ"ฉันละจากหน้าจอแล้วพ่นลมหายใจออกมา
"ถ้ายังหาห้องไม่ได้มาอยู่กับฉันก่อนได้นะ"
"ขอบใจนะแก"ฉันคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้กับเพื่อนร่วมงานที่ค่อนข้างสนิท
หลายวันต่อมา
พอฉันกลับมาจากที่ทำงานก็พบกันสองแม่ลูกนั่งพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี
"มาก็ดีละ ฉันขายบ้านได้แล้วนะ"หัวใจฉันแทบจะหล่นไปที่ตาตุ่ม
"ฉันกับแม่จะย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศพรุ่งนี้"พี่เอิงเอยพูดต่อ
"พรุ่งนี้?"ฉันเบิกตากว้างมองสองแม่ลูกสลับกัน
"ใช่ ส่วนแกก็...."น้าออยหันไปหัวเราะกับลูกสาว
"....ขอให้โชคดีล่ะกัน"ฉันก้มหน้างุดรู้สึกดวงตาเห่อร้อน
"ไหน ๆ เราก็จะไม่ได้เจอกันแล้วคืนนี้มาฉลองกันหน่อยดีกว่า"พี่เอิงเอยเอ่ยแล้วคว้ามือฉันมาจับไว้ ซึ่งท่าทางการกระทำของเธอมันแปลกมาก
"ฉันซื้อไวน์ชั้นดีมาด้วยนะ"ฉันขมวดคิ้วจ้องหน้าเธอ
"ไปดื่มไวน์กันเถอะ"น้าออยเป็นคนพูดแล้วคว้าแขนฉันเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร พอเดินมาถึงก็พบกับขวดไวน์ยี่ห้อแพง และอาหารอีกสองสามอย่างบนโต๊ะ ฉันก็หันมองสองแม่ลูกด้วยความประหลาดใจ
"นั่งสิ มัวแต่จ้องหน้าพวกฉันอยู่ได้"น้าออยเอ่ยแล้วขยับเก้าอี้ให้ฉัน ในขณะที่ลูกสาวรินไวน์ เป็นจังหวะที่น้าออยพูดกับฉันจึงหันไปที่เธอ
"อาหารมื้อนี้ฉันตั้งใจทำให้แกกินเลยนะ"ฉันเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเบ้ปาก เพราะเธอพูดโกหก ดูจากดาวอังคารก็รู้ว่าสั่งมา
"นังนับ..."ฉันหันกลับมา ก็เห็นพี่เอิงเอยยื่นแก้วไวน์ให้
"...ดื่มสิ ของดีเลยนะ"
"นับไม่ดื่มค่ะ"ใช่ ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์จึงปฏิเสธไป
"แหม่ แค่แก้วเดียวเอง"
"ดื่มสักหน่อยสิ ยัยเอยอุตส่าห์ซื้อมาให้แกโดยเฉพาะเลยนะ"ฉันหันไปขมวดคิ้วใส่น้าออย ทำว่าฉันคนชอบดื่ม
"นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะที่เราจะได้มากินข้าวด้วยกัน"ฉันต้องหันไปที่พี่เอิงเอยด้วยความสงสัย ใช่ฉันสงสัยทั้งสองแม่ลูกนี่มาก ที่อยู่ ๆ ก็มาทำดีกับฉัน
"รับไปสิน้องรัก"ห๊ะ 'น้องรัก'งั้นเหรอ เป็นครั้งแรกเลยที่พี่เอิงเอยเรียกฉันแบบนี้
"เอ่อ..."
"รับไปดื่มเถอะ แค่แก้วเดียวจะได้กินข้าวกัน"น้าออยแทรกพูดขึ้น ฉันจึงตัดความรำคาญรับแก้วไวน์จากพี่เอิงเอยแล้วกระดกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว สองแม่ลูกเห็นแล้วก็หันมองหน้ากันแล้วแสยะยิ้มร้าย
.
.
.
.
Ron
ถึงวันที่จะต้องไปดูที่ดินเพื่อจะทำเป็นคาสิโน ผมก็ดันไม่ว่าง.ที่ผับมีปัญหาพ่อจึงให้ผมไปช่วยเคลียร์ จึงให้ทัชที่เป็นเลขาไปดูแทน. ทัชส่งรูปที่ดินเข้ามาในโทรศัพท์ ผมเลือก ๆ ดู สะดุดตากับที่ดินแห่งหนึ่ง ซึ่งมีบ้านปลูกใกล้ ๆ กับที่ดินว่าง ๆ ขนาดใหญ่ ซึ่งทำเลดีมาก จึงกดโทรคุยกับทัชทันที
(ครับคุณรณ สนใจแปลงไหนครับ)
"บ้านหลังนั้นที่ส่งมาขายด้วย?"
(ครับ ขายทั้งบ้านทั้งที่ดินเลย เห็นว่าต้องการเงินไปตั้งตัวที่ต่างประเทศ)ทัชตอบกลับมา
"กูสนใจ"ผมรู้สึกว่าชอบบ้านหลังนั้นมาก และคิดว่าคงจะไม่รื้อออก เพราะที่ดินก็กว้างมากพอที่จะสร้างคาสิโนอยู่แล้ว.
(ถ้าคุณรณสนใจ ผมจะได้ทำการเจรจาเลยครับ ท่าทางเจ้าของดูร้อนเงินมาก ยังบอกอีกว่ามีของแถมให้ด้วย)ผมขมวดคิ้วจนเป็นปมเมื่อทัชพูดจบ
"ของแถม?"
(เป็นลูกเลี้ยงเจ้าของที่น่ะครับ เธอบอกว่าลูกเลี้ยงไม่อยากที่จะไปอยู่กับเธอด้วยเพราะติดเที่ยว ติดผู้ชายไปทั่ว อีกอย่างเจ้าตัวก็ยินดีที่จะเป็นของแถมให้กับคนที่มาซื้อ แต่จะต้องหาที่อยู่ให้เธอด้วย)
"หึ"ผมแค่นหัวเราะแล้วส่ายหน้า เด็กคนนั้นคงจะไม่เบา
(คุณรณว่ายังไงครับ จะรับไหมของแถม)
"เขาอุตส่าห์แถมมาให้ก็รับไว้สิ ที่นี่มีที่ซุกหัวนอนให้เด็กใจแตกนั้นอยู่แล้ว"
___________________
